ยูเครนกำลังเป็นคำถามที่คนอยากจะรู้ว่าระหว่างประเทศที่อยู่ในระหว่างสงครามนี้และผู้นำประเทศใครจะไปก่อนกัน
ทุกวันนี้ถ้าจะว่าไปแล้วทหารยูเครนก็เหมือนกับแมงเม่าบินเข้ากองไฟ ซึ่งทหารรัสเซียคือกองไฟที่พร้อมจะเผาไม่ว่ายูเครนจะส่งคนเข้าไปสู้รบมากแค่ไหนก็ตาม
ล่าสุดทางรัสเซียบอกว่าทหารยูเครนเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 83,000 รายนับตั้งแต่การรุกตีโต้รัสเซีย ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ใช้เวลาเพียง 4 เดือนเท่านั้น
ในเดือนกันยายนทหารยูเครนเสียชีวิตถึง 17,000 ราย ตัวเลขจะเป็นจริงหรือไม่ก็ตามแต่ข้อพิสูจน์อย่างหนึ่งที่เห็นได้ก็คือยูเครนกำลังขาดแคลนทหาร
ยูเครนจำเป็นต้องได้ความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศนาโตทั้งเงินและอาวุธต่อเนื่องและเป็นเงื่อนไขเพื่อความอยู่รอด
คุณนายของผู้นำยูเครนเริ่มแย้มออกมาแล้วว่า
สามีของเธอยังไม่ตัดสินใจว่าจะลงชิงเก้าอี้ผู้นำอีกหนึ่งสมัยหรือไม่เพราะปัจจัยของการเลือกตั้งไม่พร้อม
ยูเครนเป็นชาติอยู่ในระหว่างสงครามการจะเลือกตั้งจะมีปัญหา ในการตั้งหน่วยเลือกตั้งและประชาชนจะมาลงคะแนนและคนยูเครนไปอยู่ต่างประเทศกว่า 10 ล้านคน
ยูเครนไม่ใช่เป็นประเทศประชาธิปไตยเพราะไม่มีฝ่ายค้านและไม่มีสื่ออิสระ รวมทั้งไม่มีอิสรภาพสำหรับประชาชนในการเลือกนับถือศาสนา
คำอ้างของกลุ่มประเทศเสรีที่ว่าจะปกป้องประชาธิปไตยจึงเป็นเพียงการโกหกเพราะยูเครนจะเลือกตั้งไม่ได้ถ้าไม่มีฝ่ายค้านหรือคู่ชิงประธานาธิบดีตัวตลกคนปัจจุบัน
จากเดิมที่เคยมีประชากร 50 ล้านคน ปัจจุบันเหลือเพียง 25 ล้านคน และไม่มีคนมาเพิ่มในกองทัพเพราะรู้อยู่แล้วว่าจะไปตาย
หลังจากการฝึกเพียงไม่กี่เดือนทหารยูเครนเข้าสู่สมรภูมิกับรัสเซียจะมีชีวิตอยู่ประมาณ 4-5 ชั่วโมงก็เสียชีวิตเพราะแสนยานุภาพในการสู้รบต่างกัน
รัสเซียมีพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาวุธและกำลังคนเหนือกว่าแต่ยูเครนไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเพราะทหารเสียชีวิตไปแล้วกว่า 3 แสนนาย และบาดเจ็บอีกประมาณใกล้เคียงกัน
จากการสำรวจความนิยมของประชาชนยูเครนมีตัวเลขบ่งชี้ให้เห็นว่าแปดใน 10 คน มองว่าปัญหาการคอร์รัปชันต้องเป็นความรับผิดชอบของผู้นำประเทศและยูเครนเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่าคอร์รัปชันมากที่สุดในยุโรปตะวันออก
ช่วงนี้ผู้นำยูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ เดินสายขอเงินและอาวุธจากสหรัฐฯ และแคนาดาแต่กำลังเจอแรงต้านจากนักการเมืองอเมริกันซึ่งมองว่าเป็นการสูญเปล่าที่จะให้ความช่วยเหลือยูเครนโดยไม่จบสิ้น
แต่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนมองว่าจะเสียเงินเท่าไหร่ก็ต้องยอมเพราะต้องการให้รัสเซียติดพันกับสงครามและยิ่งให้อาวุธทันสมัยกับยูเครนเท่าไหร่เท่ากับว่ายืมมือรัสเซียทำลายยูเครน ไม่มีคนอเมริกันเสียชีวิต
ผู้นำรัฐบาลสหรัฐฯ จัดได้ว่าเลือดเย็นอำมหิตเพราะไม่สนใจว่าคนจะตายวันละเท่าไหร่ ทั้งฝ่ายยูเครนและรัสเซียขอให้อุตสาหกรรมทหารมีเงินหมุนเวียนจากงบประมาณของรัฐบาลเท่านั้น
เมื่อเป็นอย่างนี้ยูเครนมีแต่รอความพินาศย่อยยับเพราะอาวุธที่ถูกถล่มโดยรัสเซีย และผู้นำยูเครนอยู่ในสถานภาพที่เสี่ยงกับการถูกโค่น เพราะทหารยูเครนเสียชีวิตมาก
ประชาชนยูเครนไม่ต้องการให้ลูกหลานตัวเองไปตายโดยไม่จำเป็นเพียงเพื่อให้ผู้นำประเทศอดีตตัวตลกอยู่ในอำนาจและรอความพินาศของบ้านเมือง
สงครามรอบใหม่ที่ผู้นำยูเครนประกาศว่าจะรบแม้จะย่างเข้าสู่ฤดูหนาวก็เป็นเพียงเพราะความจำเป็นต้องพิสูจน์ให้ประเทศนายทุนเช่น สหรัฐฯ และนาโตมองว่าเป็นการใช้จ่ายเงินแบบคุ้มค่า
การสูญเสียชีวิตของทหารยูเครนและประชาชนไม่สามารถทดแทนได้ แต่ผู้ที่สามารถหยุดยั้งสงครามกลับแสดงอาการกระหายเลือดเพราะต้องการทำลายฝ่ายตรงข้าม
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน สามารถหยุดสงครามได้แต่ตัวเองไม่ต้องการเสียชื่อเสียงว่าแพ้สงครามและแพ้เลือกตั้งถ้าอยู่ถึงปีหน้า
สงครามยูเครนจึงเป็นเหมือนเครื่องบดเนื้อที่ไม่ยอมหยุดหรือเป็นกองไฟที่ไม่ยอมมอด และพร้อมจะเผาแมงเม่าตลอดเวลา
องค์กรอย่างสหประชาชาติไม่มีความหมายและจะต้องเป็นพยานในการสูญเสียของชีวิตมนุษย์ต่อไปเพราะตัวเองเป็นเพียงแค่เสือกระดาษ
โลกรอดูว่าระหว่างผู้นำยูเครนและประเทศยูเครนใครจะไปก่อนกัน แต่ชาวยูเครนต้องรับผลพวงที่จะตามมาไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหน