ผ่านไปกว่า 4 เดือนรัฐบาลเศรษฐีเศรษฐา ทำให้ประชาชนได้เห็นว่ามีกิจกรรมหลากหลายต่อเนื่องแทบไม่เป็นอันกินอันนอน ทุ่มเททำงานแบบไม่มีวันหยุด มีงานทั้งในประเทศและภารกิจต่างประเทศ
ภารกิจมากเหลือเกินจนต้องให้เจ้าหน้าที่จัดเตรียมห้องนอนพิเศษในทำเนียบรัฐบาลเพื่อทำงานติดตามอย่างต่อเนื่อง อุทิศชีวิตและเวลาทำงานให้ประสบผลสำเร็จเป็นประโยชน์สุขแก่ประชาชน
คณะรัฐมนตรีบางคนพยายามสร้างกิจกรรม ขยันเดินติดตามผู้นำรัฐบาลไม่ต่างจากไอ้ห้อยไอ้โหนเกาะได้ออกโทรทัศน์ให้ประชาชนเห็นว่า มีภาระวุ่นเช่นเดียวกัน
อะไรก็ไม่เท่ากับการบริหารกิจกรรมเน้น ดรามาปั่นกระแสโครงการจุดขายของประเทศไทยที่เรียกกันว่าซอฟต์เพาเวอร์ แล้วก็เวอร์แทบทุกลมหายใจเข้าออก
ตัวแม่งาน ลูกสาวเถ้าแก่ใหญ่เจ้าของพรรคเองก็พยายามค้นหาสินค้าอาหารหรือกิจกรรมด้านวัฒนธรรมต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว แต่ยกระดับให้เป็นซอฟต์เพาเวอร์ของประเทศ
ปั่นกระแสสนับสนุนโครงการซอฟต์เพาเวอร์ทำเอาชาวบ้านที่รู้ทันเกมรู้สึกเบื่อหน่ายกับกิจกรรมที่ตีกินแบบง่ายๆ ไม่ต้องใช้สติปัญญาแต่มีงบประมาณเบิกบานกว่า 5 พันล้านบาท
ดูแล้วทั้งหัวหน้ารัฐบาลและหัวหน้าทีมงานซอฟต์เพาเวอร์ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เป็นโล้เป็นพายโครงการที่หาเสียงไว้โอ่อวดประชานิยมถมไม่เต็ม ก็ยังไม่มีอะไรเป็นไปตามเป้าหมาย นอกจากราคาคุย
ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรคาดหวังเพราะการหาเสียงของนักเลือกตั้งก็เป็นเพียงปั่นหัวเป่าหูชาวบ้านให้ลงคะแนน คำมั่นสัญญาว่าจะทำนั่นทำนี่ ไม่ได้จริงจัง
โครงการแจกเงินดิจิทัลวงเงิน 5 แสนล้านบาท ก็ยังเป็นลูกผีลูกคนหลังจากแต่งนิทานมากล่อมหูชาวบ้านหลายเรื่อง จนถูกเด็กทวงถามวันเด็กที่ผ่านมา
โอกาสและความเป็นไปได้ในการกู้เงินก้อนมหาศาลมาแจกดูเหมือนจะรางเลือน ห่างไกลจากความเป็นจริงเพราะอุปสรรคด้านกฎหมายมากมาย
มีสิ่งเดียวที่ต่อเนื่องและโดดเด่นคือแฟชั่นการแต่งกายของหัวหน้ารัฐบาล ออกแนวสไตล์ขัดหูขัดตาชาวบ้านที่มองว่าไม่มีกาลเทศะในสถานะผู้นำประเทศ
ไม่ว่าจะเป็นงานออกแขกระหว่างประเทศสวมถุงเท้าหลากสีฉูดฉาดบาดตา รวมทั้งเสื้อสูทในสไตล์นายแบบแฟชั่นสร้างความฮือฮาในสายตาของสื่อต่างชาติ ความโฉบเฉี่ยวการแต่งกายอาจถูกมองว่ากลบความสามารถเนื้อหาสาระ
ชีวิตส่วนตัวยิ่งแต่งแบบสนุกสุดๆ ไม่ต้องรักษาภาพลักษณ์ของผู้นำประเทศที่ควรจะมีวุฒิภาวะและรักษารูปแบบรสนิยมการแต่งกายให้ดูน่าศรัทธาเชื่อถือ
บางรายการยิ่งกว่าตัวตลก บางชุดเหมือนนกแก้วคาบพริก บางชุดเหมือนตัวตลกโบโซ่ ถ้าใครท้วงติงก็ออกอาการเหมือนยิ่งว่ายิ่งยุ จนชาวบ้านบอกปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของเค้าเถอะ
สำคัญที่ว่ากิจการยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน การเดินสายเรียกร้องให้มีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไปต่างประเทศก็บอกประเทศไทยพร้อมสมบูรณ์ แต่มาเมืองไทยบอกบ้านเมืองมีปัญหาวิกฤตต้องเอาเงินมากู้กระตุ้นเศรษฐกิจ
จึงต้องกลายเป็นคนสองบุคลิก ผีคนละตัวเข้าสิงเมื่ออยู่ต่างประเทศและในประเทศ ที่สำคัญชาวบ้านรู้กันทั้งเมืองว่าเป็นผู้นำที่ไม่มีอำนาจตัดสินใจด้วยตัวเอง
มีคนชักใยอยู่เบื้องหลัง ไปไหนมาไหนมีลูกสาวเถ้าแก่นักโทษชายเด็ดขาดคอยไปร่วมเข้าฉากเพื่อให้ชาวบ้านรู้ว่าตัวเองพร้อมจะเป็นผู้นำรัฐบาลโดยไม่รู้สึกเจียมเนื้อเจียมตัวด้านขีดความสามารถและความรู้ของตัวเอง
รัฐบาลนี้จึงมีเสนาบดีที่ไม่มีผลงานเด่นชัดอาจเป็นเพราะมีส่วนหนึ่งขาดประสบการณ์และไม่กล้าตัดสินใจคิดอะไรเอง แม้จะอยู่ต่างพรรคเพราะศูนย์รวมอำนาจอยู่กับนักโทษชายเด็ดขาด
เมื่อเป็นเช่นนี้คำขู่ที่ว่าจะปรับคณะรัฐมนตรีจึงเริ่มส่อเค้าว่าเป็นจริงอีกเดือนหรือสองเดือน ถ้าปล่อยอย่างนี้ต่อไปโดยไม่มีผลงานเด่นชัดจะอยู่ได้ยาก
แต่นั่นก็ต้องดูว่าชะตากรรมของนักโทษชายเด็ดขาดจะลงเอยอย่างไรเมื่อกระแสไม่ยอมรับสภาพการอยู่นอกคุก ไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียวเป็นการท้าทายความรู้สึกของประชาชน
ประเด็นนี้จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของรัฐบาลเศรษฐาและครอบครัวของนักโทษชายเด็ดขาดว่าจะรุ่งเรืองเฟื่องฟูอยู่ในอำนาจได้อย่างมั่นคงหรือไม่
โครงการแจกเงินดิจิทัลก็จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของรัฐบาลนี้เช่นกัน ถ้าทำไม่ได้คณะกรรมการกฤษฎีกาก็จะถูกอ้างว่าเป็นองค์กรชี้แนะว่าโครงการไม่เข้าข่ายความจำเป็นต้องกู้เงินเพราะประเทศไม่ได้อยู่ในภาวะวิกฤต
ประเทศไทยยังมองไม่เห็นเส้นทางอนาคตชัดเจน การมีคณะรัฐมนตรีซึ่งขาดความรู้ความสามารถ ทั้งยังถูกสงสัยว่าขยันผิดงานผิดเวลาจะนำพาให้เสียหายมากกว่า ยิ่งมีข้อสงสัยประเด็นทุจริตคอร์รัปชันด้วยแล้วโอกาสบ้านเมืองจะฟื้นตัวได้รับการยอมรับจากนักลงทุนยิ่งไม่ง่าย
ชาวบ้านกลุ่มผู้ด้อยโอกาสก็คงอยู่ในสภาพที่ลำบากเหมือนเดิม ไร้โอกาสเพิ่มรายได้และอนาคตที่ดีกว่า