ยุคข่าวสารข้อมูลเป็นใหญ่ โลกโซเชียลมีเดียจึงมีความสำคัญ การสื่อสารเร็วกว่าเสียง ไม่แน่ว่าอาจเร็วกว่าแสง มีนวัตกรรมใหม่ถูกคิดค้นเพื่อส่งข้อความได้ฉับไว
ข่าวจากมุมขั้วโลกเหนือส่งถึงขั้วโลกใต้ อ้อมโลกในเวลาเพียงแค่กะพริบตา ปรากฏบนจอโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ทันทีผ่านระบบดาวเทียมสารพัด
การรับรู้ข่าวสารข้อมูลของคนในยุคนี้จึงมีการแชร์แบบรัวๆ มีเยอะที่ไม่ได้พินิจวิเคราะห์หรือรอหลักฐานว่าเป็นจริงหรือไม่ จึงเป็นเหยื่อของกฎหมายคอมพ์
การสื่อสารจึงมีทั้งจริง เท็จ ครึ่งจริงครึ่งเท็จ สร้างความลังเลให้คนมีพื้นฐานความรู้คับแคบ ยุคนี้คนไม่อ่านหนังสือ นิยมอ่านผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
ความฉับไวจึงมาพร้อมกับความตื้นเขินอย่างเช่นสื่อผ่าน X และ SMS
จึงมีทั้ง IO หรือ Information Operations เป็นปฏิบัติการข่าว ตอบโต้ วางข่าวลวง เรียกให้ดูดีกว่าของปฏิบัติการยุคสงครามเย็นคือ Disinformation ข่าวบิดเบือน
เรียกให้เข้าใจง่ายๆ ว่ายุคนี้มี Fake News เยอะ ต้องมีกฎหมายควบคุม
ที่น่ากลัวกว่าคือ “วาทกรรม” เป็นคำโกหกที่น่าฟัง พวกเชื่อคนง่ายตกเป็นเหยื่ออย่างหัวปักหัวปำ ถ้าได้ปักใจเชื่อแล้วเปลี่ยนความคิดได้ยาก กลายเป็นสาวกของลัทธิ
ภาษาคนรุ่นใหม่เรียกว่า “ด้อม” หรือ “ติ่ง” คนรุ่นใหม่เก่ากว่าจะใช้วาทกรรมหรือคำโกหกที่น่าฟังหลอกคนรุ่นใหม่ที่อ่อนเยาว์ ประสบการณ์ชีวิตน้อยกว่า
ดังนั้น “ด้อม” หรือ “ติ่ง” จึงเป็นเหยื่อของ IO วาทกรรม คำโกหกที่น่าฟัง ในโลกการเมือง สังคม การสื่อสาร การช่วงชิงมวลชนเพื่ออำนาจนำไปสู่ผลประโยชน์
วาทกรรม คำโกหกที่น่าฟัง สามารถเป็น “ตรรกะวิบัติ” ปั่นหัวพวกบ้องตื้นให้หลงลมได้ง่าย การพูดให้ตัวเองดูดี เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น เป็นธรรมชาติของคน
คนยิ่งคด ยิ่งต้องมีวาทกรรม คำโกหกที่น่าฟัง เราถึงมีคำเปรียบเทียบสารพัดเช่นพวกร้อยลิ้นกะลาวน ลิ้นตระหวัดถึงใบหู มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก กะล่อน
Big Lies พ่ายแพ้ Bigger Lies การโกหกคำโตแพ้การโกหกคำโตกว่าต่อเนื่อง ทำให้มีอาชีพใหม่เกิดขึ้นผ่าน Call Center หลอกเอาเงินจากเหยื่อผ่านโทรศัพท์มือถือ
การโกหกที่น่าฟังยังหลอกคนโลภและบ้องตื้นได้เสมอ เช่น แก๊งตกทอง พวกตั้งวงแชร์ลูกโซ่ผ่านคำชี้ชวนน่าเชื่อถือ คนมีเงินและอยากได้เงินเพิ่มตกเป็นเหยื่อง่าย
ฝรั่งมีคำเปรียบเปรย There is a sucker born every minute มีคนบ้องตื้นเกิดทุกนาทีเพื่อตกเป็นเหยื่อของพวกนักหลอกลวงต้มตุ๋น พวก 18 มงกุฎ
แล้วชาวบ้านที่ตกเป็นเหยื่อลิ้นลมลวงของนักการเมืองช่วงหาเสียงสมควรจัดอยู่ในประเภทนี้ด้วยหรือไม่ เช่นการให้สัญญาว่าจะเพิ่มรายได้ขั้นต่ำทันที ก้าวกระโดด
มีคำสัญญาว่าจะมีเงินเพิ่มสำหรับผู้สูงอายุ เงินเดือนขั้นต้น และเงินดิจิทัล คนละ 1 หมื่นบาททุกคนที่มีอายุเกิน 16 ปี ไม่เลือกว่าเป็นมหาเศรษฐีหรือยาจก
ก่อนนี้มีคำสัญญาเป็นเพลงกล่อมให้เชื่อสนิท “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน” ผ่านไป 9 ปี ไม่มีอหิวาต์อะไร พวกคนให้สัญญาแฮปปี้รีไทร์รวยสะดือปลิ้น
ทุกวันนี้ยังไม่รู้ว่าพวกตัวเองรวยแค่ไหน นับสมบัติยังไม่หมดเพื่อแจ้ง ป.ป.ช.
หลังจากเลือกตั้งเดือนพฤษภาคม เราได้เห็นการต่อสู้ดิ้นรนของพวกนักเลือกตั้ง ช่วงชิงการจัดตั้งรัฐบาลมีคำโกหกที่น่าฟัง หลอกพวกเดียวกันเอง เช่น MOU ให้ยึดมั่น
“การเมืองไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร มีแต่ผลประโยชน์ร่วมกันที่ถาวร” ยังเป็นจริง
พวกที่หลอกได้สำเร็จ และโดนหลอก ยังหลอกตัวเองและหลอกชาวบ้านต่อไป มีวาทกรรม คำโกหกน่าฟัง หลอกชาวบ้านบ้องตื้น คำพูดหลอกมัดคอตัวเองก็มี
ทุกวันนี้มีคำโกหกที่ชาวบ้านอยากฟัง คือ เงินดิจิทัลจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ได้วันนั้น วันนี้ แต่เจ้าตัวยังไม่รู้ว่าจะเอาเงินจากไหน จะกู้อย่างไร แหล่งไหนให้สำเร็จ
การจะหาเงิน 5.6 แสนล้านบาทโดยไม่กู้นั้น มีแต่พิมพ์ธนบัตรเพิ่ม แต่ทำไม่ได้ ดังนั้นต้องดิ้นรนต่อไป หลังจากมีเสียงกระแอมไอจากแบงก์ชาติและคนเห็นผลร้าย
คนโกหกรอดมาได้อย่างหน้าด้านๆ ก็คือ “ค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” กลายมาเป็น “ขั้นนี้เฉพาะรถไฟฟ้าที่รัฐเป็นเจ้าของ” แต่ช่วงหาเสียงไม่พูดอย่างนี้
ชาวบ้านจึงต้องจำยอมทนกับคำโกหกต่อไป ไม่รู้จะไปโวยวายกับใคร พวกนี้จะโกหกต่อไปให้รอดจนถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ด้วยคำโกหกใหม่ๆ แข่งกันทุกพรรค
ที่แน่กว่าคือพวกที่อยู่ในสภาพที่โกหกไม่ได้ ก็ใช้ความเงียบ การเลี่ยงตอบคำถาม เป็นทางออก เพราะจะโกหกอย่างไร ชาวบ้านก็ไม่เชื่อ ก็เลยไม่พูด
อย่างที่ว่า “ถ้าเจอคนที่หน้าด้าน เราต้องหน้าด้านกว่า” ก็สู้หน้าชาวบ้านด้วยความหน้าด้าน ไม่ต้องตอบคำถาม หรือหาวาทกรรมที่พูดแล้วตัวเองก็ไม่เชื่อ
ใช่ว่าการโกหกจะไร้ความเสี่ยง สังคมยุคนี้มีอาชีพสำหรับ “นักร้อง” ขึ้นอยู่กับความรู้ ความสามารถ และความน่าเชื่อถือ ทั้งยังต้องมีพวกหิวแสงเป็นตัวแข่งด้วย
นักเลือกตั้งมีอำนาจแล้วโกหกจึงต้องเสี่ยงกับการโดนร้องเรียน เสี่ยงกับคุกตะราง มี “นักร้อง” บางรายมีผลงานน่าประทับใจ จัดอยู่ในชั้นมือทำนายกฯ ตกงาน
แต่มีนักร้องเช่น “พี่ศรี” เสี่ยงกับการถูกคุกคามทางร่างกาย เจอนักชกแบบร้องไม่ทัน ต้องไปร้องต่อศาล ชนะคดี ได้ค่าเสียหาย แต่ไม่รู้ว่านักชกจะมีเงินจ่ายหรือไม่
ช่วงนี้มีวาทกรรมประกอบการเฉดหัวสมาชิกพรรค เจือสมคำโกหกที่น่าฟังจากพวกร่วมขับไล่ คนถูกเฉดหัวมีคำอธิบายที่คนบ้องตื้นยกนิ้วให้ว่าเป็น “ชั้นอ๋อง” นั่นเลย
ขบวนการแหกตาประชาชนจึงเป็นพวกที่ชาวบ้านตกอยู่ในภาวะเหยื่อจำยอม โดยเฉพาะพวกรับเงินซื้อเสียง ยังจะมีละครลิงลิเกการเมืองน้ำเน่าอีกหลายฉากพร้อมคำโกหกที่น่าฟังจากบรรดา 18 มงกุฎการเมืองหน้าด้าน สาธุชนโปรดรอรับฟัง