"โสภณ องค์การณ์"
การเมืองน้ำเน่าแบบไทยๆ ไม่มีวี่แววว่าจะจืดจางหรือพัฒนาอย่างไรตราบใดที่นักเลือกตั้งยังสืบทอดจากรุ่นสู่ รุ่นปลูกฝังทายาทให้ดำรงผลประโยชน์ต่อไป
นักการเมืองรุ่นเก่าหรือคนรุ่นใหม่มีพฤติกรรมฉาว ไม่ต่างกันแต่ดูเหมือนว่ารุ่นใหม่จะมีการควบคุมระดับความหน้าด้านน้อยกว่า กล้าแหกธรรมเนียมปฏิบัติมากกว่านอกจากเถียงแบบไม่อายใครแล้วยังยกระดับการแถเอาสีข้างเข้าถูอย่างที่นักการเมืองรุ่นเก่าต้องแอบไปอายแทน
คนรุ่นใหม่เก่งเรื่องดรามาและกล่าวโทษผู้อื่นเป็นฝ่ายผิดรวมทั้งกฎหมายไล่ลงมาตั้งแต่ รัฐธรรมนูญหรือระเบียบต่างๆ ถ้าคนรุ่นใหม่ถูกมองว่าทำอะไรผิดก็โทษว่าเป็นเรื่องที่กฎหมายเขียนมาผิด
หน้าด้านอย่างนี้ก็ยังมีคนกลุ่มความคิดเดียวกันชื่นชมนิยมทั้งแผ่นดินอ้างว่าเป็นฉันทามติของมหาชนนั่นเลย ที่ผ่านมาก็เฉียดฉิวกับโอกาสได้กุมอำนาจรัฐ
เหมือนวาสนาชะตากรรมของแผ่นดินยังดี คนรุ่นใหม่จึงไม่มีโอกาสได้แสดงความอหังการเต็มบ้อง แม้กระนั้นยังไม่หยุดพ่นพิษเล่นงานฝ่ายตรงข้าม
พฤติกรรมทุเรศอะไรที่ไม่เคยเกิดมาก่อนก็ได้เห็นกันในยุคนี้ของรัฐบาลท่านนิดหน่อย การแต่งตั้งเพื่อนพ้องน้องพี่ศรีภรรยาและลูกให้ได้ดี ทำอย่างไม่อาย
ทั้งฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาลมีพฤติกรรมหาประโยชน์จากทุกอย่างถ้ามีโอกาส แม้กระทั่งอาหารที่ประชาชนควักกระเป๋าจ่ายเงินเลี้ยงท่านผู้ทรงเกียรติก็ยังมีเรื่องฉาว จนพวกเดียวกันทนไม่ไหวเลิกให้เลี้ยงข้าวท่านผู้ทรงเกียรติ ให้หากินกันเอาเอง เอางบประมานไปซื้ออาหารกลางวันให้เด็กนักเรียนดีกว่า
เรื่องไปดูงานสิงคโปร์ของคณะท่านรองประธานสภาก็ยังเป็นเรื่องให้โต้เถียงแบบข้างๆ คูๆ ไม่อายชาวบ้าน
หน้าที่ของท่านผู้ทรงเกียรติคือการเสนอร่าง แก้ไข เปลี่ยนแปลง ยกเลิก กฎหมายข้อบังคับต่างๆ และการใช้จ่ายเงินงบประมาณและการตรวจสอบรัฐบาล ทำตัวเป็นปากเสียงของประชาชนตามรูปแบบของผู้แทนราษฎร ไม่ใช่พวกที่จ้องผลาญภาษีเงินของประชาชน พวกที่เป็นรัฐบาลก็จ้องหาผลประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่ทุกระดับที่อำนาจการเมืองเอื้ออำนวย
ท่านผู้นำรัฐบาลนิดหน่อย ได้มีโอกาสเปิดตัวที่ประชุมใหญ่ประจำปีของสหประชาชาติ พบปะผู้นำชาติอื่นๆ ถือว่าเกินคุ้มดีกว่าเดินทางไปพบกันแต่ละประเทศ
จะได้ประโยชน์หรือเสียอะไรในระยะยาวขอพิสูจน์กันได้ช่วงรัฐบาลท่านนิดหน่อยอยู่ได้จะกี่เดือนหรือครบเทอมก็ตามดูอาการแล้วน่าเป็นห่วง
ที่เห็นแนวโน้มชัดเจนคือการกู้และกู้มาเพื่อให้โครงการประชานิยมถมไม่เต็มต่างๆ เดินหน้าไปได้ซึ่งดูแล้วไม่ได้แสดงออกถึงความรู้ความสามารถพิเศษแต่อย่างใดยิ่งโครงการเกี่ยวกับการลดราคาน้ำมันและค่าไฟฟ้าด้วยแล้ว สิ่งที่จะทำก็คือการสร้าง หนี้สินให้กับกองทุน ด้วยการกู้เงินแต่ไม่ยอมให้ผู้ค้าต้องเสียรายได้
อย่างนี้ไม่ต้องมีรัฐมนตรีก็ได้ เอาเพียงแค่ปลัดหรือข้าราชการประจำก็ทำได้ถ้ามีอำนาจตามกฎหมายและปลัดแทบทุกกระทรวงน่าจะมีความรู้ความสามารถมากกว่านักเลือกตั้งที่มาเป็นรัฐมนตรีด้วยซ้ำ
ไม่มีรัฐมนตรีกระทรวงไหนรู้เรื่องดีกว่าปลัดกระทรวงที่ตัวเองว่าการอยู่ เพราะข้าราชการประจำอยู่มานานรู้เรื่องในองค์กรทุกขั้นตอน ทั้งสร้างเครือข่ายพวกพ้อง
การกู้เงินไปใช้จ่ายแทน การหารายได้ เป็นเรื่องของการหาทางออกอย่างง่ายๆ เพราะคนกู้เงินสร้างหนี้สินไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ มาแล้วก็ไป แต่ประชาชนยังต้องอยู่ชดใช้หนี้สินอีกนาน ถ้าเกิดวิกฤตถึงขั้นผิดนัดการชำระหนี้ก็จะเกิดความเสี่ยงถึงขั้นล้มละลายอย่างที่เกิดกับหลายประเทศแล้ว
การใช้อำนาจอวยเพื่อนพ้องน้องพี่คนใกล้ชิดญาติสนิทยังเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของนักเลือกตั้งทุกรุ่นและมีข้อแก้ตัวอ้างถึงความจำเป็นเหมาะสม
รัฐบาลนิดหน่อยต้องเร่งแสดงให้เห็นว่าความฉับไวในการคิดโครงการต่างๆ นั้นจะต้องควบคู่ไปกับการเร่งสร้างรายได้ให้กับประเทศ สร้างงานให้ประชาชน
หนี้ครัวเรือน ของประเทศอยู่อันดับต้นๆ ของโลกและยังไม่มีทางออกตราบใดที่ผู้ที่มีหนี้สินไม่มีรายได้เพิ่มและเรามีคนว่างงานแอบแฝงอยู่มากโดยขาดรายได้
ความเป็นนักธุรกิจภาคเอกชนอาจจะเน้นการลงทุนจากต่างประเทศและการท่องเที่ยว ก็ต้องดูเช่นเดียวกันว่าโครงการเหล่านั้นได้สร้างประโยชน์อย่างไร
สิ่งที่ประชาชนกังวลก็คือบรรดานักเลือกตั้งหรือคนนอกที่อยู่ในคณะรัฐมนตรีส่วนมากเป็นคนหน้าเดิมมีประวัติสีเทาและไม่ได้สร้างความมั่นใจ ในประเด็นความซื่อสัตย์สุจริตและความรู้ความสามารถ พฤติกรรมไม่น่าไว้ใจจะเป็นตัวบั่นทอนความน่าเชื่อถือของรัฐบาลนิดหน่อย ดังนั้นความโปร่งใสซื่อตรงในการบริหารบ้านเมืองต้องให้ประชาชนได้เห็น
นี่เป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อว่าบ้านเมืองจะไปได้ดีหรือเปรียบเสมือนเรือที่อับปางท่ามกลางพายุรุนแรง อีกไม่นานประชาชนคงจะรู้