ท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กลับจากการโชว์ตัวให้ผู้นำชาติอื่นๆ ในงานประชุมใหญ่ของสหประชาชาติ ณ มหานครนิวยอร์ก เป็นจังหวะเหมาะเหม็ง
นั่งเก้าอี้ผู้นำประเทศยังไม่ทันอุ่น ต้องโกอินเตอร์ กระทบไหล่คนดัง ท่านผู้เฒ่าทำเนียบขาว โจ ไบเดน เลขาธิการยูเอ็น กระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น
คุยฟุ้งเรื่องความสำเร็จด้านการดึงดูดนักลงทุนข้ามชาติ อย่างอีลอน มัสก์ บริษัทยักษ์ใหญ่อื่นๆ ให้คำหวานว่าน่าจะมาลงทุนในไทยถึง 5 พันล้านดอลลาร์
เป็นเงินจิ๊บจ๊อยมาก แต่กำอุจจาระดีกว่ากำผายลม อย่างนั้นแหละ!
ผลงานเป็นที่ประจักษ์ยังต้องรอ ที่ผ่านมาจะเน้นด้านดรามา เช่นเนกไทแดง เหลือง ถุงเท้าแดง ทำอะไรดูจะเป็นข่าว รวมทั้งได้รับคำชมว่าไหว้สวย ดูติดดินมาก
หยอดคำหวานว่าตัวเองเป็นนายกฯ แล้วไม่มีสิทธิเหนื่อย ต้องทำงานหนัก ก่อนหน้านี้ถึงกับเปรยว่าที่ตึกไทยคู่ฟ้ามีเตียงนอนมั้ย กะว่าจะลุยงานไม่กลับบ้านบางวัน
มาถึงขั้นนี้ อยากจะบอกว่า ท่านไม่เหนื่อยไม่เป็นไร อย่าให้ประชาชนต้องเหนื่อยกว่าที่เป็นอยู่ก็แล้วกัน โดยเฉพาะปัญหาการสร้างภาระหนี้สินให้แผ่นดิน
การสร้างหนี้ไม่มีทางเลือกอื่น อย่างเช่นงบประมาณขาดดุล ต้องเป็นอย่างนี้อีกหลายปี ก็ท่านห้าวเป้งเป็นนักกู้สิบทิศ เป็นนักสร้างหนี้รายใหญ่ที่สุด ตั้งแต่มีประเทศนี้
ช่วงนี้แฮปปี้ เดินสายเล่นกอล์ฟ ไม่ต้องรับผิดชอบภาระหนี้สินที่สร้างมา
ดังนั้น ท่านเศรษฐาจะต้องหาทางออก อย่าสร้างหนี้สินแผ่นดินด้วยการขยับเพดานเงินกู้ให้เกิน 70 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ก็จะไม่ทำให้ประชาชนต้องเหนื่อยหนัก
ทุกวันนี้ยังเดาไม่ได้ว่ารัฐบาลท่านเศรษฐาจะหาเงิน 5.6 แสนล้านบาทมาจากแหล่งไหนเอามาแจกประชาชน จะเป็นอภิมหาครกตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
ยิ่งมีข่าวว่าไปคุยกับบริษัทลงทุนด้านการเงิน นักค้าหุ้นกู้ ชาวบ้านเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง กลัวว่าท่านจะให้ประเทศไทยออกหุ้นกู้ไประดม 5.6 แสนล้านบาทมาแจก
อย่าให้เป็นความจริงเลย อย่าเอาสไตล์การบริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของท่านมาใช้กับประเทศไทย ข่าวว่าเฉพาะหุ้นกู้ก็ปาเข้าไป 5.8 หมื่นล้านบาท รวมกับหนี้ธนาคารและแหล่งอื่นๆ ก็มากถึง 9 หมื่นล้าน ภาระดอกเบี้ยเกือบ 3 พันล้านต่อปี
ประเทศไทยมีหนี้ครัวเรือนสูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี สูงอันดับต้นๆ ของโลก รวมกับหนี้สาธารณะแล้ว รากฐานของประเทศไม่แข็งแกร่งอย่างที่ควรจะเป็น
ค่าเงินบาทอ่อน เงินทุนไหลออก ขอให้เป็นสภาวะชั่วคราว อย่าให้ความเชื่อมั่นในประเทศต้องลดถอยลง ปัญหาการเมืองที่เต็มไปด้วยดรามา แย่งชิงผลประโยชน์
ท่านเศรษฐาต้องยอมรับว่าท่านคุมอะไรหรือใครไม่ได้ ท่านมาเป็นนายกฯ ด้วยความฟลุ๊ก ไม่ต้องเหนื่อย มีคนจัดการให้เสร็จ ตั้งคณะรัฐมนตรี พวกที่ปรึกษาให้ด้วย
ท่านไม่ต้องเดินสายหาคำปรึกษาจากใคร หรืออดีตนายกฯ คนไหน จะทำให้ชาวบ้านไม่มั่นใจว่าท่านมีฝีมือจริง ซ้ำร้ายมีคนให้คำปรึกษาโดยท่านไม่ต้องขออยู่แล้ว
ช่วงนี้ท่านอาจต้องเดินสายสร้างความเข้าใจกับสื่อหลัก ลดคำวิพากษ์วิจารณ์ด้านลบ หลังจากมีคนตีความคำพูดท่านผิดว่าท่านจะตั้งทักษิณเป็นที่ปรึกษา
ทักษิณไม่จำเป็นต้องให้คำปรึกษา มีแต่ออกคำสั่ง ยุคก่อนจะหนีไปต่างประเทศ คนรู้ทันต่างบอกว่าทักษิณไม่มีเพื่อน มีแต่ศัตรูกับขี้ข้า
ทุกวันนี้ ยังไม่มีใครรู้ว่าทักษิณอยู่ที่ไหนชัดเจน ป่วยหนัก ผ่าตัดอะไร
ทำให้มีแพทย์บางท่านของโรงพยาบาลตำรวจเป็นโรคน้ำท่วมปาก อ้าง Hippocratic Oath จริยธรรมทางการแพทย์ ไม่สามารถพูดเรื่องอาการผู้ป่วยได้ ชาวบ้านได้แต่ขำจนจุก
อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก จะเป็นไฟสุมขอน เพราะเป็นปัญหาความน่าเชื่อถือของแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ กรมราชทัณฑ์ กรมตำรวจ กระทรวงยุติธรรม และรัฐบาล
มีคำถามดังๆ ว่าพวกท่านทั้งหลายจะร่วมเล่นปาหี่แหกตาชาวบ้านไปถึงไหน
ท่านเศรษฐาอาจคิดว่าลีลาของท่านจะยังไม่ทำให้เกิดวิกฤตด้านความน่าเชื่อถือ ท่านคิดผิด รัฐมนตรีส่วนใหญ่มีปัญหาความน่าเชื่อถือ ความซื่อสัตย์สุจริต
หลายคนมีประวัติสีเทาเข้ม รอดคดีมาได้เพราะอำนาจการเมือง อำนาจเงิน
ยังไม่ทันไร มีคนจัดทำเครือข่ายโครงสร้างน่าสงสัยว่าจะหารายได้ ถอนทุน โกยกำไร โดยคาดว่ารัฐบาลนี้อาจอายุสั้น ถ้าปรับ ครม.จะไม่ได้เก้าอี้ตัวเดิม ถูกเด้งออก
คณะรัฐมนตรีได้กล่าวคำปฏิญาณว่าจะทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ทั้งๆ ที่รู้ว่าหลายคนไม่เชื่อคำพูดตัวเอง คำปฏิญาณไร้ความหมาย ไม่ต่างจากลมผายออก
ท่านเศรษฐามีหน้าที่อย่างแรงที่จะต้องพิสูจน์ว่าตัวเองจะทำหน้าที่โดยซื่อสัตย์ สุจริต แต่จะห้ามคนในคณะรัฐมนตรีไม่ให้โกงกินได้หรือ เมื่อท่านไม่มีอำนาจแท้จริง
ความกล้าหาญที่ท่านจะพิสูจน์ได้ถ้ามีวิกฤตศรัทธา คือการกล้าลาออก ยุบ ครม. ถ้าชาวบ้านเห็นว่ามีใครโกง แล้วท่านทำอะไรไม่ได้ จากนั้นท่านจะไปทำธุรกิจหรือใช้ชีวิตที่เหลือพักผ่อน ให้คำปรึกษา หรือกอบกู้บริษัทของท่าน แล้วแต่จะชอบ
นั่นเป็นหนทางเดียวที่ท่านจะกอบกู้เกียรติภูมิของท่านได้ แต่ท่านจะทำได้หรือยังไม่มีใครบอกว่าท่านเป็นเพียงหุ่นเชิด หรือแค่ตัวแทน ตัวท่านเองรู้ดีว่าเป็นอะไร
นี่ไม่ใช่การติเรือทั้งโกลน หรือไม่เปิดโอกาสให้ท่านได้ทำงาน แต่เป็นคำติงไว้ก่อนว่ายังมีอะไรที่จะก่อปัญหาเพราะท่านไม่สามารถทำตามคำมั่นช่วงหาเสียงได้
ชาวบ้านก็รู้ว่าการหาเสียงคือการให้สัญญาลมๆ แล้งๆ แต่ชาวบ้านที่หวังจะได้ของฟรี เมื่อไม่ได้แล้วจะเป็นความโกรธ ท่านคงรู้แล้วว่าจะเป็นอย่างไร เคยมีมาแล้ว