ท่านเศรษฐีเศรษฐาผู้นำรัฐบาลยังคงเริงร่ากับการรับแสงของความเป็นผู้นำเดินสายพบปะชาวบ้านสร้างความนิยมอ้างว่าโครงการเงินดิจิทัล จำเป็นต้องทำ
มาถึงวันนี้นอกจากคำถามว่าจะเอาเงินมาจากไหน และทำไมไม่แจกเงินสด กลับมีคำถามเพิ่มว่าจะกล้าทำจริงหรือไม่เมื่อเห็นแววว่าประตูคุกแง้มรออยู่
หนังหน้าไฟที่ถูกดันออกมาให้เสนอโครงการต่างไม่กล้าผูกมัดตัวเองเพราะผู้นำรัฐบาลควบตำแหน่ง รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ยังถูกมองว่าเลี่ยงตอบ
คงเห็นเค้าลางของความวิบัติต่ออนาคต เพราะองค์กรอิสระที่ควบคุมดูแลความผิดปกติในการใช้จ่ายเงินภาครัฐบาลเริ่มทำงานตรวจสอบจริงจัง
เห็นแล้วชวนให้สันหลังเย็นวาบเพราะก่อนหน้านี้กลุ่มตรวจสอบเหล่านี้ที่ทำเอารัฐมนตรีพาณิชย์และทีมงานของพรรคเพื่อไทยเข้าคุกมาแล้วในคดีจำนำข้าว
รัฐบาลพรรคเพื่อไทยยังไม่ยอมพูดเรื่องโครงการรับจำนำข้าวที่ทำให้ประเทศเสียหายถึง 7 แสนล้านบาท ทุกวันนี้ยังใช้หนี้คืนไม่หมด
โครงการเงินดิจิทัล ไม่น่าจะรอดเพราะอย่างไรก็หาเงินมาผลักดันโครงการได้ยาก เพียงแต่ผู้เกี่ยวข้องยังทำตัวเป็นผู้ร้ายปากแข็ง อ้างว่าต้องทำให้ได้
ถ้าทำได้จริงก็คงทำไปนานแล้วไม่ต้องยึกยักกับคำถามที่ว่าจะเอาเงินมาจากไหน ยิ่งโดนรุกว่าถ้าไม่มีใครได้ประโยชน์จะทำเป็นโครงการเงินดิจิทัลทำไม
ดูสภาพแล้วคงจะไปไม่รอดแต่ต้องหาทางลง โทษคนอื่นได้ เช่นอ้างว่าได้รับคำท้วงติงจากองค์กรอิสระที่ตรวจสอบว่าโครงการนี้ทำไม่ได้เพราะผิดกฎระเบียบ
แค่นี้ก็เอาไปอ้างแบบหน้าซื่อตาใสกับชาวบ้านได้แล้วว่าเสียใจที่ไม่สามารถแจกเงินให้ชาวบ้านได้ เพราะองค์กรอิสระเตือนว่าจะผิดกฎหมาย
ถ้าไม่คิดเรื่องจะมีนอกมีในตั้งแต่แรกก็คงไม่มีใครร้องเอะอะโวยวาย และสงสัยว่าจะมีกลุ่มไอ้โม่งได้ประโยชน์เป็นกอบเป็นกำจากโครงการนี้
ยิ่งถ้าทำแล้ว ประเทศต้องเป็นหนี้ถึง 560,000 ล้านบาทก็ทำให้สถานการณ์ด้านการเงินการคลังของประเทศและภาระหนี้สินอยู่ในสภาพน่าห่วง
ทั้งมีเสียงท้วงติงว่าการแจกเงินแค่นี้ไม่ได้ทำให้กระตุ้นเศรษฐกิจตามเป้าหมาย ทุกวันนี้ประชาชนก็ใช้จ่ายเงินเอง ท่องเที่ยวหาความสุขอยู่แล้ว
นี่เป็นเพราะอดีตที่มีความด่างพร้อยโกงบ้านกินเมืองทำให้คิดโครงการอะไรก็เกิดความสงสัย โดยสภาพการทุจริตคอร์รัปชันในบ้านเราไม่ธรรมดาอยู่แล้ว
นายกฯ เศรษฐีเศรษฐามีปัญหาทั้งเรื่องการแสดงออก ทั้งการแต่งกายและการทำตัวผิดเพี้ยนไปจากธรรมเนียมปฏิบัติ การแต่งกายไม่ได้สมกับเป็นผู้นำประเทศ
ยิ่งล่าสุดลีลาจุมพิตหลังมือตัวเองบนฝ่ามือของลูกสาวนายห้าง คนป่วยติดเตียงชั้น 14 ก็ยิ่งทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าผู้นำรัฐบาลมีปัญหาอะไรมากไหม
แต่งกายแหกคอก ทำตัวแหกประเพณี มีคำพูดหาเรื่องใส่ตัวเช่นมีนายกฯ 2 คน ตอนหลังมาอ้างว่ามีนายกฯ คนเดียว ดูแล้วจึงเหมือนเป็นตัวตลกฝรั่งโบโซ่ สร้างความขบขันบันเทิงที่ไม่ตลกให้ชาวบ้านดู
ผลงานจริงจังยังไม่มี ถ้าโครงการแจกเงินหัวละ 10,000 บาทไปไม่รอดก็จะลามไปถึงคำถามที่ว่าค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทและเงินเดือนจบปริญญาตรี 25,000 บาทจะไปได้หรือไม่
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องลดราคาน้ำมันและค่าไฟฟ้าเพราะความเป็นจริงคือเอาเงินรัฐไปอุดหนุนและเงินนั้นก็มาจากภาษีของประชาชนนั่นเอง โดยผู้ประกอบการไม่ขาดรายได้
เป็นการทำตามคำสัญญาหลอก หลังฉากภาพลวงตา เมื่อทำอะไรอยู่บนพื้นฐานของความคิดไม่ซื่อและหวังผลประโยชน์ก็ต้องมีปัญหาติดขัดเมื่อคนไม่ไว้ใจ
พรรคร่วมรัฐบาลยังไม่ได้ยินยอมพร้อมใจรับโครงการแจกเงินดิจิทัล คงไม่อยากขัดใจเพราะอยากอยู่ร่วมกันนานๆ มีผลประโยชน์ ต่างคนต่างหา
สุดท้ายเมื่อทำอะไรไม่ได้ ภาพความล้มเหลวและไร้ประสิทธิภาพชัดขึ้นก็จะนำไปสู่คำถามที่ว่าแล้วรัฐบาลเศรษฐีเศรษฐาจะอยู่รอดได้อีกนานหรือไม่
หรือต้องขึ้นอยู่กับการประเมินโดยคนป่วยชั้น 14
อยู่มาสองเดือนรัฐบาลเศรษฐีเศรษฐาชื่นมื่นกับผลสำรวจของโพลที่บอกว่าสอบผ่าน ทั้งที่ชาวบ้านยังเห็นว่าไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
การเดินตระเวนบำบัดอาการหิวแสงและการพบปะผู้นำต่างประเทศและนักลงทุนก็ยังไม่ส่งผลอะไรให้เห็น จะหวังเงินจากการท่องเที่ยวก็ดันมีสงครามระหว่างอิสราเอลกับชาวปาเลสไตน์
มีคนไทยเป็นเหยื่อโดนสังหารกว่า 30 รายและส่วนหนึ่งถูกจับเป็นตัวประกันทำให้รัฐบาลเศรษฐีเศรษฐาต้องพะวงหาทางออกแต่ยังไม่สำเร็จ
ความไม่รอบคอบในการพูดจาเกี่ยวกับเหตุการณ์ระหว่างประเทศ ทำให้ประเทศไทยลำบากในการหาทางออกสำหรับแรงงานไทย เพราะผู้นำรัฐบาลใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมกับทั้งสองฝ่าย
แสดงถึงความไม่เป็นงานและไม่ยอมปรึกษาใคร โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศที่มีประสบการณ์ด้านการทูตและการเจรจา
จากนี้ไปชาวบ้านอาจจะเริ่มรู้สึกว่าใกล้วาระที่รัฐบาลเศรษฐีเศรษฐาจะต้องเปลี่ยนม้ากลางศึก แต่ขึ้นอยู่กับคนป่วยชั้น 14 ว่าการใช้หนี้บุญคุณเครือข่ายต่างๆ ที่มาร่วมในคณะรัฐมนตรี ครบหรือยัง
ปัญหาอยู่ที่ว่าลูกสาวเถ้าแก่คนป่วยชั้น 14 ยังกระดูกไม่แข็งพอที่จะรับงานต่อ ดังนั้น อาจต้องมีคนนอกมาคั่นชั่วคราวเพื่อปูพื้นฐานให้มั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ
ขืนปล่อยให้ลูกสาวออกสู่ยุทธจักรยามนี้มีโอกาสต้องอพยพทั้งครอบครัวไปอยู่ต่างประเทศ ประวัติศาสตร์ย่อมซ้ำรอยได้เสมอถ้าไม่จดจำบทเรียนที่ผ่านมา