ถ้าว่ากันตามการประเมินของรัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ “นายGrant Shapps” เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ว่าบรรดาโลกตะวันตกทั้งหลาย อันประกอบไปด้วยคุณพ่ออเมริกาและชาติพันธมิตรยุโรปคงหนีไม่พ้นต้อง “ปะ-ฉะ-ดะ” กับจีน-รัสเซีย-อิหร่าน-เกาหลีเหนือ ในอีกไม่เกิน 5 ปีนับจากนี้ ดังนั้น...ในช่วงเวลาเท่าที่เหลืออยู่ ประเทศ “หญ้าแพรก” อย่างไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา คงต้องหมั่นศึกษา ค้นคว้า ตรวจสอบข้อมูลต่างๆ กันให้ชัดๆ นั่นแหละว่า สุดท้ายแล้ว...ใครจะแพ้ ใครจะชนะ ใครจะออกหัว-ออกก้อย ไปในแนวไหน? กันแน่!!!
ด้วยเหตุนี้...ปิดท้ายสัปดาห์นี้ เลยคงต้องขออนุญาตไปพูดถึงหนังสือเล่มหนึ่ง ที่เพิ่งวางแผง วางจำหน่ายในฝรั่งเศส ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี่เอง อันเป็นข้อเขียน ข้อวิเคราะห์ ของนักประวัติศาสตร์ นักมานุษยวิทยา นักประชากรศาสตร์ นักสังคมวิทยาและนักรัฐศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ผู้มีนามกรว่า “นายEmmanuel Todd” แห่งสถาบัน “INED” (The National Institute of Demographic Studies) ที่ตัดสินใจฟันธงและฟันเฟิร์มเอาไว้ในหนังสือเล่มล่าสุด ซึ่งให้ชื่อเอาไว้ว่า “La Defaite de L’Occident” โดยถ้าถอดความเป็นภาษาปะกิต ก็คือ “The Defeat of the West” หรือ “ความพ่ายแพ้ของโลกตะวันตก” นั่นแล อย่างน้อย...อาจเอาไว้ใช้เป็นแง่คิด มุมมอง ในการตั้งราคาต่อ-รอง ว่าควรจะถึงขั้น “100 บาทเอาอุจจาระสุนัขกองเดียว” หรือไม่? ประการใด?
คือ “นายEmmanuel Todd” รายที่ว่านี้...ต้องถือว่า “ไม่ธรรมดา” เอามากๆ ทั้งๆ ที่เติบโตมาจากครอบครัวชาวยิวที่อพยพมาจากออสเตรีย แต่โดยความคิด-ความอ่าน เรียกว่า...เป็นคนละเรื่อง คนละม้วน กับชาวยิวประเภท “Zionist” ทั้งหลาย ไม่ว่าจะไล่มาตั้งแต่ “ฮิตเลอร์ยุคใหม่” อย่าง “นายBenjamin Netanyahu” ผู้นำอิสราเอล หรือแม้กระทั่งนักคิด-นักทฤษฎีอเมริกันเชื้อสายยิว อย่าง “นายSamuel P. Huntington” ผู้ซึ่งวายชนม์ไปเมื่อไม่นานมานี้ และเคยคาดการณ์ ทำนายถึงโลกในอนาคตที่มิอาจหลีกเลี่ยง “การปะทะทางอารยธรรม” ระหว่างโลกตะวันตกกับโลกอิสลาม โดยมีคุณพี่จีนช่วยถือหางเอาไว้ในหนังสือเรื่อง “A Clash of Civilizations” อันโด่งดังนั่นเอง แต่สำหรับ “นายEmmanuel Todd” แล้ว กลับเห็นว่าการอยู่ร่วมโลกเดียวกัน หรือการไหลมาบรรจบกันของอารยธรรมต่างๆ แม้แต่อารยธรรมในโลกอิสลามก็เถอะ น่าจะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้มากกว่า ดังที่นำเสนอไว้ในหนังสือชื่อว่า “In A Convergence of Civilization: The Transformation of Muslim Societies Around the World” เมื่อช่วงปี ค.ศ. 2007 นั่นแล...
และโดยเครดิต ความน่าเชื่อของ “นายEmmanuel Todd” ผู้มีอายุ-อานามประมาณ 73 ปีผู้นี้...ต้องถือว่าเคยสร้างความตื่นตะลึงให้กับใครต่อใครมาตั้งแต่อายุเพียงแค่ 25 ปีเท่านั้นเอง แต่ก็สามารถฟันธง-ฟันเฟิร์มถึงการ “ล่มสลาย” ของจักรวรรดินิยมโซเวียตรัสเซีย ก่อนหน้า “กำแพงเบอร์ลิน” จะแตกนับเป็นสิบๆ ปี ด้วยเหตุเพราะการอาศัยข้อมูล ข้อเท็จจริง อันหลากหลายมากมาย อย่างเช่นการนำข้อมูลอัตราการตายในวัยทารกที่เพิ่มขึ้นๆ ในสังคมโซเวียตรัสเซีย อันเป็นสิ่งที่พวกนักคิด-นักทฤษฎีรายอื่นๆ ไม่ค่อยให้ความสนใจ ให้ความสำคัญมากมายสักเท่าไหร่นัก มาใช้เป็นองค์ประกอบในการฟันธง-ฟันเฟิร์ม ไม่ใช่เอาแต่เฉพาะเรื่องการเมือง เรื่องเศรษฐกิจล้วนๆ เท่านั้น ที่มักถือเป็นเครื่องมือวินิจฉัย คาดการณ์ทำนายทายทักถึงความเป็นไปของโลก ของอนาคตเบื้องหน้า...
เช่นเดียวกับการฟันธง-ฟันเฟิร์มถึง “ความพ่ายแพ้ของโลกตะวัน” ในหนังสือเล่มใหม่ล่าสุด ที่ไม่ได้เอาแต่เรื่องการเมือง เศรษฐกิจ หรือการทหาร มาใช้เป็นพื้นฐาน เป็นแนวทางการวิเคราะห์-สังเคราะห์โดยลำพัง แต่อาจด้วยความที่เคยคลุกคลีกับข้อมูล ข้อเท็จจริง ระดับลึกลงไปถึงความรู้สึก-นึกคิด-จิตใจ ของบรรดาชาวตะวันตกมาตั้งแต่ครั้งทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกด้านประวัติศาสตร์ จาก “Trinity College” และมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ด้วยการศึกษา ค้นคว้าความเป็นไปของชุมชนชาวนาในประเทศฝรั่งเศส อิตาลี สวีเดน ฯลฯ ช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรมในยุโรปจำนวนถึง 7 แห่ง 7 ชุมชนสิ่งที่ “Emmanuel Todd” ค้นพบและอาจถือเป็น “หัวใจ” ของโลกตะวันตก ของโครงสร้างระดับพื้นฐานแห่งสังคมบรรดาชาว “Anglo-American” ทั่วกันไปทั้งหมด ไม่ว่าตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น ไปจนเข้าสู่วาระแห่งการล่มสลาย ก็คือสิ่งที่เรียกว่า “Protestantism” หรือแนวคิดและจริยธรรมแบบ “โปรเตสแตนต์” อันถือเป็นต้นรากเป็นสาขา-กิ่งก้านของศาสนาคริสต์นั่นเอง ในแง่ที่มุ่งเน้นคุณค่าของการทำงานวินัยทางสังคมและถูกสอดแทรกไว้ในประสิทธิภาพของระบบการศึกษา ความสัมพันธ์ทางด้านการงาน ไปจนขีดความสามารถในการผนึกหลอมรวมปัจเจกชนเข้ากับสังคมแต่ละสังคม ฯลฯ...
แต่ด้วยเหตุสิ่งที่ว่านี้...มันค่อยๆ ระเหิดหาย หรือได้ “Vaporization” ไปจากสังคมตะวันตกอย่างชนิดแทบไม่มีวันหวนกลับคืนมาได้อีกเลย โลกตะวันตกจึงได้ผ่าน “ขั้นตอนแห่งความกระตือรือร้น” (Active Stage) ไปสู่ “ขั้นตอนความตายซาก” (Zombie Stage) จนกระทั่งบัดนี้ได้เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้าย นั่นก็คือ “ขั้นตอนแห่งความไม่เหลืออะไรเอาไว้เลย” (Stage Zero) ชนิดแม้แต่จักรวรรดิอเมริกามหาอำนาจสูงสุดแห่งโลกก็เถอะ!!! จากที่เคยยิ่งใหญ่เกรียงไกรในยุคอดีตประธานาธิบดี “Theodore Roosevelt” จนถึงยุคประธานาธิบดี “Eisenhower” (Great America, from Roosevelt to Eisenhower) อันเป็นห้วงเวลาที่สังคมอเมริกันเคยสามารถรักษา “ด้านบวก” ของแนวคิดแบบโปรเตสแตนต์เอาไว้ได้ไม่น้อย แต่เมื่อมาถึง ณ ปัจจุบัน ทุกสิ่งทุกอย่างก็กำลังเป็นไปในแบบ “From Zombie to Zero” ค่อยๆ หมดฤทธิ์ หมดเดช หมดสภาพ โดยที่สิ่งเหล่านี้ “นายEmmanuel Todd” ได้อธิบายเอาไว้อย่างละเอียดลออ ในหนังสือเรื่อง “In After the Empire : The Breakdown of the American Order” ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 โน่นเลยด้วยการอาศัยข้อมูลดัชนีชี้วัดทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ ประชากร แนวคิดทางปรัชญา ฯลฯ มาใช้เป็นองค์ประกอบในการวิเคราะห์-สังเคราะห์อย่างเป็นขั้น-เป็นตอน...
โดยสิ่งที่อาจถือเป็นตัวทำลายแนวคิดจริยธรรมแบบโปรเตสแตนต์ อันถือเป็นรากฐานประวัติศาสตร์ความเป็นมา-เป็นไปของโลกตะวันตก อย่างหนักหนา-สาหัสที่สุด ถ้าสรุปง่ายๆ...ก็คือ “เสรีภาพ” ตามแบบฉบับฝรั่งทั้งหลายนั่นแหละเป็นสำคัญ หรือถ้าหากพูดแบบ “อภิมหาพระ” บ้านเรา อย่าง “ท่านพุทธทาสภิกขุ” ก็คือความไม่คิดที่จะข่มกลั้นอารมณ์-ความรู้สึกใดๆ ของ “ตัวกูเอง” ด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นแรงปรารถนา (กิเลส) ในแบบหยาบๆ ง่ายๆ หรือแบบละเอียดก็ตามที จนทำให้ไม่เพียงแต่จริยธรรมในการประกอบธุรกิจ-การงานค่อยๆ หดหายจนแทบไม่เหลือติดปลายนวมเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวสร้างแรงกระตุ้นให้กับความโลภในการสร้างผลกำไรให้กับตัวเอง หรือกลายเป็นรากฐานของแนวคิดทางการเมือง-เศรษฐกิจ-สังคม แบบที่เรียกขานกันในนาม “เสรีนิยมใหม่” (Neoliberalism) นั่นเอง...
และสิ่งที่อาจถือเป็น “เครื่องบ่งชี้ขั้นสุดท้าย” ของเสรีภาพดังกล่าว อันได้นำไปสู่ความตายซาก ความไม่เหลืออะไรเอาไว้เลย ในสายตาของ “Emmanuel Todd” ก็คือการเห็นดี-เห็นงามกับ “การสมรสของคนเพศเดียวกัน” ของพวก “LGBTQ” หรือพวก “The Transgender” ทั้งหลาย ที่ไม่เพียงแต่ทำให้ “อัตลักษณ์” ความเป็นตัวตนของแต่ละคน เกิดความบิดเบี้ยว บิดเบน จนแทบหาหลักฐาน ข้อพิสูจน์ใดๆ ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุเพราะผู้ชายอาจกลายเป็นผู้หญิง ผู้หญิงก็อาจกลายเป็นผู้ชายได้ทุกเมื่อ ยังถือเป็นการ “ปฏิเสธความจริง” ชนิดไม่หลงเหลือร่องรอยใดๆ ที่เคยปรากฏอยู่ใน “ศาสนา” อีกต่อไปแล้ว หรือเป็นแนวคิดที่นำไปสู่การ “ทำลายล้าง” (Nihilism) จนแทบไม่เหลือสิ่งใดๆ ที่พอใช้เป็นที่ยึดมั่น ยึดเหนี่ยวเป็นที่ยกย่อง บูชา ต่อไปได้อีกเลย...
ขณะที่ “เสรีภาพ” ในโลกตะวันออก...มันอาจยังพอมีอะไรถ่วงๆ เอาไว้มั่ง ไม่ว่าจะในรัสเซีย หรือจีน ที่ “Emmanuel Todd” เห็นว่า การอุบัติขึ้นมาของพวกคอมมิวนิสต์เมื่อครั้งอดีตนั้น ได้มีส่วนสำคัญในการพัฒนา “ชนชั้นกลางรุ่นใหม่” ขึ้นมาในสังคมเหล่านี้ และคนเหล่านี้นี่เองที่เป็นผู้ใช้เสรีภาพไปตามแนวทางประชาธิปไตยเท่าที่ยังคงมีอยู่ในสังคมแต่ละประเทศ แม้ว่าอาจเป็นประชาธิปไตยที่ออกจะประหลาดในสายตาของชาวตะวันตก เป็น “ประชาธิปไตยแบบอำนาจนิยม” (Authoritarian Democracy) ก็ตาม แต่มันก็ยังพอหลงเหลืออะไรต่อมิอะไรให้พอยึดมั่น ถือมั่น เอาไว้มั่ง โดยเฉพาะสิ่งที่เรียกว่า “คุณธรรม-การเสียสละ” ตามแบบฉบับพวกคอมมิวนิสต์ทั้งหลาย ไม่ถึงกับ “ตายซาก” หรือ “ไม่เหลืออะไรเอาไว้เลย” แบบสังคมตะวันตกที่ได้ผ่านพ้นขั้นตอนแห่งความ “กระตือรือร้น” ไปนานแล้ว...
สรุปรวมความแล้ว...ทุกสิ่งทุกอย่างเลยหนีไม่พ้นต้อง “La Defaite de L’Occident” หรือ “The Defeat of the West” กันจนได้นั่นเอง เสียดาย...ที่โอกาสอ่านหนังสือเล่มนี้ในภาษาฝรั่งเศส ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ เพราะแค่ภาษาปะกิตเท่านั้น...ก็ตายแล้ว!!! ด้วยเหตุนี้...ถ้าหากผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาฝรั่งเศสบ้านเราจะขอลิขสิทธิ์เอามาแปล มาพิมพ์เผยแพร่ย่อมถือเป็นเรื่องเหมาะ-เรื่องควรเอามากๆ อย่างน้อยก็เพื่อให้ผู้ที่พยายามอยู่รอดปลอดภัยเอาไว้ก่อน หรือผู้ที่ “รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี” อย่างบรรดาทวยไทยทั้งหลาย อาจนำมาใช้เป็นตัว “ชั่งน้ำหนัก” ได้บ้างว่า สุดท้ายแล้ว....ใครจะเจ๊ง-ไม่เจ๊ง หรือใครแพ้-ใครชนะกันแน่!!!