เพียงแค่ “ตดยังไม่ทันหายเหม็น” หรือแค่พ้นช่วงระยะเวลา “พักรบชั่วคราว” เมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา (1 ธ.ค.) ไปแค่ไม่กี่นาที กี่ชั่วโมง กองทัพ “IDF” ของอิสราเอล (The Israel Defense Force) ก็ได้จังหวะลงมือ ลงตีน เปิดฉาก “สงครามรอบใหม่” ไม่ว่าภาคพื้นดิน อากาศ ทางทะเล กับพวกฮามาสในดินแดนฉนวนกาซา ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดไปถล่มเป้าหมายอีกกว่า 200 แห่ง เพิ่มจำนวนคนตายให้สูงขึ้นไปอีกไม่ต่ำกว่า 109 ราย หลังจากที่ตายไปแล้วในรอบแรกนับเป็นหมื่นๆ...
หรือถ้านับกันตามตัวเลข สถิติ ความสูญเสียของบรรดาชาวปาเลสไตน์ในเขตฉนวนกาซา ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงช่วงจังหวะพักรบชั่วคราวเมื่อปลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้ (24 พ.ย.) ก็น่าจะตายกันไปแล้วไม่ต่ำกว่า 16,000 คน โดยส่วนใหญ่ได้แก่พวกเด็กๆ ผู้หญิงและคนแก่ คนชรา นั่นแหละเป็นหลัก บาดเจ็บไม่น่าจะต่ำกว่า 35,000 ราย สูญหายอยู่ในซากปรักหักพังไม่รู้ว่าจะรอด หรือจะตายอีกไม่น้อยกว่า 6,000 ราย อีกทั้งจำนวนประชากรที่แออัด ยัดเยียด อยู่ในพื้นที่ระดับแค่แมวดิ้นตาย หรือใน “คุกที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ตามคำเรียกขานของผู้ที่เข้าถึง-เข้าใจต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวปาเลสไตน์ อันมีอยู่ประมาณ 2.1 ล้านคนนั้น ว่ากันว่า...น่าจะไม่ต่ำไปกว่า 1.8 ล้านคนที่ต้องกลายเป็นผู้พลัดที่นา คาที่อยู่ ไร้ที่อยู่อาศัย ด้วยเหตุเพราะการล้างผลาญ ทำลาย แบบไม่คิดสนใจความเป็นมนุษย์มนา ความเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเลือด มีเนื้อ มีหัวใจ เหมือนอย่างปุถุชนคนธรรมดาเอาเลยแม้แต่น้อย ของกองทัพอิสราเอลที่ถูกอัดฉีดความ “เหี้ยย์ย์ย์...มม์ม์ม์” ในระดับ “ม.ม้า” วิ่งไล่ยังไงก็ไล่ไม่ทัน!!!
ดังนั้น...แนวโน้มที่สงครามอาจจะขยายวงใน “แนวรบตะวันออกกลาง” หรือไม่? อย่างไร? ก็ยังยากที่จะสรุปได้ เพราะเมื่อช่วงวันพฤหัสฯ ที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา หรือก่อนหน้าการพักรบชั่วคราวไม่กี่ชั่วโมง พวกนักรบ “ฮูตี” ในเยเมนเขาก็ได้ออกแถลงการณ์ ประมาณว่า...นับจากนี้จะไม่คิด “เอามือซุกหีบ” อีกต่อไป หรือเตรียมที่จะเปิดปฏิบัติการทางทหารรุกเข้าไปในดินแดนซึ่งอิสราเอลเคยยึดครองเอาไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1984 ตราบใดที่ลูกหลานชาวยิวยังไม่คิดเลิกโจมตีชาวปาเลสไตน์ในเขตฉนวนกาซา โดยที่ก่อนหน้านั้นก็เคยออก “ยึดเรือ” อิสราเอลเอาไว้ถึง 3 ลำซ้อนๆ ในเขตทะเลแดง รวมทั้งสาดจรวดใส่พื้นที่ยึดครองดังกล่าว ไปจนถึงเรือรบสหรัฐฯ ที่เข้ามาช่วยเติมเชื้อ เติมไฟ ให้กับการเข่นฆ่า ล้างผลาญ ของชาวอิสราเอลอย่างไม่ได้รู้สึก รู้สา ถึงคุณค่าความเป็นมนุษย์แต่อย่างใด...
แต่ก็นั่นแหละ...สำหรับผู้ที่ยังปรารถนาและต้องการที่จะใช้ “สันติภาพ” ไม่ใช่ “สงคราม” เป็นทางออก-ทางไป อย่างเช่นคุณพี่จีน เป็นต้น รัฐมนตรีต่างประเทศ “Wang Yi” ท่านก็ได้ออกมาพูดไว้ชัดเจน ณ ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งตะวันออกกลางว่าจะต้องหาทางผลักดันให้เกิด “การหยุดยิงถาวร” ให้จงได้!!! รวมทั้งจะต้องยืนหยัด ยืนยัน ให้เกิด “ความเป็นไปได้” ที่จะนำไปสู่ “The Two States Solution” หรือการมี “ประเทศปาเลสไตน์” เคียงคู่ไปกับ “ประเทศอิสราเอล” เพราะนั่นก็คือการที่จะได้มาซึ่ง “สันติภาพที่แท้จริง” ไม่ใช่ “สันติภาพปลอมๆ” อันเนื่องมาจากการเอียงไป-เอียงมา การปากว่าตาขยิบ อย่างที่รัฐบาลอเมริกัน (เชื้อสายยิว) นำมาหลอกล่อ เอาเถิด-เอาล่อ กับผู้คนในตะวันออกกลางจนตัวเองไม่หลงเหลือ “เครดิต” ใดๆ ในการเป็นตัวกลาง คนกลาง อีกต่อไปแล้ว...
ส่วนข่าวคราวที่สำนักข่าว “TASS” ของรัสเซีย นำเอารายงานข่าวของ “Bloomberg” มาอ้างอิงไว้ว่า เจ้าชาย “MbS” มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย (Mohammed bin Salman) เสนอต่อประธานาธิบดีอิหร่าน “Ebrahim Raisi” ในขณะพบปะตัวต่อตัว ณ ที่ประชุม “The Arab and Islamic Summit” เมื่อไม่นานมานี้ ว่าซาอุฯ พร้อมที่จะขนเงินลงทุนมหาศาลไปลงทุนในอิหร่านถ้าหากพี่เบิ้มแห่งตะวันออกกลางรายนี้ จะใช้อำนาจ อิทธิพล เกลี้ยกล่อม โน้มน้าว บรรดา “เครือข่าย” ต่างๆ ที่ยังต้องพึ่งพาอิหร่านไม่ว่าทางหนึ่ง-ทางใด เช่นพวกเฮซบอลเลาะห์ในเลบานอน ฮูตีในเยเมน หรือกองกำลังมุสลิมชีอะห์ในอิรัก ฯลฯ ให้ลดๆ ความเปรี้ยวมือ เปรี้ยวตีน ลงไปได้มั่ง หรือไม่ยกระดับสงครามให้ต้องขยายวงเกินไปกว่านี้ จะเป็นเรื่องจริง-ไม่จริง น่าเชื่อ-ไม่น่าเชื่อ หรือไม่? เพียงใด? ก็ตาม แต่ก็ต้องถือเป็นแนวโน้มที่เป็นไปในทาง “สันติภาพ” อันเป็นสิ่งพึงปรารถนาสำหรับบรรดาผู้ที่ยังคงหลงเหลือ “ความเป็นมนุษย์” ด้วยกันทั้งหลาย...
แต่ก็อย่างว่า...โอกาสที่จะไม่มีใครต้องบาดเจ็บ ล้มตาย ต้องพลัดที่นา-คาที่อยู่ ต้องกลายสภาพไปเป็น “เครื่องเซ่นสังเวย” ให้กับบรรดาผู้กระหายเลือด ผู้กระหายอำนาจอีกต่อไปแล้วนั้น มันก็คงไม่ถึงกับ “ง่าย” มากมายสักเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะต่อผู้นำประเทศอิสราเอล อย่าง “นายBenjamin Netanyahu” ที่ถ้าหากสงครามในกาซาจบสิ้นลงไปเมื่อไหร่ ไม่เพียงแต่ตัวเองอาจต้อง “ถูกถีบ” ออกไปโดยบรรดาลูกหลานชาวยิวด้วยกันเอง ที่กว่า 60-70 เปอร์เซ็นต์ต่างเห็นพ้องว่าผู้นำรายนี้ไม่ควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป ตามผลสำรวจวิจัยความคิด-ความเห็นของชาวอิสราเอลเมื่อไม่นานมานี้ ไม่ว่าด้วยข้อกล่าวหาเรื่องความทุจริต ประพฤติมิชอบ เรื่องความพยายามอาศัย “อำนาจบริหาร” ทำลายรากฐาน “นิติบัญญัติ” ควบคุมศาลสถิตยุติธรรมเพื่อให้ “ตัวกูเอง” อยู่รอดต่อไปให้จงได้ แต่ยังอาจถูกใครต่อใครลากคอไปขึ้นศาลระหว่างประเทศในข้อหา “อาชญากรสงคราม” เอาง่ายๆ ดังที่รัฐมนตรีบางรายในประเทศสเปน หรือผู้นำตุรเคีย ได้เคยชี้ช่อง ชี้ทาง เอาไว้แล้วนั่นเอง หรือพูดง่ายๆ ว่า...ยิ่งสงครามจบเร็วยิ่งขึ้นเท่าไหร่ โอกาสที่ “นายBibi (Benjamin) Netanyahu” จะบุบบิบ บู้บี้แหลกยับเยิน ชนิดไม่เหลือเศษ เหลือซาก ย่อมเป็นไปได้สูงเอามากๆ ด้วยเหตุนี้...การสร้าง “เงื่อนไข” และ “เหตุปัจจัย” เพื่อให้เกิดสงครามและพยายามลากยาวว์ว์ว์สงครามให้ดำเนินต่อไป จะเป็นเดือนๆ-เป็นปีๆ ก็แล้วแต่ จึงถือเป็นสิ่งที่ผู้นำรายนี้ปรารถนาและต้องการอยู่แล้วแน่ๆ...
แม้ว่าประเทศอิสราเอลทั้งประเทศ...จะต้องประสบความสูญเสียมิใช่น้อย ไม่เพียงแต่บรรดาผู้บาดเจ็บ ล้มตาย เพราะการบุกของพวกฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมนับพันๆ คน บรรดาทหารในกองทัพ “IDF” ที่ต้องเจอกับการต่อสู้ ต่อต้าน ขณะพยายามบุกเข้าไปในฉนวนกาซา โดยถ้าว่ากันตามตัวเลขค่าใช้จ่ายในการสงคราม ที่ “Bank of Israel” และรัฐมนตรีคลังประเมินออกมาเป็นตัวเลขกลมๆ กองทัพอิสราเอลต้องใช้เงินไม่น้อยกว่าวันละ 270 ล้านดอลลาร์ในการเข่นฆ่า ล้างผลาญชาวปาเลสไตน์ในแต่ละวัน หรือนับจากการเปิดฉากสงครามรอบแรกกับฮามาส อิสราเอลต้องสูญเงินไปแล้วไม่ต่ำกว่า 53,000 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ “GDP” ประเทศหดวูบลงมาเกือบ 3 เปอร์เซ็นต์ หรือที่เคยโตๆ อยู่ประมาณ 2.8 เปอร์เซ็นต์ จะเหลืออยู่แค่ 2 เปอร์เซ็นต์ภายในปี ค.ศ. 2024 อันอาจทำให้ “ระบบเศรษฐกิจ” ของทั้งประเทศล้มคว่ำคะมำหงายเอาง่ายๆ มูลค่าแห่งการ “เซ่นสังเวย” ให้กับความกระหายเลือด กระหายอำนาจของ “นายNetanyahu” จึงเป็นอะไรที่หนักหน่วง รุนแรง มิใช่น้อย...
ไม่ต่างไปจากพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์อย่างคุณพ่ออเมริกาเช่นกัน ที่อาศัยแนวคิด ทฤษฎี ที่เรียกว่า “ลัทธิเคนเนเชียนทางทหาร” (Military Keynesianism) เป็นทางออก-ทางไปในการกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจมาโดยตลอด แต่การโหมเชื้อ โหมไฟ เพื่อให้เกิดสงคราม-ความขัดแย้งไปในทั่วทุกซีกโลก ผู้ที่ตักตวงกำไร ผู้ที่ได้รับผลพวงจากฉากสถานการณ์ดังกล่าว ก็ล้วนแล้วแต่บรรดาพวกพ่อค้าอาวุธ อุตสาหกรรมอาวุธ ที่มีบทบาท อิทธิพลอยู่เบื้องหลังรัฐบาลแต่ละยุค-แต่ละสมัยนั่นแหละเป็นหลัก หรือผู้มีจำนวนแค่ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ส่วนอเมริกันชนอีก 99 เปอร์เซ็นต์ ยังคงต้อง “เจ๊งแล้ว...เจ๊งอีก” ไปโดยตลอด หรือยังคงต้องแบกรับมูลค่าหนี้สาธารณะ คนละ 3.5 ล้านบาทต่อหัว-ต่อคน จากจำนวนหนี้สินกว่า 33.7 ล้านล้านดอลลาร์เข้าไปแล้วในทุกวันนี้...สงครามใน “แนวรบตะวันออกกลาง” จึงแทบไม่ต่างอะไรไปจากสงครามใน “แนวรบยุโรปตะวันออก” นั่นแหละทั่น!!! ถ้าว่ากันตามตัวเลขความสูญเสียของกองทัพยูเครน
ที่รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย “พลเอกSergey Shoigu” ออกมาแจกแจงไว้เมื่อวัน-สองวันนี้ เฉพาะแค่การโจมตี-ตอบโต้ หรือช่วง “Counteroffensive” ส่งผลให้ทหารยูเครนต้องเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ไปแล้วไม่น้อยกว่า 125,000 คน ยุทโธปกรณ์ต่างๆ โดยเฉพาะอาวุธหนักเสียหายไปไม่น้อยกว่า 16,000 รายการ และคงไม่ใช่แค่การคุยโว โอ้อวดของฝ่ายรัสเซียเท่านั้น เพราะแม้แต่อดีตผู้ช่วยประธานาธิบดียูเครน “นายAleksey Arestovich” ยังต้องออกมายอมรับแบบตรงไป-ตรงมาว่านับแต่เริ่มต้นสงครามดังกล่าว ทหารยูเครนต้องกลายเป็นเหยื่อ “เซ่นสังเวย” ให้กับความกระหายอำนาจของผู้นำตัวเองไม่น้อยกว่า 300,000 รายเป็นอย่างน้อย แต่กระนั้นก็ตาม...ทั้ง “นายVladimir Zelensky” ประธานาธิบดียูเครนและผู้หนุนหลังแห่งโลกตะวันตก ก็ยังคงไม่รู้สึก-รู้สา ไม่ได้สนใจต่อเลือดเนื้อและชีวิต ของผู้ที่ต้องตกเป็นเหยื่อแห่ง “สงคราม” เอาเลยแม้แต่น้อย...
การหาช่อง หาจังหวะในการ “เจรจาสันติภาพ” ระหว่างยูเครน-รัสเซีย จึงยังคงเป็นไปอย่างที่รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย “นายSergey Lavrov” ได้สรุปไว้ในที่ประชุมความมั่นคง “OSCE” ที่เมือง Skopje ประเทศมาซิโดเนีย เมื่อวัน-สองวันมานี้นั่นแหละว่า การหาข้อยุติ หาหนทางเพื่อให้เกิดสันติภาพ อันไม่ต่างอะไรไปจากการจับคู่เต้นรำในจังหวะ “แทงโก้” นั้น ยังคงเป็นไปไม่ได้สำหรับความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน เนื่องจากรัฐบาล “ตัวตลก-ตัวแทน” แห่งยูเครนและผู้สนับสนุน ยังคงมุ่งมั่น มัวเมากับการ “เต้นเบรกแดนซ์” อยู่โดยลำพัง “สันติภาพ” อันสิ่งพึงปรารถนาสำหรับบรรดามวลมนุษย์ทั้งหลาย มันจึงไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่ายๆ ด้วยประการละฉะนี้....แล...