หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ
การโหวตเลือกหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่นั้นเป็นเพียงพิธีกรรมอำพราง เพื่อให้ดูว่าเป็นกระบวนการทางประชาธิปไตยเท่านั้น แต่เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ดังนั้นพรรคนี้ใครจะมีอำนาจและบทบาทอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับทักษิณคนเดียว
แม้จะมีการเยินยอคุณสมบัติของอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตรว่ามีความสามารถเก่งกาจที่จะเข้ามานำพรรคอย่างไรก็ล้วนแต่งเป็นการสรรแต่งขึ้นมาเพื่อเอาใจเจ้าของพรรค และทำให้สังคมเชื่อว่าแพรทองธารมีความเหมาะสมอย่างนั้นจริง แต่ถ้าให้ไปหาเหตุผลและข้อมูลมารองรับคำพูดนั้นก็เชื่อว่าไม่มีทางหาได้ เพราะไม่เคยปรากฏมาก่อนว่า อุ๊งอิ๊งเคยทำอะไรประสบความสำเร็จจนน่าชื่นชมมาบ้าง แม้แต่เคยผ่านการทำงานอะไรมาก็ยังไม่เคยมีมาก่อน คุณสมบัติเดียวที่อุ๊งอิ๊งมีก็คือ เป็นลูกสาวของทักษิณเท่านั้นเอง
ดังนั้นไม่ต้องเยินยอกันให้มากความก็บอกมาตรงๆ เลยว่าที่เลือกอุ๊งอิ๊งเป็นหัวหน้าพรรคเพราะทักษิณสั่งมานั่นเอง ก็เหมือนตอนเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยเพื่อเป็นสะพานไต่มานั่นแหละ
ลองคิดดูว่าถ้าอุ๊งอิ๊งเป็นคนนอกตระกูลชินวัตร การไม่เคยมีคุณสมบัติทำอะไรมาก่อนจะได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเหรอ อยู่ๆ จะได้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเหรอ
ถามว่ามีไหมเด็กอายุ 36-37 คนที่เก่งมีความรู้ความสามารถและทำงานประสบความสำเร็จก็คงจะมีไม่น้อยนะ แต่คนเหล่านั้นจะมีโอกาสแบบอุ๊งอิ๊งไหม รับรองว่าไม่มีหรอก เพราะคนเหล่านั้นไม่ได้เป็นลูกของทักษิณนั่นเอง
และถ้าถามว่าเหมาะสมไหมที่พรรคเพื่อไทยควรจะเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานการเมืองนำพาพรรคเพื่อการเลือกตั้งในเวลาอีกเกือบ 4 ปีข้างหน้า ผมก็คิดว่าเหมาะสมที่จะให้คนรุ่นใหม่เข้ามานำพรรคนะ เพราะตอนนี้สังคมไทยกำลังเบื่อหน่ายเอือมระอากับนักการเมืองรุ่นเก่าจึงพากันไปเลือกพรรคก้าวไกลถล่มทลาย แต่คนรุ่นใหม่ที่จะมานำพรรคก็ควรจะต้องเป็นคนที่พิสูจน์ความรู้ความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์เสียก่อน แม้จะไม่เคยเห็นผลงานอย่างน้อยก็แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความคิดเสียก่อน
แต่แน่นอนแหละว่า เมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นของครอบครัวชินวัตร เรื่องการแต่งตั้งหัวหน้าพรรคจึงเป็นเรื่องของการวางตัวทายาททางการเมืองเพื่อสืบทอดกิจการของครอบครัว ตอนที่ลูกๆยังเล็กทักษิณก็อาจฝากฝังนักการเมืองมืออาชีพเข้ามาช่วยดูแล แต่วันนี้ถึงเวลาของทายาทที่จะเข้ามาดูแลกิจการของครอบครัวแล้ว
ทักษิณคงเลือกแล้วว่าหลังจากผลักดันน้องเขย และน้องสาวเข้ามาสืบทอดตำแหน่งทางการเมือง ถ้าจะให้ธุรกิจของครอบครัวยังอยู่ภายใต้ตระกูลชินวัตรต่อไป เมื่อเทียบกับพี่น้องสามคนอุ๊งอิ๊งน่าจะมีภาษีดีที่สุด แม้ว่าอุ๊งอิ๊งจะด่างพร้อยเพราะมีครหาในตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ต่อมาคณะกรรมการชุดนายสุเมธ ตันติเวชกุลยืนยันว่า ข้อสอบรั่ว
แล้วบังเอิญการทำข้อสอบของอุ๊งอิ๊งสองครั้งก็มีคะแนนที่ต่างกันอย่างน่าอัศจรรย์ โดยผลสอบ“ภาษาไทย” จาก 52 เพิ่มเป็น 72, “สังคม” จาก 41.25 เพิ่มเป็น 67.5, “ภาษาอังกฤษ” จาก 64 เพิ่มเป็น 84 และ “คณิตศาสตร์ 2” จาก 27 เพิ่มเป็น 63 ลองคิดดูสิว่า คนๆ เดียวจะเก่งขึ้นมาในชั่วข้ามคืนได้ขนาดนั้น หรือว่าเพราะรู้ข้อสอบล่วงหน้ากันแน่
ดังนั้นคนที่ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคครั้งที่ผ่านมา และฟันธงล่วงหน้าว่า หากพรรคเพื่อไทยสามารถรวบรวมเสียงข้างมากได้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยก็จะคือ อุ๊งอิ๊ง นี่แหละ หรือดีไม่ดีถ้าเศรษฐาประสบอุบัติเหตุหรือวิบากกรรมก่อนครบวาระคนที่จะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีทันทีก็คืออุ๊งอิ๊งนี่เองไม่ต้องรอไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า
และแม้ว่าอุ๊งอิ๊งจะไม่มีประสบการณ์อะไรมาเลยในชีวิต แต่ทักษิณก็คงไม่กังวลว่าลูกสาวจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ เพราะหากอุ๊งอิ๊งได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่มีบทบาทสั่งการอยู่ข้างหลังก็คือ ทักษิณนั่นเอง เหมือนกับยุคยิ่งลักษณ์ที่บอกว่าทักษิณคิดยิ่งลักษณ์ทำ แม้หลายคนจะด้อยค่าในสติปัญญาของเธอก็ตามเธอก็ได้ชื่อว่าเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย และอย่างน้อยก็มีคนบอกว่า ดูแล้วอุ๊งอิ๊งจะมีทรงดีกว่าอาของเธอที่แทบจะไม่รู้เหนือรู้ใต้เลย
เราจึงเห็นเศรษฐายกมือของอุ๊งอิ๊งมาจุมพิตหลังจากได้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค เป็นการแสดงออกที่เป็นธรรมเนียมของฝรั่งที่แสดงถึงการจงรักภักดีต่อการขึ้นสู่อำนาจของลูกสาวนายใหญ่แบบที่เราเห็นในการสยบยอมต่อดอนคาลิโอเน ในภาพยนตร์เรื่องเดอะก็อดฟาเธอร์ แม้วันนี้เศรษฐาจะมีตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ก็เป็นที่รู้กันว่ามีนายกรัฐมนตรีสองคนที่เศรษฐาหลุดคำพูดออกมาเอง แถมยังมีคำถามว่าเศรษฐามีอำนาจจริงแค่ไหน นอกจากที่มีอุ๊งอิ๊งประกบติดตัว แล้วยังถูกประกบด้วยภูมิธรรม เวชยชัย และหมอมิ้ง พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช ที่คอยกำกับอยู่ด้วย
และจะมีใครกล้าปฏิเสธหรือไม่ว่า วันนี้อำนาจสั่งการที่แท้จริงมาจากชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ ที่นักโทษชายเด็ดขาดทักษิณใช้เป็นเรือนพักโดยไม่ยอมเข้าคุกแม้แต่วันเดียว และจะต้องใช้อำนาจเพื่อจะอยู่ที่นั่นไปจนถึงวันพ้นโทษหรือวันได้พักโทษในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า
ความจริงแล้วทักษิณจะผลักดันให้อุ๊งอิ๊งเป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ครั้งนี้ก็ได้ แต่อาจจะเพราะเกรงใจสังคมที่อยู่ๆ จะผลักดันลูกสาวตัวเองขึ้นมาบริหารประเทศ ส้มเลยไปตกใส่เท้าเศรษฐาให้ได้มีโอกาสเข้ามาบริหารประเทศ แม้ทักษิณจะเคยมีบทเรียนไม่ดีกับการผลักดันนายกฯ คนนอกตระกูลชินวัตรมาแล้วในสมัยนายสมัคร สุนทรเวช แต่อย่างน้อยเศรษฐาก็เป็นคนแนบชิดกับน้องสาวยิ่งลักษณ์ไม่ใช่คนอื่นไกล ก็ต้องนับว่าทักษิณยังปรานีกับประเทศที่ไม่ให้อุ๊งอิ๊งขึ้นเป็นนายกฯ ทันที แต่ให้ไปช่วยเศรษฐาในตำแหน่งต่างๆ ไปก่อน เพื่อเตรียมตัวใน 4 ปีข้างหน้า
วันนี้ทักษิณกลับมามีอำนาจที่แท้จริงอีกครั้ง ไม่มีอำนาจไหนหรอกที่จะกล้าต่อกรกับทักษิณหรือมีคนในพรรคคนไหนจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ทักษิณต้องการให้เป็นไป เพราะรู้ว่าหากทำอะไรขัดใจทักษิณเส้นทางก็จะดับวูบลงทันทีไม่เชื่อถามเฉลิม อยู่บำรุง ที่ใครคิดว่าใกล้ชิดสนิทสนมกับทักษิณดู
ไม่เห็นหรือว่าแม้สมาชิกของพรรคเพื่อไทย หลายคนมีประสบการณ์ทางการเมืองมาอย่างยาวนาน และนักการเมืองพรรคนี้ก็เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย แต่ไม่มีใครคิดหรือกล้าหืออือว่า ทำไมไม่มีประชาธิปไตยในพรรคเลย ใช่หรือไม่ว่าเพราะทุกคนคิดแต่ว่าตัวเองเป็นเพียงทาสในเรือนเบี้ยของตระกูลชินวัตรเท่านั้น หรือคิดว่านี่คือการตัดสินใจที่ถูกต้องเหมาะสม เพราะไม่มีใครในวัยเดียวกันหรือคนที่เป็นคนรุ่นใหม่ของพรรคจะมีความเหมาะสมไปมากกว่าอุ๊งอิ๊งแล้ว หรือว่านี่เป็นการแสดงความจงรักภักดีสูงสุดให้ทักษิณได้เห็นนั่นคือ แสดงความจงรักภักดีต่อลูกสาวของทักษิณเช่นเดียวกัน
คนอย่างจาตุรนต์ ฉายแสง ภูมิธรรม เวชยชัย พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช สุธรรม แสงประทุม อดิศร เพียงเกษ ฯลฯ ที่ผ่านมาการต่อสู้ทางการเมืองมาตั้งแต่เป็นนักศึกษานั้น วันนี้รับภารกิจแล้วว่าจะต้องผลักดันลูกสาวของนายใหญ่เพื่อสืบทอดอำนาจ เพื่อตอบแทนกับความไว้วางใจและสิ่งที่ทักษิณหยิบยื่นให้ซึ่งสำคัญกว่าประชาธิปไตยที่พวกเขาเคยต่อสู้เรียกร้องมา
เราไม่รู้หรอกว่าเส้นทางการเมืองของอุ๊งอิ๊งจะมีวิบากกรรมเช่นเดียวกับพ่อและอาหรือไม่ ที่ต้องหลบหนีคุกตะรางจากการกระทำผิดในระหว่างมีอำนาจหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ แต่เธอประกาศแล้วว่าจะเดินตามรอยเท้าที่พ่อเธอเคยเดินตาดูดาวเท้าติดดิน ซึ่งก็คงได้แต่หวังว่าเธอจะไม่ทำตามทุกอย่างที่พ่อเธอและอาเคยทำมาและเรียนรู้บทเรียนความผิดพลาดจากผู้มาก่อน
ก็คงต้องรอดูในวันที่เธอได้ครองอำนาจนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีดีเอ็นเอของทักษิณและสายเลือดชินวัตรในตัวเธอจะปรากฎออกมาแค่ไหน และสุดท้ายแล้วชะตากรรมของเธอจะซ้ำรอยพ่อและอาหรือไม่
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan