เห็นข่าวแวบๆ...ว่าองค์กรพันธมิตรทางทหารแห่งแอตแลนติกเหนือ ที่เคยได้ชื่อ-ฉายาว่า “No Action, Talk Only” หรือไม่คิดลงมืออะไรสักอย่าง เอาแต่พูดอย่างเดียว ที่มีชื่อเรียกสั้นๆ ย่อๆ ว่า “NATO” เขากำลังคิดจะ “ซ้อมรบ” ครั้งใหญ่ หรือครั้งที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ภายใต้ชื่อรหัส “Occasus” ในช่วงต้นปีหน้า หรือช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี ค.ศ. 2024 ก็เล่นเอา “โตะ-จาย-โหมะ-เลย!!!”
คือออกอาการหนักซะยิ่งกว่า “สมรักษ์ คำสิงห์” ไม่รู้กี่เท่า-ต่อกี่เท่า ทั้งก้าวร้าว ทั้งเอาจริง-เอาจัง แถมบวกราคาคุยจนเป็นอะไรที่น่าขนลุก-ขนพองสยองขวัญเป็นอย่างยิ่ง ดังคำแถลงของประธานคณะกรรมาธิการทหารสหรัฐฯ ประจำ “NATO” อย่าง “พลเรือเอกRob Bauer” เมื่อช่วงวันเสาร์ที่แล้ว (16 ก.ย.) หรือกะจะใช้กำลังพลในการซ้อมรบร่วมคราวนี้ถึง 40,000 คน จะซ้อมกันที่เยอรมนี-โปแลนด์ และอีก 3 ประเทศบอลติก อันได้แก่ เอสโตเนีย-ลัตเวีย-และลิทัวเนีย ที่อยู่ติดประชิดชายแดนกับประเทศหมีขาวรัสเซีย เรียกว่า...บุกไปอวด ไปโชว์ ไปจ่ออยู่หน้าปากประตูบ้านมหาอำนาจคู่แข่งรัสเซีย อีกทั้งยังป่าวประกาศ หรือส่งเสียง “ขู่คำราม” เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ว่าการซ้อมรบครั้งนี้ไม่ใช่เป็นแค่การเตรียมพร้อมรับมือกับ “ภัยคุกคามตามปกติ” หรือ “current threats” แต่เพียงเท่านั้น แต่ยังหวังเพื่อต่อต้าน “ภัยคุกคามที่ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ” หรือ “reconstituted threats” อีกด้วยต่างหาก ซึ่งก็คงไม่ใช่ใครที่หนวย...นอกเสียจากคุณน้ารัสเซียและคุณพี่จีนที่ถูกกล่าวหา ปรามาส ว่าเป็นพวกลัทธิที่ต้องการแก้ไข-เปลี่ยนแปลงอะไรต่อมิอะไร (Revisionist) หรือพวกอำนาจนิยม(Authoritarian) อย่างที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ “นายAntony Blinken” เคยระบุถือว่าเป็นคู่ต่อสู้ตัวสำคัญใน “สงครามเย็นยุคใหม่” เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา...นั่นแล...
อันที่จริงช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา...องค์กรดังกล่าวเขาเคยซ้อมร่วมทางอากาศครั้งที่ใหญ่ที่สุดมาแล้ว คือใช้กำลังทหารถึง 10,000 นาย จาก 25 ประเทศ ใช้เครื่องบินโจมตีกว่า 250 ลำ แต่คราวนี้ยิ่งไปไกลยิ่งกว่า แถมตัวเลขาธิการ “NATO” “พลเอกJens Stoltenberg” ยังออกมาแลบไพ่ ส่งสัญญาณเอาไว้ก่อนล่วงหน้า ว่าการอาศัย “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครนเป็นตัวบั่นทอน ทำลายศักยภาพในด้านต่างๆ ของรัสเซีย อาจต้องเป็นไปจนกว่าจะไม่หลงเหลือ “ชาวยูเครนคนสุดท้าย” เอาเลยถึงขั้นนั้น หรือ “สงครามยูเครน...อาจยาวไกลเกินกว่าที่เคยคาดหมายไว้ในช่วงเริ่มต้น” พร้อมกับการปลุกจิต ปลุกใจ ให้บรรดาประเทศโลกตะวันตกทั้งหลาย “เตรียมพร้อมรับมือกับสงครามระยะยาวในยูเครน” การซ้อมรบครั้งประวัติศาสตร์ที่จะเริ่มต้นในปีหน้า จึงอาจถือเป็นส่วนหนึ่งของการ “Talk” หรือกระบวนการ “ขู่คำราม” โดยจะถึงขั้นต้องออก “Action” ต้องลงมือ ลงตีน จนอาจถึงขั้นต้องกลายเป็น “สงครามร้อน” หรือ “สงครามโลกครั้งที่ 3” “สงครามนิวเคลียร์” หรือไม่? อย่างไร? อันนั้น...คงต้องคอยไปติดตาม ตรวจสอบกันดูอีกที...
และก็อย่างที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ “นายAntony Blinken” ได้พูดจา ปราศรัยไว้ที่ “Johns Hopkins University’s School of Advanced International Studies” เมื่อช่วงอาทิตย์ที่แล้วนั่นแหละว่า “กุญแจสำคัญ” ในการเอาชนะ “สงครามเย็นยุคใหม่” ของอเมริกา ก็คือการมี “พันธมิตร” ให้มากๆ เข้าไว้นั่นเอง ดังนั้น...ในช่วงอาทิตย์หน้า รัฐบาลของคุณปู่ “โจ ซึมเซา” ที่ตลอด 7-8 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้คิดจะดูดำ ดูดี บรรดาประเทศที่อยู่ในแถบ “เอเชียกลาง” อันเนื่องมาจากแต่ละประเทศได้หลอมละลาย กลายเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นกับทั้งรัสเซียและจีนมานานแล้ว กลับลงทุนไปเชื้อเชิญบรรดาผู้นำ 5 ประเทศในเอเชียกลาง อันประกอบไปด้วย คาชัคสถาน, คีร์กีซสถาน, ทาจิกิสถาน, เติร์กเมนิสถาน, และอุซเบกิสถาน เข้ามาร่วมประชุมสุดยอดที่ทำเนียบขาว โดยจะมีการจับเข่า จับหัวหน่าว พูดจาในเรื่องอะไรกันบ้าง คงยากคาดเดาเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแม้ว่าที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว “นายJake Sullivan” จะออกมาบ่ายเบี่ยงว่าการประชุมดังกล่าวไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อต่อต้านประเทศใด ประเทศหนึ่งเป็นการเฉพาะ แต่ถ้าฟังจากหางเสียงของประธานาธิบดีคีร์กีซสถาน “นายSadyr Japarov” ที่เคยพูดจาเอาไว้ก่อนหน้านี้ ว่าถูกคุณพ่ออเมริกาพยายามทั้งกด ทั้งบีบ ให้ตัดสินใจเลือกข้างอเมริกาและยูเครนแล้วหันไปต่อต้านหมีขาวรัสเซีย ก็น่าจะพอมองเห็นแนวทางของการประชุมสุดยอดคราวนี้ได้ไม่ยากนัก...
คือสรุปง่ายๆ ว่า...งานนี้ คุณพ่ออเมริกาท่านคงปรารถนาและต้องการที่จะเล่นเกมยาว หรือหวังจะ “ลากยาวว์ว์ว์” สงครามยูเครนเพื่อบั่นทอน ทำลาย มหาอำนาจคู่แข่งอย่างรัสเซียในแนวรบยุโรปตะวันออก รวมทั้งสร้างแรงกดดันให้กับพญามังกรจีนในแนวรบทะเลจีนใต้ควบคู่ไปด้วย ตามแบบฉบับ “สงครามเย็นยุคใหม่” อย่างที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ป่าวประกาศเอาไว้แล้วล่วงหน้านั่นเอง แต่ก็นั่นแหละ...โอกาสที่ความปรารถนาและต้องการในแนวนี้ จะเกิดมรรค เกิดผล เกิดการบรรลุเป้าหมายตามที่อเมริกาและบรรดาพันธมิตร “NATO” ตั้งเป้า ตั้งวัตถุประสงค์ เอาไว้หรือไม่? ประการใด? อันนี้...คงต้องหันมาใคร่ครวญ พิจารณา หันมาไตร่ตรองตามหลักฐานและข้อพิสูจน์ แบบชนิด “ความจริง-มีหนึ่งเดียว” อย่างที่อาเฮีย “สนธิ ลิ้มฯ” ของหมู่เฮาท่านยึดมั่นเป็นคำขวัญประจำตัวไปแล้ว...
เพราะในระหว่างที่แถลง ที่ “Talk” หรือที่ “สมรักษ์ คำสิงห์” ถึงการซ้อมรบครั้งประวัติศาสตร์ในปีหน้าของ “พลเรือเอกRob Bauer” ดังที่กล่าวไปแล้ว สิ่งที่ประธานคณะกรรมาธิการทหารสหรัฐฯ รายนี้จำต้องออกมายอมรับ มาสารภาพถึงความจริง ข้อเท็จจริง ที่กำลังอุบัติขึ้นมาในแนวรบยุโรปตะวันออก ก็คือความขาดแคลนอาวุธ-ยุทโธปกรณ์ โดยเฉพาะกระสุนปืนใหญ่ 155 มิลลิเมตร ที่ถูกส่งไปให้กองทัพยูเครนยิงทิ้ง ยิงขว้าง เพื่อสู้กับหมีขาวรัสเซีย ชนิดที่ประเมินกันว่าไม่ต่ำกว่าวันละ 3,000-8,000 นัด ขณะที่สำนักข่าว “Reuters” เขาประเมินว่าอาจปาเข้าไปถึงวันละ 10,000 นัดเอาเลยถึงขั้นนั้น แต่ถึงกระนั้นก็กลับไม่ได้ช่วยให้การ “โจมตี-ตอบโต้” การคิดจะยึดคืนดินแดนกลับมาจากรัสเซีย เกิดความคืบหน้าก้าวหน้าใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย แต่กลับส่งผลให้คลังสำรองอาวุธของ “NATO” ร่อยหรอ ขาดแคลน จนแทบไม่เหลืออาวุธเอาไว้ปกป้องตัวเอง แถมการคิดรวมพลังกันผลิตอาวุธ ผลิตกระสุน เพื่อป้อนตัวตลก-ตัวแทนอย่างยูเครนต่อไป ก็ใช่ว่าจะเนรมิตสร้างในชั่วข้ามคืนกันได้ง่ายๆ อาจต้องใช้เวลาเป็นปีๆ แบบเดียวกับการส่งเครื่องบิน F-16 หรือส่งอาวุธสมัยใหม่ที่ต้องใช้การฝึก การเรียนรู้ รวมทั้งการแก้ไข การตระเตรียมอุปกรณ์สำรอง ที่กินเวลาเนิ่นนานจน “ชาวยูเครนคนสุดท้าย” อาจเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ไปแล้วก็เป็นได้...
อีกทั้งโดยสถานะทาง “เศรษฐกิจ” ของบรรดาประเทศ “NATO” หรือบรรดาพวกอียู-อีย้วยทั้งหลาย ก็หนักไปทางต่างก็กรอบเป็นข้าวเกรียบเมืองเพชรไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งพวง ต่างก็เจอกับปัญหาเงินเฟ้อ เศรษฐกิจถดถอย ชนิดที่ “เสาหลัก” ของอียูอย่างไส้กรอกเยอรมันถึงกับถูกนิตยสาร “The Economist” ให้ชื่อ ฉายา เอาไว้เมื่อเดือนที่แล้วว่า “คนป่วยแห่งยุโรป” หรือ “The Sick man of Europe” เอาเลยถึงขั้นนั้น อันเนื่องมาจากตัวเลขการเติบโตเศรษฐกิจ ไม่ว่าไตรมาสหนึ่ง ไตรมาสสองของปีนี้ โตแค่ประมาณ 0.1 เปอร์เซ็นต์ ไม่เกินไปกว่านั้น ไม่ต่างอะไรไปจากคุณพ่ออเมริกาที่กำลังล้มคว่ำ คะมำหงายอยู่ภายใต้แนวทางเศรษฐกิจที่เรียกว่า “Bidenomics” ของคุณปู่ “โจ ซึมเซา” ชนิดที่หัวหน้านักยุทธศาสตร์การตลาดแห่งบริษัท “BabbaTrading.com” ผู้ก่อตั้งกองทุน “Pro Chain Capital” อย่างศาสตราจารย์ “Dr.Jack Rasmus” ต้องออกมาฟันธงและฟันเฟิร์มว่าแนวโน้มเศรษฐกิจอเมริกากำลังเลื่อนไหลเข้าสู่ “ภาวะวิกฤต” แบบที่ไม่ต่างไปจากเมื่อ 15 ปีที่แล้ว หรือเมื่อช่วง “วิกฤตการเงิน” ปี ค.ศ. 2008 อันส่งผลให้โลกทั้งโลกพลอยต้องฉิบหาย-วายวอด ตามไปด้วย...นั่นแล...
ยิ่งช่วงระหว่างนี้... “อดีตพันธมิตร” ที่เคยถูกคุณพ่ออเมริกา “หันซ้าย-หันขวา” มาโดยตลอด ชนิดยอมขาย “น้ำมัน” ที่ตัวเองผลิตได้เป็นเงิน “ยูเอสดอลลาร์” มาร่วมครึ่งศตวรรษ อย่างอภิมหาเศรษฐีซาอุดีอาระเบีย ไม่เพียงแต่หันไปหาจีน หารัสเซีย เข้าร่วมเป็นสมาชิกใหม่กลุ่มประเทศ “BRICS” ร่วมเป็นสมาชิกสังเกตการณ์ในกลุ่มประเทศ “SCO” แต่ยังไปร่วมกับประเทศนอกกลุ่ม “OPEC” หรือ “OPEC+” อย่างรัสเซีย ประกาศ “ขยาย” การลดกำลังการผลิตน้ำมันไปจนถึงปีหน้าโน่นเลย อันส่งผลให้ไม่เพียงแต่ราคาน้ำมันช่วงนี้พุ่งขึ้นไปถึง 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ถ้าว่ากันตามการคาดการณ์ การประเมินขององค์กร “IEA” (International Energy Agency) แนวโน้มที่ “ตลาดน้ำมัน” จะต้องเจอกับ “ภาวะขาดแคลน” ระดับต่อเนื่อง ยาวนานนับเป็นทศวรรษๆ นับตั้งแต่สิ้นปีนี้เป็นต้นไปย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ หรือย่อมทำให้ประเทศที่ “ซดน้ำมัน” สูงสุดในโลกมาโดยตลอด อย่างคุณพ่ออเมริกา รวมทั้งบรรดาประเทศอียู-อีย้วย ที่ดันไปต่อต้าน “พลังงานราคาถูก” จากรัสเซีย ย่อมต้องมีแต่... “ตาย...กับ...ตาย” ลูกเดียวเท่านั้นเอง!!! ด้วยเหตุเพราะ “ความจริง-มีหนึ่งเดียว” อย่างที่อาเฮีย “สนธิ ลิ้มฯ” ของหมู่เฮา ได้ย้ำแล้ว ย้ำอีก เอาไว้แล้วนั่นเอง...