หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ
บทบาทของเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะนายกรัฐมนตรีนั้น ก็ดูจะเล่นได้สมบทบาทดี เหมือนจะมีภารกิจเยอะไปหมดทั้งไปต่างประเทศและเดินทางไปต่างจังหวัดอยู่ตลอดเวลา แม้เราจะรู้ว่า เขาเป็นเพียงหุ่นเชิดหรือนอมินีของทักษิณ ชินวัตร นักโทษเด็ดขาดชายที่นอนอยู่บนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจเท่านั้น และดูเหมือนเศรษฐาเองก็รู้ถึงสถานะของตนดีว่า ยังมีแพทองธาร ชินวัตร ที่เป็นนายกรัฐมนตรีเงาอยู่ข้าง ถึงการเคยเอ่ยขึ้นมาว่า “นายกรัฐมนตรีคนไหน มีนายกรัฐมนตรีสองคน”
ข้อเสียของเศรษฐา ในฐานะนายกรัฐมนตรีมือใหม่ก็คือ เขาไม่ค่อยรู้ว่าอะไรควรพูดๆไม่ควรพูด อะไรพูดได้พูดไม่ได้ จึงผิดพลาด เมื่อพูดว่า “ผู้กำกับใหม่ ซึ่งผมมั่นใจว่าคงมีผู้ผิดหวังมากกว่าผู้สมหวังในห้องนี้ที่ขอตำแหน่งไป เพราะรู้สึกมันเยอะเหลือเกิน แต่ก็มีไม่น้อยที่ได้สมหวัง แต่ก็เป็นผู้กำกับใหม่ซึ่งเราจะต้องพูดคุยเรื่องนี้กันให้เข้าใจถึงถ่องแท้ และต้องกำจัดปัญหานี้ออกไป ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเราเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ”
การที่หลุดคำพูดออกมาว่ามีส.ส.มากฝากฝังการแต่งตั้งผู้กำกับเพราะเศรษฐาคงไม่รู้ว่า การกระทำดังกล่าวไม่สามารถทำได้ในที่แจ้ง เพราะจะมีความผิดตามรัฐธรรมนูญทันที
ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 186 ประกอบมาตรา 185 วรรค 3 ที่ว่า นอกเหนือจากกรณีตามวรรคหนึ่ง รัฐมนตรีต้องไม่ใช่สถานะหรือคตำแหน่งกระทำการใดไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม อันเป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อประโยชน์ของตนเองของผู้อื่น หรือของพรรคการเมืองโดยมิชอบตามที่กำหนดในมาตรฐานทางจริยธรรม
โดยข้อห้ามตามมาตรา 185(3)การบรรจุ แต่งตั้งโยกย้าย โอน เลื่อนตำแหน่ง เลื่อนเงินเดือนหรือการให้พ้นจากตำแหน่ง ของข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำและมิใช่ข้าราชการการเมือง พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ กิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือราชการส่วนท้องถิ่น
ซึ่งการกระทำอันเป็นข้อห้ามตามมาตรา 186 จะทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 ซึ่งนายศรีสุวรรณ จรรยาได้ยื่นเรื่องต่อป.ป.ช.ไปแล้ว
ก็ต้องดูว่าป.ป.ช.จะเอาเรื่องเอาราวกันจริงแค่ไหน แม้โอกาสรอดอาจจะมีมากกว่า เพราะคงไม่มีหลักฐานอะไรไปผูกมัด แต่ก็สะท้อนถึงความอ่อนหัดของเศรษฐาออกมา จึงไม่แปลกหรอกที่ทักษิณจะส่งภูมิธรรม เวชยชัย มาเป็นรองนายกรัฐมนตรี อันดับ 1 และส่งหมอพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช มาเป็นเลขาธิการ เพื่อประกบข้างตัวเศรษฐาที่เป็นนายกรัฐมนตรีหัดขับนั่นเอง
เราต้องยอมรับนะว่า การไม่เคยเข้าสู่อำนาจทางการเมืองไม่เคยผ่านงานราชการมากก่อนของเศรษฐาเคยเป็นแต่ซีอีโอที่มีอำนาจใหญ่ แต่พยายามแสดงความเป็นตัวเองออกมาให้มากนั้นเป็นโอกาสที่อาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้ เพราะไม่เข้าใจระเบียบและธรรมเนียมของงานราชการ ที่สำคัญเศรษฐายังมีบุคลิกหนึ่งก็คือ เป็นคนปากไวปากแจ๋วด้วย เราจึงเห็นเขาใช้คำพูดที่ขาดความระมัดระวังมาแล้วหลายครั้ง
เศรษฐาคงต้องยอมรับว่า ตัวเองได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เพราะความไม่พร้อมของแพทองธาร ที่มีข่าวว่าคุณหญิงพจมาณ ณ ป้อมเพ็ชร คนที่กล่าวกันว่า เป็นเงาของนายกรัฐมนตรีอีกคน ไม่ต้องการให้แพทองธารขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีตอนนี้ แม้ทักษิณจะอยากให้ขึ้นเป็นก็ตาม ผลสุดท้ายเลยตกที่เศรษฐา และเศรษฐาเคยรับปากกับบุคคลสำคัญท่านหนึ่งว่า เขาจะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อหาเงินเข้าประเทศ เพราะเขาเป็นนักธุรกิจ แต่จะไม่ยุ่งกับการโยกย้ายทหารและตำรวจ หวังว่าเศรษฐาจะจำคำพูดนี้ได้และรู้ว่าเคยพูดไว้กับใคร
อย่างไรก็ตาม แม้แพทองธารจะไม่ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ตามความประสงค์ของแม่ แต่โอกาสที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของแพทองธารหลังการเลือกตั้งครั้งหน้านั้นอาจจะไม่ง่าย เพราะใครต่อใครก็เชื่อกันว่า มีโอกาสมากที่พรรคก้าวไกลอาจจะกวาดที่นั่งได้เกินครึ่งหนึ่ง แม้ตอนนี้ภาพลักษณ์ของพรรคก้าวไกลจากพฤติกรรมของคนในพรรคจะส่งผลเชิงลบออกมามาก เสื่อมลง คนเริ่มรู้ทันมากขึ้น แต่กว่าจะถึงการเลือกตั้งอีกครั้งก็อีก 4 ปี ดังนั้นถ้าสามารถเก็บของเสียในพรรคออกได้หมดและแสดงบทบาทของฝ่ายค้านได้เข้าตาก็ไม่อาจประมาทพรรคก้าวไกลที่มีกระแสในคนรุ่นใหม่ คนเขตเมือง และคนชั้นกลางได้เลย
เมื่อการเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 หลังการเลือกตั้งครั้งหน้าของแพทองธารไม่มีความแน่นอน ถามว่า เป็นไปได้ไหมที่แพทองธารจะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยนี้ คือรับไม้ต่อจากเศรษฐา ส่วนตัวผมเชื่อว่ามีความเป็นไปได้มากทีเดียว และจากคำพูดของเศรษฐาก็เพราะเขารู้อยู่ในใจลึกๆ อยู่แล้วว่า ขณะนี้มีนายกรัฐมนตรีสองคน เมื่อเขาออกงานคู่กับแพทองธาร แต่จริงๆ ก็อาจจะมีนายกรัฐมนตรีมากกว่าสองคนนะ ถ้าเรารู้จักตัวตนของทักษิณที่ตอนนี้ยังอยู่ในโรงพยาบาลก็ไม่มีใครเชื่อหรอกว่า เขาจะไม่เล่นบทบาทอยู่เบื้องหลังนายกรัฐมนตรีอีกคนแม้ยังมีสถานะเป็นนักโทษก็ตาม
ตอนที่แพทองธารขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค เราจึงเห็นเศรษฐา แสดงบทบาทศิโรราบต่อลูกสาวของนายใหญ่ด้วยการยกมือของเธอขึ้นมาจุมพิต ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงความจงรักภักดีนั่นเอง
แม้จะยังไม่ได้เข้าทำเนียบ แต่เราเห็นบทบาทของแพทองธารในทางการเมืองแล้ว เมื่อเธอได้รับการแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญถึงสองตำแหน่งคือ การเข้ามาดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการถึงสองชุด คือ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และรองประธานพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งแม้จะมีตำแหน่งเป็นรอง และมีเศรษฐา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน แต่บทบาทในคณะกรรมการทั้งสองชุดดังกล่าวกลับอยู่กับแพทองธารอย่างชัดเจน
เราจึงได้เห็นแพทองธารในฐานะรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ออกมาผลักดันเรื่องหมูกระทะที่เป็นวัฒนธรรมของจีนเกาหลีมองโกเลียให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทย และถึงกับประกาศว่าจะออกพ.ร.บ.ซอฟต์พาวเวอร์ออกมา แต่ก็มีคนกังขาว่าเธอจะเข้าใจความหมายของซอฟต์พาวเวอร์จริงไหม
ส่วนแพทองธารในบทบาทรองประธานพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ก็คงเพราะนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นโลโก้สำคัญของทักษิณ และได้รับการยอมรับว่าเป็นนโยบายประชานิยมที่ดีที่สุด ก็คงต้องการเป็นเครื่องประดับให้แพทองธารมีความโดดเด่นขึ้นมา และแม้ทั้งสองตำแหน่งแพทองธารจะเป็นแค่รองประธานและเป็นคนนอกแต่ความโดดเด่นและบทบาทกลับมีมากกว่าประธานซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งคงเป็นเพราะเศรษฐารู้ว่า แพทองธารเป็นใครนั่นเอง
ดังนั้นชัดเจนว่า ถึงตอนนี้แพทองธารมีความพร้อมอย่างมากที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีทันทีที่เศรษฐาประสบอุบัติเหตุทางการเมือง หรือมีความล้มเหลวในการผลักดันนโยบายต่างๆ โดยเฉพาะดิจิทัลวอลเลตที่มีโอกาสมากกว่าอาจจะไปไม่ถึงเป้าหมายแล้วทำให้เสียความนิยมลง ถึงตอนนั้นก็อาจจะต้องแสดงความรับผิดชอบ เพื่อให้แพทองธารเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ และให้ลูกสาวของทักษิณเจ้าของพรรคเพื่อไทยได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อสืบสายเลือดเครือญาติในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ต่อจากพ่อ อาเขย และอา
รอดูว่าเศรษฐาจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีเงาของแพทองธารทาบทาอยู่ได้อีกนานไหม เขาจะสร้างความผิดพลาดเพื่อให้แพทองธารเข้ามาสู่อำนาจได้เร็วแค่ไหน จะสามารถแสดงบทบาทให้พอใจเจ้าของพรรคอย่างทักษิณไปได้ตลอดรอดฝั่งไหม หรือว่าสถานการณ์การเมืองจะบีบคั้นให้เขาสละเก้าอี้ให้แพทองธารในที่สุด อัตราเร่งคงอยู่ที่ว่าเขาจะแสดงบทบาทให้เห็นว่าจะนำพาพรรคเพื่อไทยให้เกิดความเพลี่ยงพลั้งทางการเมืองหรือไม่
ดังนั้นอนาคตของเศรษฐาขึ้นอยู่กับว่าทักษิณจะคิดอย่างไร หรือหลังวันที่ทักษิณได้ออกจากโรงพยาบาลตำรวจมาสู่โลกภายนอกแล้วทักษิณจะเข้ามามีบทบาททางการเมืองแค่ไหน แต่ใครต่างก็เชื่อกันว่า ไม่มีทางที่ทักษิณจะเอาตัวเองออกจากการเมืองแล้วอยู่บ้านเลี้ยงหลานแบบที่เคยลั่นวาจาไว้ก่อนจะกลับมามอบตัว เพราะนั่นไม่ใช่พฤติกรรมของคนชื่อทักษิณ
ถ้าถามว่าโอกาสที่เศรษฐาจะเป็นนายกรัฐมนตรีไปจนครบ 4 ปี หรือแพทองธารขึ้นมารับไม้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ก่อนจะครบวาระในสมัยนี้ ผมเชื่อว่าอย่างหลังน่าจะมีมากกว่า เพราะโอกาสและความเป็นไปได้มากกว่าที่จะให้แพทองธารเสี่ยงไปรอผลในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan