เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตแวะไปดูพวกพันธมิตรยุโรป หรือพวก “อียู-อีย้วย” เขาไว้สักหน่อย เพราะเห็นว่าเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (6 ต.ค.) เขาได้จัดให้มีการประชุมสภายุโรปแบบเต็มองค์คณะ ที่เมืองกรานาดา ประเทศสเปน เพื่อร่วมกำหนดยุทธศาสตร์แห่งอนาคตในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจและความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่ออกจะหนักหนา-สาหัสมิใช่น้อย หรือเผลอๆ...อาจถึงขั้นส่งผลให้พวกอียู-อีย้วยทั้งหลาย ต้องกลายสภาพเป็น “อียับเยิน” เอาง่ายๆ!!!
คือถ้าพูดแบบกลางๆ หรือแบบ “ตามเนื้อผ้า” ภาวะความเป็นไปทางเศรษฐกิจของบรรดาประเทศสหภาพยุโรปทั้งมวล ได้เข้าสู่ “ภาวะถดถอยทางเทคนิค” (technical recession) ไปเป็นที่เรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว ด้วยเหตุเพราะการเติบโตที่ติดลบต่อเนื่องกันมาประมาณ 2 ไตรมาสเป็นอย่างน้อย โดยถ้าหากยาวไกลยิ่งไปกว่านี้ หรือไปถึงปีหน้า ปีโน้นโน่นเลย ถ้าว่ากันตามความคิด-ความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์แห่ง “The Capital Economics” อย่างคุณ “Franziska Palmas” ที่ได้ออกมาฟันธงและฟันเฟิร์มเอาไว้เมื่อวัน-สองวันมานี้ ก็น่าจะถึงขั้น “ถดถอยแบบเบ็ดเสร็จสมบูรณ์” ภายในช่วงไตรมาส 2 ของปี ค.ศ. 2023 อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้...
เพราะไม่ว่าจะดูจากอุปสงค์ ความต้องการสินค้าต่างๆ ที่ลดลง ต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นๆ ราคาสินค้าที่พุ่งทะลุเพดาน ทะลุหลังคา การใช้จ่ายในด้านที่อยู่อาศัยและการใช้ชีวิตของผู้คนอยู่ในขั้นวิกฤต เศรษฐกิจโตช้า เงินเฟ้อกดยังไงก็กดไม่ลงแม้จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายโดยธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank) แบบดุเดือด เลือดพล่าน มาแล้วกี่ครั้งกี่หนก็ตามที แต่ก็ยังหนีไม่พ้นสภาวะที่เงินก็ยังคงเฟ้อและเศรษฐกิจโดยรวมก็ยังไม่คิดจะเติบโต ขยายตัว หรือที่เรียกๆ กันในภาษาวิชาการว่า “Stagflation” อะไรทำนองนั้น อันนี้นี่แหละ...ที่มันไม่ได้แค่ก่อให้เกิดความปวดเศียร เวียนเกล้า ในด้าน “เศรษฐกิจ” แต่เพียงเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดปัญหา เกิดความท้าทาย ในเรื่อง “ภูมิรัฐศาสตร์” ควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะเมื่อบรรดาประเทศอียูทั้งหลาย เขาตัดสินใจที่จะเป็น “พรมเช็ดเท้า” ให้กับประมุขโลกอย่างคุณพ่ออเมริกา โดยไม่คิดจะบันยะบันยังใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย...
หรือพูดง่ายๆ ว่า...มันทำให้อียูทั้งอียู นับวันจะเละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก เป็นเต้าหู้ตกโต๊ะ อย่างเห็นได้ชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที จนความพยายามที่จะอาศัย สนับสนุน ให้ “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครน เป็น “เครื่องมือทางยุทธศาสตร์” ในการบั่นทอนศักยภาพของประเทศที่มีภูมิรัฐศาสตร์จ่อติดอยู่กับยุโรปทั้งยุโรปอย่างหมีขาวรัสเซีย ชักเป็นอะไรที่น่าเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเป็นอย่างยิ่ง หรือกระทั่งทำให้อียู กลายสภาพเป็น “อียับเยิน” เอาง่ายๆ!!! เกิดความแตกแยกแตกต่างกันในเรื่องความคิดความเห็น ชนิดต่อไม่ติดเอาเลยก็ยังมี เช่นกรณีการส่งออกธัญพืชของยูเครน ที่กลายตัวทำให้ราคาพืชผลการเกษตรของประเทศบ้านใกล้-เรือนเคียง ไม่ว่าโปแลนด์ ฮังการี บัลแกเรีย สโลวาเกีย ไปจนถึงโรมาเนีย พลอยต้องต่ำตมลงไปด้วย ในขณะที่แต่ละประเทศ ต่างออกอาการ “บ่อจี๊” หรือต้องเจอกับภาวะเศรษฐกิจชนิดหนักหนา-สาหัส ไปด้วยกันทั้งสิ้น...
ด้วยเหตุนี้...แม้ว่า “นักการเมือง” หรือผู้นำรัฐบาลของแต่ละประเทศ ยังคงพร้อมที่จะสูดกลิ่นมาดามหอมชื่นใจ ด้วยการ “ตามก้นอเมริกา” อย่างไม่คิดจะลดราวาศอก แต่ในระดับประชาชน หรือบรรดาผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั้งหลาย ชักทำท่าว่าไม่อยากจะด้วน หรือ “ไม่เห็นควรด้วย” ยิ่งเข้าไปทุกที อย่างในสโลวาเกีย ที่กระแสความอึดอัด ขัดข้องใจในลักษณะดังกล่าว ส่งผลให้พรรคการเมืองที่ไม่คิดจะส่งอาวุธไปช่วยเหลือใดๆ ต่อกองทัพยูเครนและผู้ฝักใฝ่นาซีต่อไปอีกแล้ว อย่างพรรค “Smer” (Social Democracy Party) เลย “นอนมา” โดยไม่ต้องมีพระสวดนำหน้า ได้รับคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดถึง 23 เปอร์เซ็นต์ เตรียมจะจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ในอีกไม่นาน-ไม่ช้า...
ไม่ต่างไปจากในเยอรมนี...ที่พรรคการเมืองอย่าง “AfD” (The Conservative Alternative for Germany) กำลังมาแรงแซงโค้ง มีคะแนนนิยมไม่ต่ำกว่า 19-23 เปอร์เซ็นต์ แซงหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลาย ไม่ว่าพรรค “SDP” (Social Democratic) พรรค “Greens” และพรรค “FDP” (The Pro business Free Democrat) อันเนื่องมาจากการป่าวประกาศว่าไม่คิดจะส่งอาวุธไปช่วยยูเครนอีกต่อไปแล้ว แม้แต่อิตาลีที่รัฐมนตรีกลาโหม “Guido Crosetto” ต้องออกมาสารภาพว่าความช่วยเหลือยูเครนของอิตาลี จำต้องมี “ขีดจำกัด” อย่างมิอาจปฏิเสธได้ ไม่งั้น...อาจไม่เหลืออาวุธไว้ใช้ปกป้องประเทศตัวเองเอาเลยก็ไม่แน่ แถมยังยอมรับด้วยว่าการช่วยเหลือยูเครนก่อให้เกิดผลกระทบต่อบรรดาชาวมักกะโรนี ในหลายเรื่องหลายกรณี ไม่ว่าภาวะเงินเฟ้อ ปัญหาผู้อพยพ ปัญหาพลังงาน ไปจนถึงภาวะเศรษฐกิจซบเซา เช่นเดียวกับโปแลนด์ที่ถูกพวกผู้นำยูเครนออกมากล่าวหา ด่าทอ ไปเมื่อเร็วๆ นี้ในเรื่องการส่งออกธัญพืช ไม่เพียงผู้คนในรัฐบาลต้องออกอาวุธโต้ ต้องออกมาแสดงท่าทีว่าชักไม่อยากส่งความช่วยเหลือทางทหารให้ยูเครนต่อไปอีกแล้ว กระทั่งบรรดาชาวโปแลนด์ทั้งหลายยังออกอาการว่าชักอยากจะ “ตัดงบช่วยเหลือผู้ลี้ภัย” ชาวยูเครน ให้รู้แล้ว รู้แรด กันไปซะที...ฯลฯ...
อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่แหละ...ที่ทำให้กลายเป็นสิ่ง “ท้าทาย” ทาง “ภูมิรัฐศาสตร์” ของบรรดาประเทศอียูทั้งแผง โดยเฉพาะเมื่อพวกผู้นำในสภายุโรป เพียรพยายามที่จะนำเอา “ความคิดทางการเมือง” มาเป็นตัวกำหนด “ธรรมชาติทางเศรษฐกิจ” โดยไม่ได้คิดหน้า-คิดหลังให้ถ้วนถี่ การละทิ้ง “พลังงานราคาถูก” จากรัสเซีย รวมทั้งการคิด “ต่อต้านสินค้าเทคโนโลยี” จากจีนอันเป็นไปเพื่อตอบสนองความปรารถนา ความต้องการของคุณพ่ออเมริกาล้วนๆ มันเลยทำให้ไม่ว่าเรื่องเศรษฐกิจ หรือเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ก็แล้วแต่ เป็นไปในแบบสับสน ระส่ำระสาย ชนิดอาจส่งผลให้อียูทั้งอียู “พังครืน” ลงมาทั้งแถบเอาเลยก็เป็นได้ เพราะการดำเนิน “ยุทธศาสตร์” ในลักษณะเช่นนี้ กลับกลายเป็นตัวบั่นทอน ทำลาย ศักยภาพของอียู ตลอดไปจนถึงคุณพ่ออเมริกาโน่นเลย หรือดังที่อดีตผู้อำนวยการ “CIA” “นายGeorge Beebe” ได้สรุปเอาไว้เมื่อวัน-สองวันนี้นั่นแหละว่า “ยิ่งนานวัน...ยิ่งมีสัญญาณแสดงให้เห็นว่า ผู้นำรัสเซียคิดถูก เพราะความล้มเหลวของยูเครนในการทำสงครามกับรัสเซียกำลังทำให้ไม่ว่าสหรัฐอเมริกาและประเทศในยุโรป แทบไม่หลงเหลือขีดความสามารถในการช่วยเหลือประเทศนี้ในระดับเดิมๆได้อีกต่อไปแล้ว...”
ด้วยเหตุนี้...จึงไม่ถึงกับน่าแปลกใจ ที่ผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” ผู้เชื่อว่ายูเครนจะอยู่ไม่รอดเกินสัปดาห์ ถ้าหากไม่มีความช่วยเหลือจากตะวันตก จึงได้ออกมาแสดงความมั่นอก-มั่นใจเสียเหลือเกิน โดยเฉพาะในระหว่างการพูดจาปราศรัยเมื่อช่วงวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา (5 ต.ค.) ณ สโมสร “The Valdai Discussion Club” ถึงการก่อกำเนิด “โลกยุคใหม่” และ “ระเบียบโลกแบบใหม่” ในลักษณะที่แทบไม่ต่างอะไรไปจาก “พันธมิตรที่ไร้ขีดจำกัด” อย่างคุณพี่จีน ที่ได้ออกเอกสารสมุดปกขาวเพื่อชี้แนะ ชี้นำ ชาวโลกทั้งหลาย ให้พอวาดภาพ วาดจินตนาการ ถึงกระบวนการก่อสร้าง “ประชาคมโลกที่มีอนาคตร่วมกัน” ตาม “ข้อเสนอและแผนปฏิบัติการของจีน” หรือ “A Global Community of Shared Future: China’s Proposals an Actions” นั่นแล...
เพราะภายใต้กระบวนการดังกล่าว...มันกำลังเป็นไปในแบบเดียวกับที่ผู้นำจีน อย่างประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ได้เคยสรุปไว้ต่อหน้าบรรดาสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้ว หรือเมื่อช่วงครบรอบวาระ 95 ปีแห่งการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน วันที่ 1 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 2016 โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า...“โลกกำลังอยู่ริมขอบเหวแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง (พลิกฟ้า-คว่ำดิน) เรากำลังเป็นประจักษ์พยานต่อการล้มละลายของกลุ่มประเทศมหาอำนาจอย่างอียู และกำลังได้เห็นว่าระบบเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ จะล่มสลายได้อย่างไร? และนี่เอง...ที่เป็นตัวบ่งชี้ถึงการสิ้นสุดของระเบียบโลกใหม่ (New World Order) ดังนั้น...ในช่วงอีกประมาณ 10 ปีนับจากนี้ เราจะมีโอกาสได้เห็นระเบียบโลกอีกแบบหนึ่ง ซึ่งไม่เหมือนกับที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้ โดยมีกุญแจสำคัญที่จะทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นจริง-เป็นจังขึ้นมา นั่นก็คือความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างจีนกับรัสเซีย” นั่นเอง...