"พัชรวาท" ลงพื้นที่สมุทรสงคราม ตรวจเยี่ยม "โครงการแก้มลิงทุ่งหิน" พร้อมเร่งรัดให้เสร็จโดยเร็ว หวังยกระดับคุณภาพชีวิต - แก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน เล็งพัฒนาพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว
วันนี้ (17 ม.ค.66) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการแก้มลิงทุ่งหิน ต.ยี่สาร อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม โดยมีนายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม น.ส.กาญจน์สุดา ปานาสุทธะ นายกอบจ.สมุทรสงคราม พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.7 พร้อมด้วยหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ประชาชนในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับ
พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า โครงการแก้มลิงทุ่งหินแห่งนี้มีความสำคัญกับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวแม่กลองเป็นอย่างมาก ทั้งบรรเทาปัญหาน้ำหลาก และช่วยกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝน ในบริเวณตำบลยี่สาร ไปจนถึงพื้นที่อำเภอเขาย้อย จ.เพชรบุรี หากโครงการแล้วเสร็จสมบูรณ์ จะสามารถกักเก็บน้ำได้ประมาณ 9 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมทั้งจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจ เพาะพันธุ์สัตว์น้ำต่างๆ เป็นแหล่งศึกษาระบบนิเวศป่าชายเลน ดังนั้นโครงการนี้ จะสามารถยกระดับคุณภาพชีวิต ทำให้พี่น้องประชาชนกินดีอยู่ดี มีน้ำใช้ในการอุปโภค บริโภค และเพื่อการเกษตร อีกทั้งจะเป็นแลนมาร์คการท่องเที่ยวแห่งใหม่ด้วย โดยรัฐบาลจะเร่งพัฒนาโครงการนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อลดปัญหาความเดือดร้อนและพี่น้องประชาชนจะได้ใช้ประโยชน์โดยเร็ว
จากนั้นพล.ต.อ.พัชรวาท ได้เดินตรวจเยี่ยมโครงการฯ และสอบถามถึงสภาพปัญหาต่างๆกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานราชการ พร้อมกับถ่ายรูปร่วมกัน ก่อนที่จะเดินทางต่อไปได้สักการะหลวงพ่อวัดบ้านแหลม ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสมุทรสงคราม และกราบนมัสการพระราชสมุทรวริโสภณ เจ้าอาวาส วัดเพชรสมุทรวรวิหาร ต.แม่กลอง อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม
สำหรับโครงการแก้มลิงทุ่งหิน มีเนื้อที่กว่า 2,623 ไร่ มีสภาพเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ มีน้ำทะเลหนุนสูง เกิดปัญหาน้ำเอ่อล้น เข้าท่วมพื้นที่ประมง และที่อยู่อาศัยของประชาชนบ่อยครั้ง อีกทั้งจังหวัดสมุทรสงครามไม่มีแหล่งเก็บกักน้ำจืดขนาดใหญ่ โครงการแก้มลิงทุ่งหิน จึงเป็นโครงการสำคัญ เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัย ในอดีตพื้นที่แห่งนี้เคยถูกราษฎรและนายทุนบุกรุก จำนวน 52 ครอบครัว ต่อมาทางจังหวัดได้พิจารณาเห็น ควรที่จะนำมาทำเป็นแก้มลิงขยายผลตามโครงการพระราชดำริ จึงได้มอบหมายให้นายอำเภออัมพวา และโครงการชลประทานสมุทรสงคราม เข้าไปทำความเข้าใจกับราษฎรผู้บุกรุก และผลักดันผู้บุกรุกออกไปจากพื้นที่ทั้งหมดและดำเนินโครงการและพัฒนาพื้นที่เรื่อยมา.