ชะตากรรมของยูเครนอาจจะถึงจุดจบในเวลาเร็วกว่าที่คิด เมื่อปัจจัยต่างๆ ดูเหมือนจะไม่เข้าข้างประเทศที่กำลังย่อยยับด้วยสงครามกับรัสเซีย
การลงมติในสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ได้ตัดงบประมานช่วยเหลือด้านการทหารให้ยูเครนเพื่อแลกกับการที่รัฐบาลไม่ต้องปิดตัวลงเพราะขาดเงิน
การต่อรองทางการเมืองระหว่างสองพรรคของสหรัฐฯ ทำให้ยูเครนต้องขาดเงินซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดน บอกว่าสหรัฐฯ จะต้องเร่งผ่านงบประมาณเพื่อช่วยยูเครนให้ได้
ความหวังของยูเครนที่จะได้ 24 พันล้านดอลลาร์ ในงบประมาณเป็นเพียงความฝันค้างเพราะนักการเมืองสหรัฐฯ มองว่าผลประโยชน์ของคนอเมริกันสำคัญกว่า
ยูเครนขาดแคลนทั้งอาวุธ งบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายการบริหารและเงินเดือนทหารที่สู้รบเสี่ยงตายแนวหน้าและต้องสูญเสียอย่างหนักในความพยายามรุกตีโต้รัสเซีย
เริ่มเห็นสัญญาณชัดว่าความช่วยเหลือจากโลกตะวันตกจะลดน้อยลง เพราะแต่ละประเทศในกลุ่มนาโตก็มีปัญหาเศรษฐกิจของตัวเองและต้องเอาตัวรอดไว้ก่อน
ขณะที่หลายประเทศเริ่มออกปากเสียงดังแล้วว่าการช่วยเหลือยูเครนนั้น ไม่ได้ประสบผลตอบแทนที่น่าพอใจเพราะยูเครนไม่สามารถยึดพื้นที่คืนได้แต่ต้องสูญเสียทหารมากมาย
อดีตรัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ นายเบน วอลเลซ บอกว่าฝ่ายทหารของยูเครนต้องประเมินว่าจะจัดกำลังรบใหม่อย่างไรโดยเฉพาะต้องหาทหารรุ่นหนุ่มกว่าเข้าสู้สมรภูมิ
นายวอลเลซ มองว่ากองกำลังทหารของยูเครนปัจจุบันมีอายุเฉลี่ยประมาณ 40 ปีและให้คำแนะนำว่ายูเครนควรจะเกณฑ์กองกำลังทหารวัยหนุ่มกว่าเพื่อเสริมกำลัง
นายวอลเลซ ไม่พยายามพูดความจริงในประเด็นที่ว่าการสู้รบที่ผ่านมานั้น ทหารยูเครนสูญเสียไปมากกว่า 300,000 นายและบาดเจ็บในจำนวนพอๆ กัน
ฝ่ายรัสเซียอ้างว่าตั้งแต่การรุกตีโต้กองทัพยูเครนในเดือนมิถุนายนได้สูญเสียทหารไปอย่างน้อย 81,000 นายและในเดือนกันยายนทหารยูเครนเสียชีวิต 17,000 นายเพียงเดือนเดียว
มีการประเมินกันว่าทหารยูเครนจะมีอายุในสมรภูมิประมาณ 4-5 ชั่วโมงเท่านั้น หลังจากนั้นก็เสียชีวิตจากการโดนถล่มโดยกองทัพของรัสเซียซึ่งมีอาวุธสารพัด
ความหวังของยูเครนที่จะรุกรอบใหม่ลามเข้าไปถึงฤดูหนาวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะฝนและหิมะตกทำให้ดินอ่อนยากสำหรับรถถังขนาดหนักจากสหรัฐฯ และยุโรปจะฝ่าไปได้
ทั้งการตั้งมั่นของรัสเซียเป็นแนวรบหลายชั้นยากที่จะทำให้กองทัพยูเครนเจาะทะลวงไปได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นทหารรุ่นใหม่ซึ่งขาดการฝึกอย่างเต็มที่หรือรุ่นไหนก็ไม่รอด
ทหารยูเครนบอกอย่างไม่เกรงใจว่าแผนการรบของโลกตะวันตกและนาโตนั้นไม่ทันสมัย ไม่เหมาะกับสงครามกับรัสเซียและจะต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์ใหม่
ที่ผ่านมา สหรัฐฯ และพันธมิตรทำสงครามกับประเทศโลกที่ 3 ซึ่งขาดอาวุธทันสมัยแต่ก็ไม่เคยชนะศึกเริ่มตั้งแต่เวียดนาม อิรัก ซีเรีย เอธิโอเปีย และล่าสุดอัฟกานิสถาน ล้วนแต่เป็นความพ่ายแพ้
อาวุธยุทโธปกรณ์ของฝ่ายโลกตะวันตกไม่เคยปรับเปลี่ยนให้เข้าสู่กับสงครามรูปแบบใหม่ซึ่งต่างจากรัสเซียซึ่งมีขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก มีสมรรถนะและอำนาจทำลายล้างสูงและยากต่อการสกัดกั้น
ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงอย่างที่รัสเซียมีอย่างมากมายและสร้างความเสียหายในยูเครนนั้น ฝ่ายสหรัฐฯ ยังไม่สามารถพัฒนาได้สำเร็จจึงเป็นความล้าหลัง และตามไม่ทันทั้งจีนและรัสเซีย
การช่วยเหลือของสหรัฐฯ ต่อยูเครนจึงมุ่งเป็นเพียงการปั่นเงินให้บริษัทอุตสาหกรรมสร้างอาวุธให้มีเงินใช้และรักษาเศรษฐกิจของประเทศซึ่งต้องพึ่งพาสงคราม
จากนี้ไปความหวังของยูเครนที่จะได้รับความช่วยเหลืออย่างเต็มที่คงจะยากเพราะไปที่ไหนก็ตามผู้นำยูเครนตัวตลกไม่ได้รับการต้อนรับอย่างคึกคักเหมือนก่อน
ประเทศที่เคยช่วยเหลืออย่างมากมายเช่นโปแลนด์ก็ประกาศว่าจะให้อาวุธรุ่นเก่าเท่านั้น ขณะที่โปแลนด์จะเสริมแสนยานุภาพดูอาวุธทันสมัยเพื่อตัวเอง
เศรษฐกิจของยุโรปและอังกฤษไม่สามารถจะคงสภาพและระดับความช่วยเหลือยูเครนได้เพราะปัญหาเรื้อรังหลังจากการคว่ำบาตรรัสเซีย และยังหาทางออกไม่ได้โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนพลังงาน
จะหวังได้อย่างมากก็จากผู้นำสหรัฐฯ โจ ไบเดนซึ่งชะตากรรมยังไม่แน่นอนด้วยเหตุที่มีปัญหากับกระบวนการถอดถอนออกจากตำแหน่ง และศักยภาพในการต่อรองกับรัฐสภาเพื่องบประมาณช่วยยูเครน
ดังนั้น ยูเครนจึงต้องเผชิญกับแรงต้านและแรงเทในกลุ่มสปอนเซอร์ประเทศตะวันตกซึ่งเคยเต็มใจช่วย แต่เมื่อไม่เห็นวี่แววของชัยชนะก็ไม่เหลืออะไรให้หวัง
สิ่งที่คิดว่าเป็นความคุ้มค่าในการทำให้รัสเซียอ่อนแอกลายเป็นผลกระทบย้อนกลับสร้างปัญหาให้กลุ่มประเทศสมาชิกนาโตและประชาคมยุโรปอย่างแรง