ปิดท้ายสัปดาห์นี้...คงหนีไม่พ้นต้องแวะไปแถวๆ ตะวันออกกลางนั่นแหละทั่น!!! เพราะข่าวคราวเรื่องการบุกโจมตีประเทศอิสราเอลของกองทัพปาเลสไตน์ หรือของ “ขบวนการฮามาส” ออกจะเป็นอะไรที่สั่นสะเทือนเลื่อนโลก ถูกนำมาขยายผล ขยายความ พูดจากันชนิดแทบไม่รู้จบ แถมบรรดา “กูรู-กูรู้” ทั้งหลาย ไม่ว่าบ้านเรา-นอกบ้าน ช่างมีอยู่เยอะแยะมากมายเสียเหลือเกิน ต่างดาหน้าออกมาพูด มาเขียน ระดับเล่นเอาเมื่อยหู เล่นเอาตาแฉะกันไปข้าง...
เช่น “สื่อตะวันตก” อย่าง “รอยเตอร์-รอยตีน” ที่ดูจะหันไปให้ “น้ำหนัก” กับเรื่องความสัมพันธ์ในแบบซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศของประเทศพี่เบิ้มในตะวันออกกลางอย่างซาอุดีอาระเบีย ที่แม้เพิ่ง “จูบปาก” กับอิหร่านโดยการชี้ชวน เชิญชวน ของคุณพี่จีน แต่ก็ยังทำท่าว่าคิดหันไปไซร้คอ ไซร้แขนกับศัตรูคู่อาฆาตของอิหร่าน อย่างอิสราเอล โดยการชี้ชวน เชิญชวน ของคุณพ่ออเมริกา อันอาจกลายเป็นเงื่อนไข-เหตุปัจจัยที่ทำให้ผู้ที่อยู่ในร่มเงาเครือข่ายอิหร่าน อย่าง “ขบวนการฮามาส” เลยตัดสินใจบุกอิสราเอล ตามข้อสมมติฐาน หรือตามการ “จับแพะ-ชนแกะ” ของสำนักข่าวดังกล่าว อันปรากฏอยู่ในข้อเขียน บทความ เรื่อง “In striking Israel, Hamas took aim at Middle East security realignment” หรือที่สำนักข่าว “ผู้จัดการ” ของหมู่เฮา นำมาถ่ายทอดไว้ในชื่อ “เบื้องลึก...ฮามาสโจมตีอิสราเอลคราวนี้ ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อขัดขวางการจับมือระหว่างซาอุฯ-รัฐยิวที่มีสหรัฐฯ หนุนหลังอยู่” ไปเมื่อวัน-สองวันนี้...
อย่างไรก็ตาม...แม้ “ข้อสรุป” ดังกล่าวอาจมีส่วนความเป็นไปได้อยู่มั่ง แต่ไม่น่าจะเป็นคำตอบแบบเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ไปซะทั้งหมดเพราะการโจมตีครั้งนี้ อาจไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับ “ปัจจัยภายนอก” ระหว่างอิสราเอลกับบรรดาประเทศในตะวันออกกลางเป็นหลัก แต่ดูจะเฉพาะเจาะจงอยู่ที่ “ปัจจัยภายใน” ของอิสราเอลเองนั่นแหละเป็นสำคัญ คือเป็นการเลือก “จังหวะ-เวลา” ในขณะที่ประเทศอิสราเอลทั้งประเทศ กำลังตกอยู่ในอาการ “อ่อนแอ” แบบสุดๆ ต้อง “เลือกตั้ง” กันชนิด 4 ปี 4 ครั้ง ต้องเปลี่ยนตัวควานหาผู้นำประเทศ หรือนายกรัฐมนตรีคนละแทบไม่ถึงปีเอาเลยด้วยซ้ำ แถมยังเต็มไปด้วยความสับสน ระส่ำระสายชนิดใกล้ๆ เกิด “สงครามกลางเมือง” ระดับของจริง-ของแท้ หรือ “A Real Civil War” ดังที่ประธานาธิบดีอิสราเอล “นายIsaac Herzog” ออกมาให้คำนิยามไว้ด้วยตัวเอง...
เกิดการดาหน้าออกมา “ประท้วง” ของบรรดาลูกหลานชาวยิวต่อความบังอาจ อหังการของนายกรัฐมนตรี “เนทันยาฮู” ที่คิดจะเล่นงานตุลาการ หรือคิด “ปฏิรูประบบศาล” ด้วยความร่วมมือของพรรคร่วมรัฐบาลประเภท “ขวาสุดๆ” หรือพรรคที่เคร่งในเรื่องศาสนา อย่างพรรค “Qtzma Yehudit” ที่มีรัฐมนตรีอย่าง “นายBen Gvir” พร้อมเดินนำหน้านำพาลูกหลานชาวยิวทั้งหลาย ไปทวงคืนอำนาจบริหาร-จัดการในอาณาเขตพื้นที่บริเวณ “ภูเขาวิหาร” อันเป็นที่ตั้งของ “มัสยิด Al-Aqsa” ศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์อันดับ 3 ของบรรดาชาวมุสลิมทั่วทั้งโลก จนกลายเป็นเรื่อง-เป็นราวถึงขั้นประเทศบ้านใกล้-เรือนเคียงอย่างอียิปต์ จอร์แดน แทบรับไม่ค่อยจะได้ หรือแม้แต่ชาวอิสราเอลด้วยกันเองก็ตาม ชนิดที่แม้แต่ทหารประจำการ หรือเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง “Mossad” ยังต้องออกมาร่วมประท้วงนายกรัฐมนตรี อันอาจถือเป็นส่วนหนึ่งของ “คำตอบ” ก็เป็นได้ ว่าเหตุใด “งานข่าวกรอง” ของอิสราเอลถึงได้โหลยโท่ย ไม่ได้รู้เรื่อง-รู้ราวว่าพวก “ฮามาส” คิดจะบุกในตอนไหน? เมื่อไหร่?...
อีกทั้งท่ามกลางความ “อ่อนแอ” แบบสุดๆ...การซักซ้อม ทดสอบ ความแข็งแกร่งในการป้องกันตนเองของอิสราเอล โดยพวก “ฮามาส” ในปาเลสไตน์ รวมทั้ง “เฮซบอลเลาะห์” ในเลบานอน ก็ได้ดำเนินสืบเนื่องมาอย่างเป็นขั้น-เป็นตอน ด้วยการสาดจรวดนับพันๆ ลูกเข้าใส่พื้นที่ต่างๆ ในอิสราเอล จนพอสรุปได้ว่า “ระบบป้องกัน” อันได้ชื่อว่าทรงประสิทธิภาพที่สุดอย่างระบบ “Iron Dome” ถึงกับ “ไปไม่เป็น” มาแล้วหลายครั้ง หลายหน ดังนั้น...โดยเงื่อนไขและเหตุปัจจัย ที่ทำให้เกิดการโจมตีระดับพอๆ กับเหตุการณ์ “9/11” ของอเมริกาต่ออิสราเอลคราวนี้ น่าจะมีองค์ประกอบผสมผสานหลายต่อหลายอย่างด้วยกัน ไม่ใช่อย่างใด-อย่างหนึ่งเท่านั้น ส่วนจะลากโยงไปถึงแนวรบด้านอื่นๆ อย่าง “แนวรบยุโรปตะวันออก” ที่พันธมิตรอิสราเอล ไม่ว่ายุโรปหรือคุณพ่ออเมริกาต่างกำลังออกอาการ “บ่อจี๊” หรือ “กรอบเป็นข้าวเกรียบเมืองเพชร” มีปัญหาทั้งเรื่องเงิน-เรื่องทอง ตลอดไปจนเรื่อง “อาวุธ” ที่แทบหมดคลัง เกลี้ยงคลัง แทบทุกประเทศหรือไม่? อย่างไร? อันนั้น...ก็แล้วแต่จะใส่สี-ตีไข่ไปตามรสนิยมของใคร-ของมันก็แล้วกัน เพราะถ้าหากสงครามคราวนี้...มันดันขยายวง ลุกลามไปถึงประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อย่างอิหร่านขึ้นมาจริงๆ ระดับ “ราคาน้ำมัน” ที่กำลังพุ่งทะลุเพดานอยู่ในทุกวันนี้ มันอาจพุ่งทะลุหลังคาไปถึงชั้นบรรยากาศ อันเป็นสิ่งที่น่าจะก่อให้เกิดความเจ็บปวดรวดร้าวต่อบรรดาประเทศตะวันตก ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...
แต่โดยสรุปรวมความแล้ว...มันเลยกลายเป็นเรื่องใหญ่-เรื่องโตระดับบิ๊กเซอร์ไพรส์ ที่ทำเอาสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นกันไปแทบจะทั้งโลก ชนิดท่านนายกฯ “เศรษฐา” ของหมู่เฮา ถึงกับ “โตะโอะ-โตะใจ” จนต้อง “ปากหลุด-ปากไว” เอาดื้อๆ!!! รวมทั้งท่าน “นายกฯ ทิพย์” คุณน้อง “ทิม พิธา” ที่อดใจไม่ไหว ต้องออกมางับแสง-หิวแสง หมุนโทรศัพท์ไปหาท่านทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยแบบฉับพลัน-ทันที แต่โดยความเป็นไปของสถานการณ์นับจากนี้จะออกมาในรูปไหน? แบบใด? อันนี้...คงต้องขึ้นอยู่กับ “ท่าที” ของบรรดา “ประชาคมระหว่างประเทศ” นั่นเอง หรือขึ้นอยู่กับ “กุญแจสำคัญ” ของ “สงครามเย็นยุคใหม่” ดังที่รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา “นายAntony Blinken” แกเคยสรุปเอาไว้เมื่อไม่นานมานี้ นั่นคือ “ความเป็นพันธมิตร” ของฝ่ายหนึ่ง-ฝ่ายใด ว่าจะมีมาก-มีน้อยไปกว่ากัน...
ขณะที่คุณพ่ออเมริกาและยุโรป...พร้อมที่จะยืนเคียงบ่า-เคียงไหล่กับ “พันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์” อย่างอิสราเอล แบบไม่ต้องเสียเวลาคิดหน้า-คิดหลังใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย “มหาอำนาจคู่แข่ง” อย่างจีนและรัสเซีย กลับแสดงให้เห็นถึง “วุฒิภาวะ” หรือความเป็นผู้หลัก-ผู้ใหญ่ ด้วยการเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติความรุนแรง แล้วหันมาเจรจาหาทางออก-ทางไป โดยเฉพาะทางที่ถูกอิสราเอลและอเมริกา “ดองเค็ม” มาโดยตลอด นั่นคือการแสดงความพร้อม-ยอมรับ ต่อการเป็น 2 รัฐ 2 ประเทศ หรือที่เรียกกันว่า “Two-state Solution” ทำนองนั้น ไม่ว่าประเทศอิสราเอล หรือประเทศปาเลสไตน์ อันเป็นไปตาม “มาตรฐาน” ของ “ระเบียบโลกที่จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป” หรือระเบียบโลกที่พร้อมให้คุณค่าต่อประเทศเล็ก-ประเทศน้อย ทัดเทียมกับบรรดาประเทศใหญ่ๆ ทั้งหลาย ไม่ได้เลือกที่รัก-มักที่ชัง หรือไม่มีใครต้อง “zero-sum-game” ต่อไปอีกแล้ว...
ส่วนคุณปู่อินตะระเดีย...ที่น่าจะเป็นส่วนหนึ่งและส่วนสำคัญของประเทศ “โลกใต้” เป็นสมาชิกกลุ่มประเทศ “SCO” และ “BRICS” กลับ “มาแปลก” อยู่พอสมควร คือหันไปเชียร์ หันไปเลือกข้างอิสราเอลซะเฉยเลย!!! ทั้งที่ยังแอบขายน้ำมันรัสเซีย น้ำมันอิหร่านให้กับชาติยุโรป ฟันกำไรจากการเป็น “นายหน้า” มาโดยตลอด แต่ทั้งนั้น ทั้งนี้...อาจถือเป็นเรื่องทาง “เทคนิค” ของวิเทโศบายต่างประเทศ แบบเดียวกับ “ไก่งวงตุรเคีย” ก็เป็นได้ คือถือเอาความขัดแย้งของโลกที่กำลังแบ่งขั้ว-แบ่งค่ายมาใช้เป็นเครื่องมือในการแสวงหา “ผลประโยชน์” ให้กับตัวกูเองในแต่ละช่วง แต่ละจังหวะ ขึ้นอยู่กับว่าฉากสถานการณ์จะเปลี่ยนไปในแนวไหน อันทำให้การ “เปลี่ยนมา-เปลี่ยนไป” ย่อมเป็นไปได้เสมอๆ หรือเป็นไปตามสุภาษิตสอนใจที่ว่าไว้ว่า “เจอแขกกับเจองู...ให้ตีแขกเอาไว้ก่อน” อะไรประมาณนั้น...
ขณะที่อิหร่านนั้น...แม้จะปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องรู้เห็นกับการบุกของพวกฮามาสคราวนี้ แต่การแสดงออกไม่ว่าระดับผู้นำหรือปุถุชนคนธรรมดาที่ออกมาตีปีกพึ่บๆ พั่บๆ ต่อปฏิบัติการ “Al-Aqsa Strom operation” แบบสะใจสุดๆ จะก่อให้เกิด “ความเปรี้ยว” ต่ออิสราเอลหรือพันธมิตรอเมริกามาก-น้อยเพียงใด ถึงขั้นคิดขยายวงสงครามไปยังอิหร่านหรือไม่? อย่างไร? ก็ยังยากที่จะสรุปได้ โดยเฉพาะเมื่อตัวเองและพันธมิตรยังอยู่ในช่วง “อ่อนแอ” ด้วยกันทั้งคู่ ดังที่กล่าวไปแล้ว...
ดังนั้น...แนวโน้มฉากสถานการณ์ใน “แนวรบตะวันออกกลาง” จะเป็นไปในรูปใด? ลักษณะใด? ใครแพ้-ใครชนะ ก็คงขึ้นอยู่กับสิ่งที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เขาสรุปไว้ก่อนหน้านี้นั่นแหละว่า ขึ้นอยู่กับ “ความเป็นพันธมิตร” อันเป็น “กุญแจสำคัญ” ว่าจะโน้มหนักไปทางฝ่ายหนึ่ง-ฝ่ายใด เพราะแม้แต่ประเทศเล็กๆ หรือประเทศ “หญ้าแพรก” อย่างไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา หลังจากหายโตะโอะ-โตะใจ หลังจากได้ “สติ” ยังต้องออกมาแก้ไขแก้ตัว ว่า “การประณามการโจมตีอิสราเอล” ของนายกฯ “เศรษฐา” คือ “การประณามความรุนแรง” ไม่ได้ถือเป็นการ “ประณามพวกฮามาส” ซักกะหน่อย หรือต้องหันมา “เป็นกลาง” เข้าไว้ เพื่อว่ายังพอได้มีโอกาส “แจกเงินดิจิทัล” 500,000 กว่าล้านได้ต่อไป ไม่ต้อง “พังเพราะปาก” ไปก่อนกำหนดการ ส่วนจะพังเพราะ “นักเศรษฐศาสตร์ 81 ราย” หรือไม่? เพียงใด? อันนั้นคงต้องไป “ชั่งน้ำหนัก” เอาเองก็แล้วกัน...