“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
“อดัม สมิธ” ผู้นำความคิดทุนนิยม ซึ่งมาก่อน “บิดาแห่งคอมมิวนิสต์ - คาร์ล มาร์กซ์”!
“ศัตรู” ที่ปักหลักเผชิญหน้าซัดกันทุกวันนี้ หนีไม่พ้นระบอบ “ทุนนิยม” กับระบอบ “สังคมนิยม”
ระบอบ “ทุนนิยม” ที่วันนี้เรียกกันติดปากว่า “ทุนนิยมสามานย์” มี “คู่ต่อกร” ในระดับชาติ บานปลายไปถึงการเมืองระดับโลก เป็นความขัดแย้งระหว่าง “กลุ่มรัฐบาลนายทุน ”กับ “กลุ่มรัฐบาลคอมมิวนิสต์”!
การเมือง “กลุ่มนายทุน” ใช้ “ประชาธิปไตยเลือกตั้ง” เป็นเครื่องมือ ที่มักมีแต่เรื่อง “สกปรกมาก” กับ “สกปรกน้อย” หาความ “บริสุทธิ์ยุติธรรม” ได้ยากมาก กลุ่มนี้มีชาติมหาอำนาจ “อเมริกา” เป็นหัวโจก กับ “กลุ่มชาติยุโรปตะวันตก” เป็น “กลุ่มสมุนมะกัน”!
ชาวโลกรู้กันทั่วว่า “คาวบอยมะกัน” จะนำ “กลุ่มชาติยุโรป” ออกแสวงหาปล้นชิงทรัพยากรจาก “ชาติอ่อนแอกว่า” อยู่เสมอ ด้วยการสนับสนุน “ชาติที่ยอมจำนน” และแทรกแซงกับบุกเข้ายึดครอง ฯลฯ
ส่วนบรรดาชาติอ่อนแอกว่าที่ดื้อดึงแข็งข้อ เป็นต้องถูก “อินทรีมะกัน” นำ “กลุ่มชาติยุโรปฯ” ใช้ “สื่อตะวันตก” ให้ร้ายป้ายสีปั้นน้ำเป็นตัวแทบทุกด้าน เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับ “ชาติพวกตน” ฯลฯ
บางครั้งยังแอบใช้ “องค์การสหประชาติ” สร้างความชอบธรรมทางการเมือง ก่อนจะส่ง “กองทัพอธรรม” บุกเข้ายึดครองชาติเป้าหมาย เพื่อ “ฮุบทรัพยากรมีค่า” มาแจกจ่ายกัน ฯลฯ
บ่อยครั้งที่ “มะกัน” กับ “กลุ่มชาติยุโรป” ใช้อำนาจเถื่อน อ้างเป็น “กลุ่มจ้าวโลก” บุกเข้ายึดชาติอ่อนแอกว่าแบบดื้อๆหน้าด้านๆ “รวมหัวกัน” ขนเงินทองกับทรัพยากรล้ำค่า กลับสู่ “กลุ่มชาติตนเอง” อย่างต่อเนื่อง โดยไม่สนใจเสียงประชาคมโลกและ UN
พูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อมคือ “อินทรีมะกัน” กับ “กลุ่มชาติยุโรป” มักใช้พฤติกรรมป่าเถื่อนเป็นนิจ “ยึด” กับ “ปล้น” บรรดา “ชาติอ่อนแอกว่า” ชนิดไม่สนใจ “กฎหมายสากล” แม้แต่น้อย ฯลฯ
ปัจจุบันสถานการณ์โลกได้เกิดการแปรเปลี่ยน ชนิดที่ “กลุ่มอินทรีมะกัน” คาดไม่ถึง ว่า “มังกรจีน” กับ “หมีขาวรัสเซีย” และพวก จะผงาดขึ้นมาเป็นชาติมหาอำนาจที่ทันสมัยก้าวหน้าในหลากมิติ ถึงขั้นคานอำนาจกับ “กลุ่มมะกัน” ได้ขนาดนี้
โดย “กลุ่มมะกัน” ไม่อาจข่มขู่บังคับให้ “จีน” กับ “รัสเซีย” สยบยอมต่อ “กลุ่มมะกัน ”แบบไม่หือไม่อือ ปล่อยให้ “พวกมะกัน” ทำอะไรตามใจชอบเฉกเช่นในอดีตได้อีกแล้ว..
วันนี้เป็นที่รับรู้กันอย่างกว้างขวางว่า ในบางเรื่องบางมิติ “ชาติอเมริกัน” กับ “กลุ่มชาติยุโรปตะวันตก” ที่เคยอหังการ์ มีมิติที่ด้อยกว่า“ มังกรจีน” แล ะ“หมีขาวรัสเซีย”
แถมชาวโลกยังหูตาสว่าง รับรู้แล้วว่า คำแอบอ้างเป็น “กลุ่มตำรวจโลก” ขัดแย้งกับพฤติกรรม “กลุ่มมาเฟียโลก” ซึ่งใช้ “การเมือง” ระบอบ “ประชาธิปไตยเลือกตั้ง” เป็นอาวุธ!
อีกทั้งใช้ “เศรษฐกิจ” ระบอบ “ทุนนิยมการค้าเสรี” ซึ่ง “ไม่เสรีจริง”! เพราะเป็นแบบ “มือใครยาวสาวได้สาวเอา” หรือแบบ “ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ”ได้อย่างเสรี จน “ปลาเล็ก” ถูกสวาปามแทบหมดเกลี้ยง..!
สังคมโลกจากอดีตจนถึงวันนี้ จึงมีปัญหา “คนรวย” เพียงน้อยนิด-รวยยิ่งขึ้น! ส่วน “คนจน” ที่เป็นคนส่วนใหญ่-จนลงเรื่อยๆ นับวันช่องว่าง “ความเหลื่อมล้ำ”ระหว่าง “คนรวย” กับ “คนจน” จะถ่างกว้างยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาสังคมขยายตัวหนักหนาสาหัสยิ่งขึ้นจนยากจะแก้ไข
ก่อนจะพูดถึงระบอบ “คอมมิวนิสต์” ของ “คาร์ล มาร์กซ์” ผมขอนำเรื่อง “ผู้นำความคิด” ระบอบ “ทุนนิยมเสรี” ที่วันนี้เรียกกันว่า การเมือง “ทุนนิยมสามานย์” ที่ยึดหลัก “กำไรสูงสุด” ก่อเกิด “สังคมคนกินคน” เป็นอริกับการเมือง “คอมมิวนิสต์” ถึงกับต่อสู้กันชนิดเอาเป็นเอาตาย มาตั้งแต่อดีตจรดปัจจุบันยันอนาคต..
ชายชาวเยอรมันนาม “อดัม สมิธ” ซึ่งเป็นทั้ ง“นักปรัชญา” และ “นักเศรษฐศาสตร์” เป็นที่ยกย่องยอมรับของผู้คนว่า “เก่ง-เจ๋ง-ปราดเปรื่อง” ดูได้จากคำพูดสั้นๆ ที่ว่า..
“ไม่มีสังคมใดจะรุ่งเรืองและผาสุกได้ ตราบเท่าที่สมาชิกส่วนใหญ่ยังยากจนข้นแค้น”!
ใช่เลย! “อดัม สมิธ”! แต่! เสียดายที่คุณตายไปนานแล้ว จึงไม่ได้เห็นว่า “มวลมนุษย์” ในระบอบ “ทุนนิยมเสรี” กลับยิ่ง “ยากจนข้นแค้นมากขึ้น”!
“อดัม สมิธ” เป็นหนึ่งในนักคิดไม่กี่คนของโลก ที่ “ความคิดของเขา” เป็นแรงบันดาลใจ ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงให้ “มวลมนุษยชาติ” ต่อเนื่องยาวนานร่วม “สามร้อยปี” ด้วยระบอบเศรษฐกิจโลกที่เต็มไปด้วย “ความยากจน” ของคนส่วนใหญ่ และ “ความมั่งคั่งร่ำรวย” ของคนส่วนน้อย
“อดัม สมิธ” เกิดวันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ.1723 ณ หมู่บ้านเคิร์กคอลดี้ สกอตแลนด์ “สมิธ” เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัย “กลาสโกว์” ในสกอตแลนด์ ต่อด้วยมหาวิทยาลัย“ออกซฟอร์ด” ในอังกฤษ จากนั้นมาสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัย “เอดินเบิร์ก” ในสกอตแลนด์ และมาเป็นศาสตราจารย์ภาควิชาจริยศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยกลาสโกว์นานถึง 13 ปี จากนั้นจึงออกเดินทางหาความรู้ต่างๆ ด้วยการพบปะกับนักคิดมากมายในอังกฤษกับฝรั่งเศส
“สมิธ” เป็นนักคิด นักเขียน นักทฤษฎี ฯลฯ เป็น“คนสำคัญ” ในขบวนการความรุ่งเรืองทางปัญญาของสกอตแลนด์ ที่วิพากษ์ค่านิยมของสังคม และความเชื่อของผู้คนในสมัยนั้น ด้วยแนวคิดที่เป็นวิทยาศาสตร์ ใช้หลักความมีเหตุมีผล นำไปสู่การเติบโตทางวิชาสังคมศาสตร์ ด้านภาษาศาสตร์ โดยเฉพาะทฤษฎีด้านเศรษฐศาสตร์ ฯลฯ
ในบั้นปลายชีวิตของเขา “อดัม สมิธ” ได้เข้ารับตำแหน่งอธิการบดีของมหาวิทยาลัยกลาสโกว์ ตราบจนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ.1790 สิริอายุ 67 ปี
“อดัม สมิธ” ได้เขียนหนังสือไว้สองเล่ม คือ “ทฤษฎีจริยศาสตร์” (The Theory of Moral Sentiments) พิมพ์เผยแพร่ปี ค.ศ.1759 ในสมัยเป็นศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยกลาสโกว์ และหนังสือเกี่ยวกับ “ความมั่งคั่งของชาติ” (The Wealth of Nations) ตีพิมพ์ในปี ค.ศ.1776
ถือได้ว่าหนังสือสองเล่มนี้ ปฏิวัติทั้งความคิด และความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของสังคม และการตัดสินใจของมนุษย์ ทางด้านการจัดสรรทรัพยากรทางเศรษฐกิจ และวางรากฐานให้กับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ของประเทศในระบอบทุนนิยม
หนังสือเล่มแรกของ “อดัม สมิธ” ขายดีมากในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่ เป็นการ เสนอแนวคิดในการตัดสินใจของมนุษย์ ให้เป็นไปตามธรรมชาติของการอยู่ร่วมกัน ให้มนุษย์ได้มั่งคั่งทั่วกันในสังคม ที่แม้ทุกคนจะนึกถึงประโยชน์ตนในการตัดสินใจ แต่ลึกๆแล้ว ในใจมนุษย์ก็มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่น นำมาซึ่งการยับยั้งชั่งใจ ในการตัดสินใจพฤติกรรมของตนในสังคม เพื่อทำให้สังคมดำรงอยู่อย่างมั่งคั่ง และมีความสุข ฯลฯ
แนวคิดนี้ของ “อดัม สมิธ” หวังจะหักล้างความเชื่อเดิม ที่มีการคิดถึงแต่ผลประโยชน์ส่วนตน (Self interest) ซึ่งจะทำให้สังคมมนุษย์วุ่นวายด้วยเกิดพฤติกรรมป่าเถื่อน เพื่อแย่งชิงความมั่งคั่ง แย่งชิงทรัพยากร ทำให้ต้องมีบทบาทของ “รัฐที่เข้มแข็ง” เข้ามาควบคุม
หนังสือเล่มนี้จึงรู้จักกันอย่างกว้างขวาง และถือเป็นจุดก่อเกิดระบอบ “รัฐทุนนิยม” นั่นเอง!
ส่วนหนังสือเล่มที่สองนั้นชัดเจนอยู่แล้ว เพราะพูดถึงเรื่อง “ความมั่งคั่งของชาติ” จากแนวคิดในการบุกเบิกเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ซึ่งมีข้อเสนอในการทำให้เศรษฐกิจเติบโต กับสร้างความมั่งคั่งให้กับประเทศ ด้วยหลัก “ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์” ง่ายๆ นั่นคือ ประเทศต้องมีรายได้จากการส่งออก มากกว่าการนำเข้า เพื่อทำให้ “ได้ดุลการค้า มากกว่าเสียดุลการค้า” จะได้ทำให้ “ชาติร่ำรวย” มากกว่า “ชาติจนลง”
อืม..ไม่มีอะไรซับซ้อน คือ ต้อง “ชาญฉลาด” ในการ “ทำกำไรให้ชาติ” มิใช่ทำให้ “ชาติขาดทุน” นะโว้ย!
ทว่า.. “สินค้า” ที่ประเทศผลิตได้ มีค่อนข้างจำกัด ไม่หลากหลายดังควร เนื่องจากที่ดินกับทรัพยากรมีไม่เพียงพอ ฯลฯ จึงทำให้ “กลุ่มชาติมหาอำนาจ” ต้องใช้“ประชาธิปไตยเลือกตั้ง”เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ ออกไปบีบบังคับให้ “ชาติอื่น” ต้องทำการเมืองแบบ “พวกตน” และใช้ระบอบเศรษฐกิจที่อ้างเป็น “การค้าเสรี”
แต่! “การค้าเสรี” ที่อ้างมิได้เป็น “การค้าที่เสรีจริง” เพราะเป็นการค้าแบบ “ปลาใหญ่กินปลาเล็ก”! เป็นการค้าชนิด “มือใครยาวสาวได้สาวเอา” ไร้ความยุติธรรม สังคมโลกจึงแปรเปลี่ยนเป็น “สังคมคนกินคน” เกิดความ “เหลื่อมล้ำมากมาย” กระจายไปทั่วโลก เกิดการ“ต่อสู้แย่งชิงผลประโยชน์” ทุกมุมโลก
“อดัม สมิธ” กับ “นักคิดทุนนิยม” รู้ไหมว่า แม้ท่านจะมี“ความคิดดี”เพียงใด แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ “ความโลภไม่รู้จักพอ” ปราศจากความยับยั้งชั่งใจ จนทำให้มนุษย์ฆ่าฟันกันเองในทุกวันนี้..!!!..