ยูเครนสิ้นสภาพที่จะทำสงครามกับรัสเซียต่อไป ตัวผู้นำอดีตดาวตลกบนจอทีวี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ จะประสบชะตากรรมตอนจบอย่างไรยังไม่แน่ชัด
จะโดนผู้นำกองทัพรัฐประหารหรือตัวเองจะหอบเงินหนีไปอยู่สหรัฐฯ หรือประเทศอื่นๆ ที่ปลอดภัยหรือไม่ก็ยังต้องรอดู ถ้าไม่โดนฆ่าเสียก่อน
กองทัพยูเครนได้สูญเสียคนหนุ่มในสงครามหลายแสนคน บาดเจ็บอีกไม่น้อยซึ่งมีทั้งพิการ นับว่าเป็นการหายไปของคนหนึ่งรุ่นที่ควรจะเป็นทรัพยากรบุคคลของประเทศ
การตัดสินใจของผู้นำตัวตลกที่นำประเทศเข้าสู่สงครามได้ทำให้ยูเครนประสบความหายนะ บ้านเมืองพินาศย่อยยับ ประชากรไร้ที่อยู่อาศัย
โครงสร้างสาธารณูปโภคที่สำคัญถูกทำลายไม่เหลือทั้งไฟฟ้า ประปา ระบบขนส่งคมนาคม การสื่อสาร และเครือข่ายรางรถไฟ ถนนหนทาง
ช่วงนี้ผู้นำรัฐบาลมีปัญหากับผู้นำกองทัพจนผู้สังเกตการณ์คาดว่าอาจจะนำไปสู่การรัฐประหารล้มเซเลนสกี้ เพื่อหยุดสงครามไม่ต้องให้คนไปตายอีก
กองทัพยูเครนไม่สามารถรับความช่วยเหลือจากกลุ่มประเทศในนาโต โดยเฉพาะ สหรัฐฯ ที่ต้องทุ่มทุกอย่างเพื่อช่วยเหลืออิสราเอลในภาวะสงครามที่ยังไม่จบ
สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ยังไม่ยอมผ่านกฎหมายงบประมาณ 106 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยยูเครนมากถึง 6 หมื่นล้านดอลลาร์ และส่วนอื่นเป็นการช่วยเหลืออิสราเอล ไต้หวัน และการป้องกันชายแดนด้านใต้
ยูเครนไร้ความหมายและผู้นำนาโตก็รับรู้ว่าความพ่ายแพ้และจุดจบเป็นสิ่งที่จะต้องตามมา และยูเครนจะต้องเสียพื้นที่ประมาณ 25% ของประเทศให้รัสเซีย
ต้องรอดูต่อไปว่าถ้ายูเครนยังจะดึงดันสู้ต่อไปก็มีโอกาสที่จะเสียพื้นที่ประเทศมากขึ้นและไม่มีทางจะเอาคืนได้
มีเสียงเรียกร้องจากนักการเมืองเยอรมนีให้ส่งผู้ชายยูเครนที่หนีสงครามอยู่ในประเทศต่างๆ ในยุโรปกลับไปสู้รบเพื่อสนับสนุนกองทัพ นั่นก็คือการส่งไปตาย
นักการเมืองหญิงยูเครนคนใกล้ชิดเซเลนสกี้ ก็บอกว่าให้ส่งผู้หญิงเข้าไปเป็นทหารรบในแนวหน้า เป็นการแสดงความเห็นแก่ตัวที่จะส่งคนไปตาย
ทุกวันนี้การหนีการเกณฑ์ทหารเป็นไปอย่างมากด้วยการติดสินบนเจ้าหน้าที่ โดยอ้างความไม่สมบูรณ์ของร่างกาย บางส่วนก็หลบหนีข้ามชายแดนออกนอกประเทศ
เป็นที่รู้กันว่าถ้าถูกเกณฑ์ทหารแล้วไปฝึกการสู้รบเพียง 3 หรือ 4 เดือนจากนั้นเข้าสู่สมรภูมิก็จะมีชีวิตยืนยาวอีกประมาณ 4 หรือ 5 ชั่วโมงเท่านั้น
กองทัพรัสเซียไม่ยอมสิ้นเปลืองทหารแต่ใช้อาวุธวิธีไกลเช่น ปืนใหญ่ จรวด ขีปนาวุธ และโดรนโจมตีนอกเหนือจากเครื่องบินทิ้งระเบิด
แสนยานุภาพในการใช้อาวุธระยะไกลของยูเครนไม่สามารถเทียบกับรัสเซียได้ มีการประเมินกันว่าถ้ารัสเซียยิงปืนใหญ่มา 7,000 นัด ยูเครนสามารถยิงได้แค่ 1,000 นัดเท่านั้น
ดังนั้นทหารยูเครนจึงมีความสูญเสียอย่างมากเพราะรัสเซียมีอาวุธมากมาย และโรงงานของรัสเซียทำการผลิตอาวุธทุกประเภท 24 ชั่วโมงและถือว่าเป็นภาวะสงคราม
ผู้นำของรัสเซียประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้สั่งให้ระดมเกณฑ์ทหารเพิ่มให้มีจำนวนรวม 1.32 ล้านคน เพื่อเตรียมรบกับกองกำลังนาโตถ้าสงครามขยายตัว
ยูเครนได้สูญเสียทหารซึ่งเป็นคนหนุ่มไปมากทำให้ทหารที่เหลือมีอายุเฉลี่ยเพียง 43 ปี ซึ่งถือว่าอายุมากขณะที่คนหนุ่มสาวหนีเกณฑ์ทหารไปอยู่นอกประเทศ
ยูเครนเหลือประชากรประมาณ 20 ล้านคน จากเดิมที่เคยมีมากกว่า 40 ล้านคน โดยส่วนหนึ่งเป็นเชื้อสายรัสเซียและถูกผนวกไปร่วมกับรัสเซียดังเช่น 4 แคว้นย่านตะวันออกของยูเครนและไครเมีย
กองทัพยูเครนขาดทั้งอาวุธและขวัญกำลังใจที่จะต่อกรกับกองทัพรัสเซียซึ่งมีแสนยานุภาพห่างกันอย่างเทียบกันไม่ติด และมีประชากรมากกว่า 134 ล้านคน โครงสร้างของประเทศก็ไม่เสียหาย
ประชาชนรัสเซียยังให้การสนับสนุนประธานาธิบดีปูติน เต็มที่เพราะถือว่าเป็นผู้กอบกู้สภาพของรัสเซียให้ยิ่งใหญ่หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ไม่อยู่ในสภาพที่จะช่วยเหลือยูเครนได้และยังเสี่ยงว่าความพ่ายแพ้ของยูเครนจะเป็นการสูญเสียความน่าเชื่อถือในกลุ่มนาโตและตัวเองต้องเผชิญกับการเลือกตั้งในปีหน้า
บางประเทศในยุโรปประกาศไม่ยอมสนับสนุนอาวุธให้ยูเครน เยอรมนีซึ่งเป็นตัวหลักเริ่มออกอาการที่จะทิ้งยูเครนเพราะการเมืองภายในประเทศไม่ร่วมด้วย
เศรษฐกิจของเยอรมนีเผชิญสภาวะถดถอย 3 ไตรมาส และช่วงนี้ยุโรปเผชิญพายุหิมะทำให้ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานสูงขึ้นและหนาวกว่าปีที่ผ่านมา
ถ้ายังคิดจะสู้รบต่อไป ยูเครนคงอยู่ในสภาพใกล้สิ้นชาติ ประชาชนเหลือไม่มากพอที่จะกอบกู้บ้านเมืองเพราะอยู่ในสภาพยากจนแม้จะได้รับเงินจากธนาคารโลกหรือไอเอ็มเอฟ แต่ต้องเป็นหนี้มหาศาล
ถ้าผู้นำตัวตลกทิ้งประเทศหรือโดนรัฐประหารยูเครนอาจจะอยู่รอดได้โดยไม่มีเขี้ยวเล็บที่จะเป็นภัยต่อรัสเซีย นี่เป็นจุดจบของประเทศที่ไม่ควรจะเผชิญ
การมีผู้นำประเทศที่ไร้ประสบการณ์ และโง่เขลาเบาปัญญา บ้าอำนาจไม่มีความรู้อย่างเซเลนสกี้ จึงนำพาบ้านเมืองและประชาชนสู่หายนะซึ่งยากจะเยียวยา
ประเทศในยุโรปซึ่งเป็นสมาชิกนาโตคงไม่อยากรบกับรัสเซีย เมื่อเห็นสภาพของยูเครน รัสเซียมีอาวุธเหนือชั้นกว่าสหรัฐฯ โดยเฉพาะขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกที่สหรัฐฯ ยังไม่สามารถพัฒนาได้
ยุโรปยังขาดแคลนพลังงานและการสู้รบในตะวันออกกลางอาจจะนำไปสู่การชะงักของการส่งออกน้ำมันถ้ามีปัญหาลามไปถึงอ่าวเปอร์เซีย
ยูเครนจึงถูกทิ้งและเป็นบทเรียนสำคัญ ว่าสหรัฐฯ ได้กระทำอย่างนี้กับเวียดนาม อัฟกานิสถาน อิรัก และประเทศอื่นๆ ที่สหรัฐฯ ไปทำสงครามแต่ไม่ชนะ
เป็นบทเรียนสำคัญให้ต้องย้ำอีกว่า เป็นศัตรูกับสหรัฐฯ นั้นอันตราย แต่เป็นมิตรกับสหรัฐฯ ถึงขั้นตาย อย่างที่นายเฮนรี คิสซินเจอร์ เคยพูดไว้ก่อนเสียชีวิตในอายุ 100 ปีไม่กี่วันที่ผ่านมานี้