เพื่อไม่ให้ต้องเสียเวลา “พลิกใบไม้” ในแต่ละใบ...เปิดฉากสัปดาห์นี้เลยคงต้องขออนุญาตลองไปมอง “ป่าทั้งป่า” หรือหันไปสำรวจตรวจสอบ แนวรบสำคัญๆ ภายใต้ความขัดแย้งและการเผชิญหน้า ระหว่างโลกเหนือ-โลกใต้ โลกตะวันตก-โลกตะวันออก หรือ “โลกขั้วอำนาจเดียว” (Unilateralism) กับ “โลกหลายขั้วอำนาจ” (Multilateralism) ไม่ว่าจะใน “แนวรบยุโรปตะวันออก” หรือ “แนวรบตะวันออกกลาง” รวมทั้ง “แนวรบทะเลจีนใต้” ที่อยู่ใกล้ๆ ปากประตูบ้านของหมู่เฮาทั้งหลาย...
คือในแนวรบยุโรปตะวันออก...ที่ฉากสถานการณ์สงครามระหว่าง “ยูเครน-รัสเซีย” เป็นไฮไลต์นั้น...ถ้าจะสรุปแบบม้วนเดียวจบ ไม่ต้องเสียเวลาอรรถาธิบายให้มากเรื่อง-มากความ ก็อาจต้องอ้างการ “ฟันธง” และ “ฟันเฟิร์ม” ของอาเฮีย “สนธิ ลิ้มฯ” ไปเรียบร้อยแล้วนั่นแหละว่า สำหรับผู้ที่ถูกใช้เป็น “เครื่องมือ” ของโลกตะวันตก หรือพวกโลกขั้วอำนาจเดียว ในการเล่นงานหมีขาวรัสเซีย อย่าง “ตัวตลก-ตัวแทน” แห่งยูเครนนั้น...น่าจะ “แพ้แล้ว-แพ้เลย” ไม่น่าจะมีโอกาสโงหัวขึ้นมาทวงคืนดินแดนต่างๆ หรือ “Counteroffensive” อะไรต่อมิอะไรได้ต่อไปอีกแล้ว โดยถ้าหากยังอยากที่จะหาเหตุผล คำอธิบาย มารองรับการฟันธง-ฟันเฟิร์มในลักษณะดังกล่าว ก็น่าจะมีอยู่เยอะแยะตาแป๊ะไก๋ชนิดแทบจารนัยไม่หมด...
เพราะโดยลักษณะอาการ หรือโดย “รูปมวย” ของ “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครนในทุกวันนี้...ต้องเรียกว่าแทบไม่หลงเหลือความกระเหี้ยนกระหือรือใดๆ อีกต่อไปแล้ว มีแต่อาการฟอบๆ แฟบๆ เหี่ยวกลาง-เหี่ยวปลาย หมดรูป-หมดสภาพปรากฏให้เห็นชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที ขนาดผู้นำประเทศอย่างประธานาธิบดี “Volodymyr Zelensky” ถึงกับต้องออกมาบ่น มาระบายว่าตัวเองกำลังถูก “ตะวันตกทรยศ” เอาเลยถึงขั้นนั้น หรือแม้แต่หนึ่งในผู้นำประเทศอียู อย่างอิตาลี นายกรัฐมนตรี “Giorgia Meloni” ยังต้องเผลอหลุดปาก ปากไว เอาไว้ทำนองว่า บรรดาประเทศตะวันตกทั้งหลาย ชักจะเหนื่อยแล้ว!!! ไม่เอาแล้ว!!! (a lot of fatigue) กับความขัดแย้งยูเครน-รัสเซีย ถึงขั้นอยากให้เจรจาต้าอวยให้หมดเรื่อง-หมดราวกันไปซะที ไม่ต่างไปจากผู้นำรัสเซียเอง ประธานาธิบดี “ปูติน” ที่ได้ออกมาตั้งข้อสังเกตถึงท่าทีของฝ่ายตรงข้ามอย่างชาติยุโรปทั้งหลายเมื่อช่วงวันศุกร์ที่แล้ว (3 พ.ย.) นี่เอง ว่าได้เริ่มเปลี่ยนสุ้มเสียงไปจากเดิม อย่างเห็นได้โดยชัดเจน...
อันเนื่องมาจากโอกาสที่จะอาศัย “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครนเล่นงานรัสเซียให้แหลกยับเยิน ให้เกิดการเปลี่ยน “ระบอบปกครองปูติน” ให้เศรษฐกิจรัสเซียพังพินาศชนิดเงินรูเบิลต้องกลายเป็นเศษอิฐ-เศษปูนให้จงได้ ฯลฯ แต่ผลที่ผ่านมาเป็นปีๆ กลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม ไม่เพียงแต่ตัวเลขจีดีพีรัสเซียกลับโตขึ้นถึงระดับ 3 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ สูงกว่าบรรดาประเทศยุโรปทั้งหลาย สถานะความเป็นผู้นำของ “ปูติน” ยังแข็งแกร่ง แข็งโป้ก คะแนนนิยมอยู่ในระดับ 70-80 เปอร์เซ็นต์ ต่างไปจากผู้นำอเมริกาที่เหลือไม่ถึง 30-40 เปอร์เซ็นต์ หรือบรรดาผู้นำประเทศอียูที่ต่างก็เสื่อมความนิยม จนพวกพรรคการเมืองฝ่ายขวา ฝ่ายสันติภาพ หรือฝ่ายที่ไม่เอาด้วยกับการสนับสนุนยูเครน ยิ่งมาแรงแซงโค้ง ยิ่งเข้าไปทุกที ไม่ว่าจะในอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนีฯลฯ แบบเดียวกับพวกที่ปฏิเสธการส่งอาวุธให้ยูเครนโดยเด็ดขาดที่ผงาดขึ้นเป็นรัฐบาลประเทศสโลวาเกียเมื่อไม่กี่วันมานี้นั่นเอง...
และไม่ใช่ “รัฐบาล” แต่ละประเทศเท่านั้น...ที่เหนื่อยแล้ว!!! ไม่เอาแล้ว!!! บรรดาประชาชนโดยทั่วไปก็ชักจะเริ่มเบื่อแล้ว!!! ไม่ไหวแล้ว!!! ไม่ต่างไปจากกันสักเท่าไหร่ อย่างที่ผลสำรวจล่าสุดของ “Gallup poll” ในอเมริกา ที่สรุปเอาไว้ชัดเจนเมื่อวัน-สองวันก่อน ว่าบรรดาอเมริกันชนที่เหนื่อยแล้ว-ไม่เอาแล้ว เพิ่มขึ้นถึง 12 จุดจากผลสำรวจตั้งแต่เดือนมิถุนาฯ หรือปาเข้าไปถึง 41 เปอร์เซ็นต์ ที่ไม่ได้คิดกระเหี้ยนกระหือรือเหมือนก่อนหน้านั้น หรือไม่ต้องการที่จะให้รัฐบาลอเมริกันควักเงินภาษีของผู้คนไปใช้ในการส่งเงิน-ส่งอาวุธให้กับรัฐบาลยูเครนอีกต่อไปแล้ว ดังนั้น...การสรุปว่า “ยูเครน...แพ้แล้ว” ในแนวรบยุโรปตะวันออก จึงเป็นอะไรที่ยากจะเถียงแบบคอเป็นเอ็น แม้จะเป็นประเภท “ติ่งอเมริกา-ติ่งอียู” ก็เถอะ นับวันยิ่งออกอาการอึกๆ อักๆ อ้อมๆ แอ้มๆ เหลือแต่รอเวลาการปิดฉาก-ปิดกล่อง กันแบบไหน? อย่างไร? และเมื่อไหร่? เท่านั้นเอง...
ส่วน “แนวรบตะวันออกกลาง” ที่กลายเป็นไฮไลต์ขึ้นมาแทนที่ หลังการบุกอิสราเอลของพวก “ฮามาส” เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา แม้ว่ากองทัพอิสราเอลและคุณพ่ออเมริกา รวมทั้งพันธมิตรยุโรป จะแสดงอาการเร่าร้อน กระเหี้ยนกระหือรือสักเพียงไหน แต่เพียงแค่การขจัดกวาดล้างพวกฮามาสโดยลำพัง ก็ยังไม่ใช่ “เรื่องง่ายๆ” ชนิดผู้นำอิสราเอลยังต้องยอมรับว่าเต็มไปด้วย “ความยากลำบาก” และอาจต้องใช้เวลา “ยาวนาน” อีกสักเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ก็ยังมิอาจสรุปได้ พูดง่ายๆ ว่า...แค่เจอกับการ “ตั้งรับ” ภายใน “อุโมงค์” ความยาวถึง 400-500 กิโลเมตรของพวกนักรบฮามาสล้วนๆ ก็น่าจะทำให้กองทัพอันทรงพลังสุดของอิสราเอล น่าจะ “ปวดหัว-ตายห่า” กันไปพอสมควร โอกาสที่จะ “ติดหล่มสงคราม” และต้อง “ถอนตัวอย่างอัปยศ” ในบั้นปลาย ดังที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสงครามชาวยิวด้วยกันเอง อย่าง “Dr.Rob Gist Pinfold” แห่งสถาบัน “The Department of War Studies King’s College” ได้คาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้า ตามที่ได้หยิบยกมาให้เห็นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...
นั่นยังไม่รวมถึงการที่อาจต้องเจอกับการเปิดศึกด้านอื่น ไม่ว่าพวก “Hezbollah” ในเลบานอน ที่ผู้นำอย่าง “นายHassan Nasrallah” ได้ออกมาป่าวประกาศไว้เมื่อวันศุกร์ (3 พ.ย.) ที่ผ่านมา ว่าทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการบุกฉนวนกาซาของกองทัพอิสราเอลนั่นแหละ ว่าจะเหี้ยมโหด-ทารุณถึงเพียงไหน และถ้าหาก “Hezbollah” ไม่อาจ “เอามือซุกหีบ” ได้อีกต่อไปการหันมาเปิดศึกอีกด้านในเลบานอน ก็จะกลายเป็น “ความโง่และความผิดพลาดที่สุด” ของอิสราเอลอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลย!!! ยิ่งถ้าหากไปไกลถึงขั้นต้องเปิดศึกกับซีเรีย กับอิหร่าน โอกาสที่จะเตลิดเปิดเปิงไปถึงขั้น “ประเทศอิสราเอลถูกลบไปจากแผนที่” ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย อีกทั้งไม่ว่าอิสราเอลจะสามารถ “เอาชนะในทางทหาร” ไปได้ถึงขั้นไหน แต่ภายใต้ “ความพ่ายแพ้ทางการเมือง” ที่ได้ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนตั้งแต่แรก ด้วยการ “สังหารหมู่” หรือการ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ไม่เว้นเด็ก ผู้หญิง คนชราชาวปาเลสไตน์ แบบชนิด “ม.ม้า” วิ่งไล่ยังไงก็ไม่ทันความ “เหี้ยย์ย์ย์...มม์ม์ม์” ของกองทัพอิสราเอล ได้ทำให้โลกทั้งโลกแทบ “รับไม่ได้” โดยเฉพาะต่อการปฏิเสธ “หยุดยิง” ชนิดแม้กระทั่ง “พันธมิตรตลอดกาล” อย่างอเมริกายังต้องส่งรัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกันเชื้อสายยิว อย่าง “นายAntony Blinken” ไปอ้อนวอน วิงวอนอิสราเอลกันอีกรอบ อันเนื่องมาจากแม้แต่ผู้ที่มีสายเลือดยิวอย่าง “นายBlinken” ก็ตาม ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึก “เจ็บปวด” เมื่อได้เห็นภาพซากศพของพวกเด็กๆ ชาวปาเลสไตน์ ที่ถูกงัดออกมาจากกองอิฐ-กองปูน ไม่รู้จะกี่ร้อยกี่พันราย...
และอย่างที่ปรมาจารย์ด้านสงคราม อย่างท่านประธาน “เหมา เจ๋อ ตุง” ท่านเคยได้พูดๆ เอาไว้จนกลายเป็น “ทฤษฎี” มานานแล้วนั่นแหละว่า... “ชนะทางการเมืองเท่ากับชนะทุกสิ่งทุกอย่าง...แพ้ทางการเมือเท่ากับแพ้ทุกสิ่งทุกอย่าง” ดังนั้น...ไม่ว่ากองทัพอิสราเอลจะมีศักยภาพทางทหารสูงเยี่ยมเพียงใดก็ตามที แต่การ “พ่ายแพ้ทางการเมือง” แต่เริ่มแรก โอกาสที่จะหันไปเปิดศึกกับเลบานอน ซีเรีย อิหร่าน แทบเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ และนั่นเท่ากับทำให้สิ่งผู้นำอิสราเอลพูดไว้เมื่อวัน-สองวันมานี้ ว่า “ถ้าหากอิสราเอลไม่ชนะ(แพ้)...พวกพันธมิตรของเราต่างรู้ดีว่าพวกเขาจะต้องเป็นรายต่อไป” หรือทำให้ความพ่ายแพ้ของอิสราเอลก็คือความพ่ายแพ้ของอเมริกาและพันธมิตรยุโรปควบคู่ไปด้วย จึงใกล้จะปรากฏให้เห็นในอีกไม่นาน-ไม่ช้า สำหรับแนวรบตะวันออกกลางทั้งแผง...
ส่วน “แนวรบทะเลจีนใต้” ที่อาจเงียบๆ ไปบ้างในช่วงหลังๆ นี้ แต่นั่นคงไม่ได้หมายถึงพวกโลกตะวันตก โลกขั้วอำนาจเดียวคิดจะลดราวาศอกต่อแนวรบด้านนี้แต่อย่างใด หรือดังที่สื่อทางการของจีน อย่าง “Global Times” เขาเพิ่งสรุปความคิด-ความเห็นไว้ในข้อเขียน บทความ ว่าด้วยเรื่อง “Campbell’s new nomination signifies US continued focus on China containment” เมื่อช่วงวันพฤหัสฯ ที่ 2 พ.ย.นี่เอง อันสะท้อนให้เห็นถึงความสะกิดใจ ความระแวงแคลงใจ ของจีนต่อการที่รัฐบาลอเมริกันได้แต่งตั้ง “นายKurt Campbell” ขึ้นดำรงตำแหน่งรองหรือรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ เมื่อช่วงวันพุธที่ผ่านมา (1 พ.ย.) อันอาจถือเป็นการ “ส่งสัญญาณ” ว่าอเมริกายังคงมุ่งมั่นที่จะดำรงนโยบาย “ปิดล้อมจีน” อย่างไม่คิดจะลดราวาศอก ยังพร้อมที่จะเปิดฉาก “สงครามเย็นยุคใหม่” เพื่อเล่นงานประเทศจีนอย่างเอาเป็น-เอาตาย เพราะ “นายCampbell” รายที่ว่า ก็คือตัวจักร ตัวการรายสำคัญ ในกิจการด้านเอเชียของอเมริกา ตั้งแต่ยุครัฐบาล “โอมาบ้า” (โอบามา)โน่นเลย เป็นผู้ออกเรี่ยว ออกแรงในการจัดตั้งองค์กรอย่างพันธมิตรสี่เหลี่ยมด้านเท่า หรือ “QUAD” ไปจนถึง “AUKUS” ที่พยายามไปดึงเอาบรรดาประเทศต่างๆ ในเอเชีย อย่างอินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลียมาร่วมกินโต๊ะจีนอย่างเป็นระบบและเป็นกิจการ...
หรือแม้ว่าอเมริกายังคงต้องมั่วๆ มึนซ์ซ์ซ์ๆ อยู่กับแนวรบทั้งสองด้าน คือสงครามยูเครนกับรัสเซีย และสงครามอิสราเอลกับฮามาส แต่การแต่งตั้งบุคคลผู้นี้ให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวรองจาก “นายBlinken” ก็คือภาพสะท้อนให้เห็นถึง “เป้าหมายในระยะยาว” ของอเมริกาที่มุ่งมายังภูมิภาค “Indo-Pacific” นั่นแหละเป็นสำคัญ อีกทั้งการส่ง “เรือรบ” มาป้วนๆ เปี้ยนๆ แถบช่องแคบไต้หวันก็ยังมิได้ลดระดับลงไปแต่อย่างใด เรือพิฆาตติดขีปนาวุธของอเมริกาและแคนาดาก็ยังคงแล่นไป-แล่นมาอยู่ในน่านน้ำแห่งนี้ เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา หรือยังคงมุ่ง “ยั่วยวนกวนส้นตีน” คุณพี่จีนอย่างไม่คิดจะลด-ละ-เลิก...
แต่ก็นั่นแหละ...เฉพาะแค่แนวรบ 2 แนว ก็สะท้อนให้เห็นถึง “ความพ่ายแพ้” ของอเมริกาและพันธมิตรอย่างชัดเจน การคิดจะมาเปิดแนวรบอีกแนวในทะเลจีนใต้ ก็ยิ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มความพ่ายแพ้ในทุกๆ แนวรบให้กับโลกตะวันตก หรือโลกขั้วอำนาจเดียวยิ่งๆ ขึ้นไปนั่นเอง ด้วยเหตุนี้...แม้ว่าผู้นำอเมริกาอย่างคุณปู่ “โจ ซึมเซา” จะพยายามประดิษฐ์คิดค้นถ้อยคำใหม่ๆ หรือสิ่งที่เรียกว่า “ระเบียบโลกแบบใหม่” ที่ไม่ใช่แบบที่เคยใช้มาโดยตลอดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงไป อันเป็นสิ่งที่อเมริกาจะนำมาเสนอต่อชาวโลกในอีกไม่นาน-ไม่ช้า (next few years) นับจากนี้ แต่สิ่งเหล่านี้คงไม่ได้มีอะไรใหม่ไปกว่าสิ่งที่โฆษกเครมลิน “นายDmitry Peskov” ได้ให้คำอธิบายเอาไว้นั่นแหละว่า คือโลกที่หมุนอยู่รอบๆ อเมริกา หรือโลกที่มีอเมริกาเป็นศูนย์กลาง (A World order revolving around the US) หรือระเบียบเพื่อดำรงรักษาความเป็นจ้าวโลก-ประมุขโลกของอเมริกาต่อไปให้จงได้ อันเป็นสิ่งที่ผิดแผกแตกต่างไปจาก “ระเบียบโลกแบบใหม่” ของจีนและรัสเซียโดยสิ้นเชิง ที่ปรารถนาและต้องการความยอมรับถึงความหลากหลายของพลังอำนาจต่างๆ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ไม่ว่าโลกเหนือ-โลกใต้ โลกรวย-โลกจน ที่ต่างต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความเสมอภาค-เท่าเทียม-ความถูกต้อง-ยุติธรรม...
ความพ่ายแพ้ครั้งแล้ว-ครั้งเล่า ที่ปรากฏให้เห็นในแนวรบแต่ละด้านของโลกตะวันตก โลกขั้วอำนาจเดียว จึงถือเป็นคำตอบคำอธิบายถึงภาพ “ป่าทั้งป่า” ที่กำลังเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลกในอีกไม่นาน-ไม่ช้า นั่นก็คือการปรากฏตัวของ “โลกหลายขั้วอำนาจ” อันเป็นสิ่งที่จะนำมาซึ่ง “ความเปลี่ยนแปลง” อย่างพลิกฟ้า-คว่ำดินในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าการเมือง-เศรษฐกิจ-สังคมวัฒนธรรม อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงต่อไปได้อีกแล้ว!!!