xs
xsm
sm
md
lg

คนดังชะตากรรมพลิกผัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"โสภณ องค์การณ์"

 บ้านเมืองช่วงนี้มีความพิสดารหลังจากการเลือกตั้งได้ผู้นำประเทศคนใหม่ มีหลายคนดังประสบเคราะห์กรรมคาดไม่ถึง มีปัญหากับกฎหมาย เสี่ยงคุกตะรางน่ากลัว

ตั้งแต่เหตุการณ์ที่บ้านกำนันนก คนดังนครปฐม การเสียชีวิตของ 2 นายตำรวจทางหลวง นายตำรวจกว่า 15 รายต้องเผชิญคดีอาญาร้ายแรง อนาคตราชการดับวูบ

ก่อนเกิดเรื่อง กำนันนกไม่มีคนรู้จักระดับชาติ แต่ในพื้นที่นครปฐมและจังหวัดใกล้เคียง ถือว่าเป็นเจ้าพ่อชั้นภูธร มีทั้งเงินและอิทธิพลเครือข่ายกว้างขวาง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีตำรวจระดับผู้กำกับและเหนือกว่านั้นให้ความสำคัญ

ตอนนี้กำนันนกมีพิษยิ่งกว่าโรคระบาดร้ายแรง ส่งผลต่อเนื่องกลายเป็นการต่อสู้ระหว่างคนมีสี มีฤทธิระดับชาติ ทำเอาตำรวจหลายนายต้องถูกดำเนินคดี

 การสังหารนายตำรวจในบ้านกำนันนกทุกวันนี้ยังไม่มีใครอธิบายได้ว่าเกิดเพราะอะไร ทำไมคนมั่งคั่งเป็นเจ้าพ่อคิดอย่างไรจึงสั่งให้ลูกน้องจัดการนายตำรวจ สั่งการอย่างไร เพราะความเมา บ้าดีเดือดถึงขั้นขาดสติ หรือว่าเคยตัว อย่างนั้นหรือ

การให้ลูกน้องยิงนายตำรวจในบ้านตัวเอง ต่อหน้านายตำรวจกว่า 10 นาย และมีตำรวจพาหนี คิดหรือว่าจะรอด แล้วก็ไม่รอด มือปืนนายหน่อง โดนวิสามัญ

กำนันนกอยู่ในคุก รอการขึ้นศาล ธุรกิจเสียหายยับเยิน ทรัพย์สินอาจโดนยึด

จากนั้น วิบัติเกิดต่อเนื่อง  “บิ๊กโจ๊ก” นายตำรวจทำคดี มีดรามาทุกระยะ จะเป็นเพราะสาวลึกเกินไป กลุ่มผลประโยชน์จะมีปัญหาเกี่ยวโยงรายได้ประจำ

ดังนั้น คนระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและลูกน้องอีก 8 นายเผชิญชะตากรรมยิ่งกว่าฝันร้ายกลางวันแสกๆ เจ้าหน้าที่ระดับ “บิ๊กโจ๊ก” ถูกค้นบ้าน มีหน่วยคอมมานโดเข้าไปควบคุมสถานการณ์ ยิ่งกว่าการบุกเข้าจับกุมผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ

 ชะตากรรม “บิ๊กโจ๊ก” ลูกน้องพลิกผันทันควัน ความหวังว่าจะได้ขึ้นเป็นนายใหญ่ของตำรวจในอนาคตมีอันต้องสะดุด อยู่ในสภาพลูกผีลูกคน

ก่อนจะรู้ว่าผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร “บิ๊กโจ๊ก” ต้องสู้ในขั้นศาล ใช้เวลาอีกนาน

เป็นศึกที่ต้องสู้ทุกรูปแบบ มีทั้งเงิน เครือข่าย ช่วงเวลาการได้เปรียบเสียเปรียบ แต่สภาพปัจจุบันยังไม่แน่ใจว่า “บิ๊กโจ๊ก” จะยังอยู่ในตำแหน่งได้อีกนานแค่ไหน

ฝ่ายตรงข้าม ซึ่ง “บิ๊กโจ๊ก” ว่ารู้ตัวแล้ว แต่ไม่บอกว่าเป็นใคร ย่อมไม่ธรรมดาเช่นกัน คงไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นฝ่ายถูกลงมือก่อน การสู้ในศาล นอกศาลต้องเข้มข้น

 ชาวบ้านทั่วไปต้องบอกว่า “ช้างสารชนกัน หญ้าแพรกต้องแหลกราญ”

ยิ่งถ้าลามเข้าในในสภา มีการยื่นกระทู้สอบถาม กรรมาธิการเข้ามาสอบสวน ก็ยิ่งทำให้ต้องลุ้นว่าการต่อสู้จะมีหลายแนว อยู่บนพื้นฐานของกฎหมายและอำนาจ

เมื่อมีอำนาจ ย่อมต้องมีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวโยง ใครเป็นต่อ ใครเป็นรอง ย่อมเดาได้ไม่ยาก คนมีอำนาจย่อมได้เปรียบ แต่อยู่ที่การยืนระยะว่าใครจะแกร่งกว่า

เป็นการต่อสู้กับกลุ่มที่เปิดหน้า และอยู่เบื้องหลัง เดิมพันคือความอยู่รอด! ประเด็นน่าสนใจก็คือ เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นมีที่มาที่ไปอย่างไร การขัดแย้งเริ่มจากจุดไหน เหมือนการเล่นฟุตบอล ฝ่ายไหนเริ่มเขี่ยลูกบอลก่อน

จากนั้นก็พัวพัน นัวเนีย เชื่อมโยงกับกลุ่มผลประโยชน์พร้อมเครือข่ายกว้างขวาง รายละเอียดทั้งหมดอาจต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะถูกเปิดเผยหมดสิ้น

หรือจะกลายเป็นเพียงการคาดคะเน ว่าอย่างนั้น อย่างนี้ เพราะถ้าจะมีใครมาเล่าให้จบแบบสมบูรณ์ เป็นจริงหรือไม่ ต้องถูกถาม* “ไหนละหลักฐาน”

หลายเรื่องดังๆ เกี่ยวโยงกับอำนาจและอิทธิพลแฝงเร้น ไม่เคยมีการบอกเล่าอย่างสมบูรณ์ เป็นทางการ มีเพียงคำร่ำลือในกลุ่มที่อ้างว่าเป็นคนวงในเท่านั้น

เมื่อไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะทั่วไป ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำก็ไม่ใส่ใจ

ช่วงเวลาเดียวกัน คนดัง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช) ถูกศาลอาญาคดีทุจริตสั่งจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา ตามมาตรา 157 ด้วยเหตุประพฤติมิชอบ คดีกะเหรี่ยงบิลลี่หายตัว

นายชัยวัฒน์ยังมีโอกาสสู้ในขั้นอุทธรณ์ แต่ชีวิตราชการไม่ราบรื่นเสียแล้ว ถ้าแพ้อีกยก ผลแห่งคดีไม่มีเปลี่ยนแปลง ต้องเข้าคุก ออกมาต้องหางานอื่นทำ

วันเดียวกัน ศาลอาญาคดีทุจริตสั่งจำคุก 9 ปี  “นิพนธ์ บุญญามนี” อดีตนายก อบจ.สงขลาผิด ม.157 ไม่อนุมัติจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ให้เอกชนจำนวน 50 กว่าล้านบาท พร้อมสั่งเพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้ง 5 ปี

นายนิพนธ์ มีโอกาสได้ลุ้นด้วยการอุทธรณ์ ถ้าไม่สำเร็จ ก็ติดคุก เป็นความเสียชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือสำหรับนักการเมือง ระดับอดีตรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย

นี่เป็นการพลิกชะตากรรมของคนดัง คดียังไม่ถึงที่สุดก็จริง แต่ชั้นนี้น่าจะทำให้กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เพราะต้องลุ้นว่าจะต้องสิ้นอิสรภาพหรือไม่

นี่เป็นเพราะกฎหมายผสมกับกฎแห่งกรรมเริ่มทำงานจริงจังแล้วเช่นนั้นหรือ

 คนที่น่าจะหายใจโล่งอกคือ “พี่เด่น” ผบ.ตร. ผู้เกษียณอายุราชการสิ้นเดือนนี้ ตราบใดที่ยังไม่ถึงเที่ยงคืนวันเสาร์ 30 กันยายน ต้องลุ้นว่าอย่าให้มีเรื่องใหญ่อะไรอีก

ที่ผ่านมา 1 ปีในตำแหน่งนายใหญ่ชาวสีกากี แทบไม่มีเว้นว่างเรื่องทำให้ปวดหัว ด้วยเหตุที่ยังมีบุญเก่าเหลือ ขาเก้าอี้ของ “พี่เด่น” ไม่ถึงขั้นลั่นเอี๊ยดอ๊าด

การประคองตัวให้รอดแบบคนอยู่เป็น ทำให้ “พี่เด่น” ไม่มีปัญหาหลังเกษียณ จะหาโอกาสไปบวชฟื้นฟูขวัญ กำลังใจ หาอาชีพใหม่หรือไม่ แล้วแต่วาสนา

แต่ศึกของ “บิ๊กโจ๊ก” ด้วยการช่วยเหลือด้านกฎหมายของทนายดัง จะเป็นเรื่องให้คนต้องลุ้นว่าเดิมพันศักดิ์ศรีและชีวิตครั้งนี้ ผลสุดท้าย ใครจะเป็นผู้มีชัย

 ไม่กลบข่าวนายกฯ มือใหม่หัดขับ ไม่ขอรับเงินเดือน เบี้ยประชุม ยกให้มูลนิธิ ถือว่าเป็นการสร้างตำนานเช่นกัน ตามรอย “พี่เต้ พระราม 7” ที่ไม่รับเงินเดือน สส.

 เมืองไทยก็เป็นอย่างนี้ ถ้าไม่มีเรื่อง ก็ไม่ใช่ประเทศไทย


กำลังโหลดความคิดเห็น