xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องของ “ปรัชญาตะวันตก” (ตอนสามสิบ) “ฝัน” ของ “คาร์ล มาร์กซ” เป็นจริงอีกแล้ว?!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่สหรัฐฯ หมายหัวว่าเป็น “ศัตรูหมายเลขหนึ่ง
“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”

 “ผู้นำดี” ชาติเจริญประชาสุขสงบ! “ผู้นำเลว” ชาติพังทลายประชาทุกข์ยาก!

“สหภาพโซเวียต” เป็น “รัฐสังคมนิยม” แห่งแรกของโลก โดย “พรรคบอลเชวิค” หรือ “พรรคคอมมิวนิสต์” มีผู้นำคนแรกคือ “วลาดีมีร์ เลนิน” (ดำรงตำแหน่ง 30 ธันวาคม 1922 ถึง 21 มกราคม 1924) ตามด้วย “โจเซฟ สตาลิน” (21 มกราคม 1924 ถึง 5 มีนาคม 1953) “เกออร์กี มาเลนคอฟ” (5 มีนาคม 1953 ถึง 8 กุมภาพันธ์ 1955) “นีกีตา ครุชชอฟ” (8 กุมภาพันธ์ 1955 ถึง 14 ตุลาคม 1964) “เลโอนิด เบรจเนฟ” (14 ตุลาคม 1964 ถึง 10 พฤศจิกายน 1982) “ยูรี อันโดรปอฟ” (12 พฤศจิกายน 1982 ถึง 9 กุมภาพันธ์ 1984) “คอนสตันติน เชียร์เนนโค” (13 กุมภาพันธ์ 1984 ถึง 10 มีนาคม 1985) นี่คือ “ผู้นำโซเวียต” ที่โลกรู้จักและไม่รู้จัก..

ผู้นำที่ทำให้ “โซเวียตล่มสลาย” คือ “มิฮาอิล กอร์บาชอฟ” เป็น “ประธานาธิบดีสหภาพโซเวียต” สองสมัย จาก 11 มีนาคม 1985 ถึง 19 สิงหาคม 1991 และ 21 สิงหาคม 1991 ถึง 25 ธันวาคม 1991

โดย “กอร์บาชอฟ” ลาออกตำแหน่งอย่างเป็นทางการ หมายถึงการสิ้นสุดลงของ “สหภาพโซเวียต” มีการเชิญ “ธงแดงรูปค้อนกับเคียว” สัญลักษณ์ของประเทศทรงอำนาจมากที่สุดในโลก ลงจากยอดเสาที่พระราชวังเครมลิน ในกรุงมอสโก อันเป็นที่ทำการของรัฐบาลสหภาพโซเวียต

หลังการเปลี่ยนแปลงครั้งนั้น “บอริส เยลต์ซิน” ได้ก้าวขึ้นมาเป็น “ประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย” ประมุขแห่งรัฐคนแรก อีกทั้งยังเป็น “ผู้บัญชาการทหารสูงสุด”

“เยลซิน” ได้ประกาศกับประชาชนรัสเซียว่า “เรามีเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมแล้ว เราไม่ได้เป็นคอมมิวนิสต์แล้วนะ”!

ในยุค “เยลซิน” เศรษฐกิจกับการเมืองของรัสเซียปั่นป่วนวุ่นวายมิใช่น้อย ก่อนที่ “เยลซิน” จะจากเวทีอำนาจในรัสเซียไปตลอดกาล..

ประธานาธิบดี “วลาดีมีร์ ปูติน” อดีตผู้นำองค์กร KGB ของรัสเซีย ได้เข้ามากุมการบริหารจัดการหนึ่งในชาติมหาอำนาจโลก ถ้าจะจาระไนชีวิตพิสดารพันลึกของ “ปูติน” ผู้นำรัสเซียคนนี้ ต้องใช้หน้ากระดาษมากมายมหาศาลทีเดียวเชียวแหละ จึงจะครบถ้วน

เอาเป็นว่า “รัสเซีย” ยุค “เยลซิน” อยู่ในอำนาจ “อินทรีมะกัน” กับ “กลุ่มชาติตะวันตก” พากันเบิกบานเริงร่า ที่ “ชาติรัสเซีย” มีแต่ความขัดแย้งแตกแยกไปทั่ว พลังอำนาจต่ำต้อยด้อยลงแทบทุกมิติ “หมีขาว” ที่เคยน่ากลัวกลับกลายเป็น “หมีป่วย” อาการร่อแร่แย่ลงเรื่อยๆ

“กลุ่มชาติตะวันตก” จึงอุปโลกน์ “พวกตน” เป็นดั่ง “มาเฟียจ้าวโลก” เที่ยวสุมหัวใช้ “กองทัพอธรรม” ออกข่มขู่ กับแสวงหาและกอบโกยผลประโยชน์จาก “ชาติอ่อนแอกว่า” อย่างไร้มนุษยธรรม จนชาติต่างๆ ทั่วโลกเดือดร้อนกันไปหมด

บ่อยครั้งที่ “มะกัน” กับพวกพ้อง ใช้ “สื่อตะวันตก” สร้างเรื่องสามานย์ ให้ร้ายป้ายสีชาติอื่นๆตามใจชอบ จากนั้นก็ส่ง “กองทัพอธรรม” บุกเข้าไปแบบดื้อด้านยึดครองชาติที่อ่อนแอนั้นอย่างป่าเถื่อน.. เรียกว่า “ล่าอาณานิคมชาติอื่น” ตามอำเภอใจ โดยไม่แยแสสนใจต่อ“ กฎกติกาสากล”ใดๆ ทั้งสิ้น ฯลฯ
“รัสเซีย” คือบทเรียนจริง ซึ่งถูก “บันทึกประวัติศาสตร์” ให้รู้กันว่า ชาติใดมี “ผู้นำดี-ชาติย่อมเจริญ นำพาประชาสุขสันต์”! ในทางตรงกันข้าม ถ้าชาติได้ “ผู้นำเลว-ชาติย่อมล้าหลัง พาประชาทุกข์เข็ญ”!

ทุกชาติจึงต้องเร่ง “ปฏิรูปชาติทุกมิติสำคัญ” ต้องใช้ระบบการเมืองที่ทำให้ชาติได้ “นักการเมืองส่วนใหญ่” เป็นคนดี มีคุณภาพ มีคุณธรรม ไม่โกงชาติ ต้องรักชาติรักประชาชนด้วยใจจริง ต้องไม่ทำให้ “กลุ่มคนชั่วผงาด-กลุ่มคนดีขยาด”

ทว่า.. ระบบการเมืองในชาติต่างๆ กลับมีแต่เรื่องผู้นำเลว นักการเมืองชั่วช้า ซึ่งเป็นเช่นนี้มานานแล้ว..จริงไหม??

“วลาดีมีร์ ปูติน” ทำให้ “หมีป่วย” กลับคืนเป็น “หมีขาวที่สง่างาม” แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นหนึ่งในชาติมหาอำนาจของโลก ที่ “อินทรีมะกัน” กับ “กลุ่มชาติตะวันตก” ต้องขยาดขลาดกลัว จนประกาศให้เป็น “ศัตรูตัวเอ้”..?

“มาร์กซ-แองเกล” น่าจะยินดีปรีดา ถ้ารู้ว่า หลัง “สงครามโลกครั้งที่สอง” ได้เกิด “รัฐสังคมนิยม” ขึ้นอีกแห่ง คือ “ชาติจีน” ที่มี “พรรคคอมมิวนิสต์” นำโดย “เหมาเจ๋อตุง” กับพรรคพวก ได้นำประชาชนจีน ลุกขึ้นต่อสู้อย่างกล้าหาญกับ “รัฐบาลเผด็จการจีน” และปกป้องแผ่นดินจากการรุกรานของ “กองทัพญี่ปุ่น” ที่ใช้อำนาจอธรรมกดขี่ชาวจีนอย่างหน้าด้านๆ ตามใจชอบ การต่อสู้ของพลพรรคคอมมิวนิสต์ ทำให้ประชาชนจีนบาดเจ็บล้มตายเป็นเบือ..

เล่าขานกันอย่างภาคภูมิใจว่า ชาวบ้านได้แอบ “หาอาวุธประดามี” ใช้ต่อสู้อย่างห้าวหาญกับ “ทหารญี่ปุ่นผู้รุกราน” ขณะที่ “เหมาเจ๋อตุง” ได้ยื่นมือออกไปเรียกหา “ความสามัคคี” จาก“กองทัพรัฐบาลจีน” ให้จับมือกับ“กองทัพคอมมิวนิสต์จีน” ร่วมกันต่อสู้ปกป้อง“ชาติจีน” ขับไล่“กองทัพญี่ปุ่น”ออกไปจากแผ่นดินจีน..

ในที่สุด “กองทัพก๊กมินตั๋ง” ของรัฐบาลจีน ก็ต้องยอมจับมือกับ “กองทัพคอมมิวนิสต์จีน” ร่วมกันต่อสู้กับ “กองทัพญี่ปุ่น” อย่างเต็มกำลัง ฯลฯ

“กองทัพญี่ปุ่น” ต้องประกาศ “ยกธงขาว” ยอมรับความพ่ายแพ้ หลังถูก “อินทรีมะกัน” ขน “ระเบิดนิวเคลียร์” ถล่มใส่ 2 ลูก จนบ้านเมืองพังพินาศย่อยยับ ชาวญี่ปุ่นล้มตายไปหลายแสนคน ฯลฯ

ภายหลังที่ “กองทัพญี่ปุ่น” ได้พ่ายแพ้ไปแล้ว “สองกองทัพจีน ”ก็หันกลับมาต่อสู้กันเอง..

ศึกครั้งนี้ จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของ “กองทัพก๊กมินตั๋ง” เจียง ไคเชก ต้องหนีเตลิดไปปักหลักที่ “เกาะไต้หวัน”

ชาวจีนกลุ่มนี้ ไม่ยอมอยู่ใต้การบริหารของรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ ภายใต้การนำของ “เหมาเจ๋อตุง” และ “พรรคคอมมิวนิสต์” ที่ใช้รูปแบบ “มีจีนชาติเดียว” แต่ใช้ “สองระบบการเมือง” เฉกเช่น“ เกาะฮ่องกง” ที่ใช้สูตร “หนึ่งประเทศ สองระบบ” เป็นทั้ง “รัฐทุนนิยม” และ “รัฐคอมมิวนิสต์” ไงล่ะ?
แต่ “ไต้หวัน”ไม่ยอมอ่อนข้อให้ “ชาติจีน” แผ่นดินใหญ่เลย ด้วยแรงยุของ “มะกัน” กับชาติพรรคพวก ที่ส่งเสริมให้ “ไต้หวัน” แข็งข้อ จนมีแนวโน้มว่า ในอนาคต “ไต้หวัน” กับ “ชาติจีน” อาจเกิดการปะทะกันได้ โดย “มะกัน” กับ “กลุ่มชาติตะวันตก” มุ่งโกยเงินทองของ “ไต้หวัน” จากการค้าขายอาวุธ ควบคู่ไปกับการยุแยงให้ “คนจีนฆ่าคนจีน” ด้วยกันเอง

วลาดีมีร์ เลนิน ผู้นำสูงสุดของสหภาพโซเวียต ซึ่งเป็น “รัฐสังคมนิยม” แห่งแรกของโลก
“ไต้หวัน” จึงเป็น “พื้นที่สำคัญอีกจุดหนึ่ง” ที่อาจเกิดศึกสงครามขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ ดังเช่น “รัสเซีย” ต้อง “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” กับ “ยูเครน” ไงล่ะ?

“รัฐสังคมนิยมจีน” ที่ “มะกัน” กับพวก ได้เคยดูถูกดูแคลนถึงความยากจนกับล้าหลัง ภายใต้การบริหารของ “พรรคคอมมิวนิสต์จีน” ทว่า.. ผ่านไปเพียงไม่กี่สิบปี จีนได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างเหลือเชื่อ เพราะ“ชาติจีน” ได้กลายเป็น “เจ้าหนี้อันดับหนึ่ง” ของมะกัน! แถมในหลายหลากมิติ เช่นด้านเทคโนโลยี “จีน” ยังทันสมัยล้ำยุคเหนือกว่า “ชาติมะกัน” กับ “ชาติยุโรปตะวันตก” โดยเฉพาะความล้ำหน้าด้านการสื่อสาร “อินทรีมะกัน” กับ “กลุ่มชาติยุโรป” ถึงกับต้องซื้อหาสินค้าหลากมิติจาก “ชาติจีน”! ฯลฯ

วันนี้.. “มะกัน” จำต้องออกกฎหมายกีดกันทางการค้า “ห้ามสินค้า” ทั้งหลายของชาติจีน เข้ามาขายตีตลาดสินค้าของ “มะกัน” และ “ยุโรปตะวันตก” ด้วย “สินค้าจีน” มีราคาถูกกว่า และรูปแบบทันสมัย เทคโนโลยีก็ใช้ง่ายกว่าสินค้าของมะกันกับกลุ่มชาติตะวันตก..

มาดูกันคร่าวๆ ว่า มีอะไรบ้างที่ “ชาติจีน” เหนือกว่า “ชาติตะวันตก” บ้าง?

เทคโนโลยีเอนกประสงค์ของ “โดรน” จัดว่าจีนเป็นชาติล้ำหน้าอันดับหนึ่งของโลก! “รถไฟวิ่งทางไกล” ของชาติจีน สะดวกสบายแถมวิ่งเร็วติดอันดับหนึ่งของโลก! “จรวดจีน” เดินทางไปท่องอวกาศ และได้ลงจอดในมุมมืดของดวงจันทร์เป็นชาติแรก!

“อาวุธ” หลายชนิดของกองทัพจีนในยุคนี้ พัฒนาอย่างรวดเร็วมีคุณภาพ ชนิดที่มะกันกับชาติพรรคพวก พากัน “งงเต๊ก” ไปเลย! ทั้ง “เครื่องบิน” กับ “เรือดำน้ำ” ล่องหน! อีกทั้ง “ขีปนาวุธ” แบบธรรมดากับ “ติดนิวเคลียร์” มีความเร็วสูงและแม่นยำเหนือกว่าของมะกัน ซึ่งเคยทดลองทำแล้ว แต่ยังไม่สำเร็จ! ฯลฯ

แถมการสื่อสารระบบ “G” ของชาติจีน ตั้งแต่ “5G” ขึ้นไปซึ่งทันสมัยล้ำยุค จน “มะกัน” ต้องห้ามนำเข้าใช้ใน “แดนอินทรี” และพาลห้าม “ชาติยุโรปตะวันตก” ซื้อใช้ด้วย แต่การแข่งขันในโลกทุนนิยมเสรี ทุกวันนี้ “หลายชาติในยุโรป” จึงแอบซื้อระบบ “5G” ของชาติจีนใช้กัน ฯลฯ

อยากรู้จัง.. “มาร์กซ-แองเกล” จะว่ายังไง เมื่อรู้ว่า วันนี้ “อินทรีมะกัน” ประกาศให้ “รัฐจีน” ที่บริหารโด ย “พรรคคอมมิวนิสต์จีน” เป็น “ศัตรูหมายเลขหนึ่ง”!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น