"โสภณ องค์การณ์"
ดูสภาพของรัฐบาลเศรษฐาในพิธีกรรมปล้ำผีลุกปลุกผีนั่งเสกเอาเงินดิจิทัลมานานกว่าหนึ่งเดือนก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างชัดเจน อยู่ในอาการทุลักทุเลน่าสมเพชเวทนาต้องหาคำแก้ตัวแล้วแต่จะคิดสรรหามาได้ ขึ้นอยู่กับความสามารถเฉพาะตัวของคนที่รับบทเป็นแพะ
มีข้ออ้างเงื่อนไขเปลี่ยนแปลงมาเล่าให้ชาวบ้านฟังเหมือนนิทานรายวันทั้งยังเปลี่ยนหน้าคนเล่าซึ่งกำลังมีหน้าตาคล้ายแพะรับบาปมากขึ้น
ยิ่งพร่ำเพ้อถึงโครงการเงินดิจิทัล วอลเลต มากเท่าไหร่ก็ยิ่งเหมือนกับอย่างที่ว่า “ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา” นั่นเลย
แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเหลาเสร็จแล้วจะเป็นบ้องกัญชาหรือเป็นกระบอกไม้ธรรมดาใช้ใส่น้ำก็ไม่ได้ สุดท้ายก็กลายเป็นไม้ฟืนไม่มีทางกลายเป็นกระบอกข้าวหลาม
ชาวบ้านคนรู้ทันก็เลยเห็นภาพชัดว่า ช่วงการหาเสียงเป็นเพียงการหาโครงการมาเกทับพรรคการเมืองคู่แข่งซึ่งแย่งกันเสนอโครงการประชานิยมถมไม่เต็มให้ชาวบ้านกาเบอร์ให้
เสนอเงิน 10,000 บาทแจกทุกคนอายุเกิน 16 ปีนั่นเป็นข้อเสนอดั้งเดิมแต่บอกว่าจะไม่เป็นเงินสด เป็นเงินดิจิทัล ชาวบ้านทั่วไปไม่เข้าใจแต่ก็มีคนอธิบายว่าเหมือนคูปองแลกซื้อของ แต่เป็นโทเคน จับต้องไม่ได้ ไม่ใช่ธนบัตรเงินสด ถ้าเป็นคูปองอย่างนั้นก็เอาไปแลกเป็นเงินสดลดราคาก็ได้
แต่ก็นั่นแหละเมื่อมีเสียงท้วงติงว่าโครงการนี้ทำไม่ได้มีปัญหากับกฎหมาย สปอนเซอร์ก็ยังแถ ดื้อตาใส ชนิดเถียงคำไม่ตกฟาก
เมื่อเจอคำถามว่าจะเอาเงินมาจากไหนและทำไมไม่จ่ายเป็นเงินสดคราวนี้ก็เริ่มแกว่ง มีคำอธิบายสารพัดให้ชาวบ้านงง
เอาเพียงแค่เรื่องแอพฯ บล็อกเชนและดิจิทัล Wallet ชาวบ้านก็เริ่มสงสัยว่าตกลงจะได้เงินหรือไม่
และเมื่อเสียงท้วงติงจากบรรดาผู้รู้เช่นอดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติและทีมนักเศรษฐศาสตร์ทำให้นักแถ ปั่นป่วน ก็ทำให้มีกระบวนการแพะรายวันมาชี้แจงลิ้นพันคอ ต่อเนื่องอ้างว่าจะต้องทำแพลตฟอร์มใหม่ไม่เอาเป๋าตัง อ้างว่าโครงการนี้ทำเพียง 6 เดือน
พอเถียงเรื่องราคาในการลงทุนทำบล็อกเชนและระบบดิจิทัลอาการแกว่งเริ่มมากขึ้น เถียงว่าไม่มีใครได้ประโยชน์ซึ่งก็ไม่มีใครเชื่อ
โดยธรรมชาติธาตุแท้นักการเมืองถ้าทำอะไรไม่มีผลประโยชน์ตอบแทนที่เงินทอนมีหรือจะลงทุนทำเพราะที่เข้ามา หาอำนาจการเมืองก็เพราะเงิน และเป้าหมายคือหาเงินเพิ่ม
มาบัดนี้เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขไปกี่อย่างชาวบ้านไม่อยากจำเพราะเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าโครงการนี้จะเป็นไปได้หรือไม่ ล่าสุดบอกว่าคนมีเงินเดือนเกิน 20,000 เหลือเงินฝากเกิน 50,000 จะไม่ได้รับ
นั่นหมายความว่าโครงการนี้จะไม่ใช่ครอบจักรวาลทุกคนหลังจากอายุ 16 ปีจะได้เงินซึ่งจะมียอดรวม 560,000 ล้านบาทเมื่อเข้าเงื่อนไขใหม่จำนวนเงินก็ลดลง
ไม่ใช่ว่ามีเจตนาดี แต่ว่าลดจำนวนอย่างไรก็ยังไม่รู้จะเอาเงินจากไหน ตอนแรกจะไปทุบกระปุกออมสินก็มีคนร้องโวยวายว่าผิดกฎหมาย ตอนนี้ก็แวะไปหาธนาคารของรัฐซึ่งมองสปอนเซอร์โครงการด้วยสายตาไม่ไว้ใจ
ถ้าจะไปเอาจากธนาคารแหล่งละ 100,000 ล้านบาท ก็จะทำให้มีผลกระทบด้านสภาพคล่องและเงินที่เอาไปจะได้คืนแน่นอนหรือไม่ ยังไม่มีใครรับประกัน
และแน่นอนที่สุดโครงการนี้ไม่มีใครรับผิดชอบถ้าล้มเหลว ไม่มีใครรับประกันด้วยว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ครบสี่ปี มีเสียง ถามดังๆ ว่าจะอยู่รอดถึงเดือนพฤษภาคมปีหน้าหรือไม่
นายกฯ เศรษฐายังเริงร่ากับการเดินสายพบปะผู้นำต่างประเทศและนักธุรกิจชักชวนให้มาลงทุน ล่าสุดก็จะมี การรณรงค์ซอฟพาวเวอร์ทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่ารัฐบาลนี้หากินวันต่อวัน แก้ผ้าเอาหน้ารอด
ผลงานมีอะไรชัดเจนหรือยัง คำตอบก็คือยังไม่มี การลดค่าไฟ ลดราคาน้ำมัน ก็ไม่มีความหมาย ยิ่งตัดราคารถไฟฟ้า 20 บาทเพียงแค่สองสายก็ทำกันแบบอย่างฮา
โครงการเงินดิจิทัลจึงสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลเศรษฐาเข้ามาแบบฟลุ๊ก หักหลังพวกและมีนโยบายลมๆ แล้งๆสุ กเอาเผากิน ให้อยู่รอดไปวันๆ
ลีลาการสร้างภาพไม่ธรรมดาแม้กระบวนการไอโอยังไม่ทำงานเต็มบ้อง ชาวบ้านยังให้เวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินเดือนเริ่มต้น 25,000 บาทหรือเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ
แต่ทุกเรื่องจะมีข้ออ้างเงื่อนไขซึ่งไม่ตรงกับคำมั่นสัญญาช่วงหาเสียงซึ่งชาวบ้านก็ไม่ได้เชื่อเพียงแต่จะรอจับโกหกคำโตเท่านั้น
รัฐบาลนี้จะอยู่ได้ก็คงเป็นเพราะโครงการประชานิยมแต่จะมีปัญหาเรื่องเงินและความเป็นจริงที่จะฟ้องให้เห็นว่ามีอะไรที่ทำได้ และทำไม่ได้ซึ่งจำเป็นต้องให้มีขบวนการโกหกพกลมทำงานรักษาความนิยม
หัวหน้ารัฐบาลจะมีคำพูดฟังแล้วดูสวยว่า “รอรับฟังความคิดเห็นจากหลายฝ่าย ตั้งอนุกรรมการศึกษา พบปะประชาชนในพื้นที่”
เป็นการซื้อและยื้อเวลา ยังไม่มีอะไรที่เป็นรูปธรรมจริงจังทุกอย่างอยู่ในสภาพเป็น “ทิพย์” แต่ละวันมีแต่คำโว ราคาคุยทำเพื่อประชาชน
ชาวบ้านต้องระวังว่าขณะที่ฝุ่นตลบนี้มีตัวเขมือบแอบไปจ้องหาโอกาสสร้างความมั่งคั่งจากโครงการผ่านอีบิดดิ้งหรือประมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์หรือไม่
รัฐบาลนี้คงรู้ตัวว่าอาจจะอยู่ได้ไม่นานฉะนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องรีบหาอะไรใส่กระเป๋าไว้ก่อนเพราะเพียงแค่ไม่ถึงสองเดือนความฉาวโฉ่ ความไม่น่าไว้วางใจเพิ่มทุกวัน
จะเป็นละคร ลิเกหรือตอแหลรายวันก็สุดแล้วแต่ประชาชนจะมอง จะให้ทำอย่างไรได้เพราะปัญหาแท้จริงคือไม่มีเงิน
แต่อย่านึกว่านักเลือกตั้งจะไม่มีช่องทางโกงได้นะเพราะคนที่จะจ่ายคือพวกพ่อค้านายทุนผู้รับเหมาที่จะได้โครงการโดยเฉพาะพวกนายทุนขาประจำรายใหญ่
พวกนายทุนรายใหญ่เหล่านี้คือคนที่ พวกเราก็รู้ว่าเป็นใครนั่นแหละ