"โสภณ องค์การณ์"
ผู้นำรัฐบาล “ยุทธเศรษฐา” เครื่องร้อน แรงดีไม่มีตก ทำงานตัวเป็นเกลียว แต่หัวยังไม่เป็นน็อต ขยันขันแข็ง มีนโยบายใหม่ๆ มาสร้างความประหลาดผสมประทับใจให้ชุมชนที่เฝ้ารอโครงการประชานิยมถมไม่เต็ม ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
“ซีอีโอนิด” หัวหน้ารัฐบาลสร้างความประทับใจให้ชาวบ้านระดับหนึ่งเมื่อนำเสนอนโยบายรัฐบาล วาทะไม่ธรรมดา ตอบคำถามฉาดฉาน ไม่ต้องมีบทกำกับ แสดงความเป็นงานรูปแบบการบริหารแนวซีอีโอภาคธุรกิจเอกชน
ทุกอย่างที่ทำ มีเป้าหมายชัดเจน และวิธีบรรลุเป้าหมาย ดูเผินๆ เจ๋ง!
โครงการใหม่ๆ มีทั้งฮือฮาและ “อะไรกันวะ” เช่นข้อเสนอจ่ายเงินเดือนข้าราชการทุก 15 วัน หรือเดือนจะ 2 งวด รวมกันแล้วเท่าเดิม
ที่ไม่เหมือนเดิมคือข้าราชการเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบด้านกฎระเบียบ กลไกต่างๆ จะมีงานเพิ่มขึ้น จากเดิมยุ่งงวดเดียว กลายเป็นวุ่นทั้งเดือนเพื่อจ่ายเงิน 2 งวด
ผู้รับเงินก็ปวดหัว เพราะจะเป็นเบี้ยหัวแตก ครึ่งเดือนแรกก็ไม่พอจ่ายภาระก้อนใหญ่ ครึ่งเดือนหลังจะซ้ำร้ายสำหรับพวกผ่อนบ้าน รถยนต์ บัตรเครดิต ค่าน้ำ ค่าไฟ และหนี้สินอื่นๆ ถ้ามี ส่วนใหญ่เจ้าหนี้จะหักรวบยอดตอนสิ้นเดือน
เงินหักเข้าองค์กร สวัสดิการต่างๆ ก็งวดสิ้นเดือน ข้าราชการที่มีรายได้ชักหน้าไม่ถึงหลัง มีภาระหนี้สินเรื้อรังจะยิ่งกว่าตกนรก และด้วยเหตุนี้ จึงต้องโวยวาย
นายกฯ เครื่องร้อนอ้างว่าได้ปรึกษาข้าราชการก่อนแล้วจึงเสนอเรื่องนี้เพราะต้องการให้ข้าราชการมีเงินหมุนใช้ทั้งเดือน ไม่ต้องรอจนถึงสิ้นเดือน ไปกู้ยืมก่อน
เพิ่งเข้าทำเนียบ ประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรก จะมีเวลาไปสอบถามข้าราชการเมื่อไหร่ หรือมีใครแอบทำโพลสำหรับความเห็นอย่างลับ ผลที่ตามมาคือเสียงสวด
หรือเป็นเพียงประเด็นเพื่อหักเหความสนใจของชาวบ้านเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ถูกใจ เช่นผิดคำมั่นเรื่องลดค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ลดราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้าจิ๊บจ๊อย
เอาเรื่องเงินเดือนข้าราชการมาเบี่ยงประเด็น หักเหการรุกหนักของสื่อและชาวบ้านที่สงสัยว่าจะเอา 5.6 แสนล้านบาทมาจากไหนแจกเงินดิจิทัล หัวละหมื่นบาท
ทุกวันนี้ก็ยังตอบไม่ได้ว่าจะเอาเงินที่ไหนมา แต่ละคนพูดไม่เหมือนกัน
ไม่ต้องสงสัย คำตอบถูกต้องคือ “ยังไม่มีเงิน ยังไม่รู้ว่าจะเอามาจากไหน” ถ้ามีเงินจริง ก็เอามาจ่ายในระบบเป๋าตังค์ก็ได้ ชาวบ้านเบิกจ่ายได้เลย หมุนเวียนง่าย
เงินดิจิทัลระบบบล็อกเชน ชาวบ้านไม่เข้าใจ และหลายคนใน ครม. น่าจะไม่เข้าใจ และไม่มั่นใจว่าจะหาเงินมาจากไหนแต่ละปีงบประมาณก็ต้องกู้ 5-6 แสนล้านบาทอยู่ต่อเนื่อง ยังมองไม่เห็นวี่แววว่าใครจะสามารถจัดงบประมาณให้สมดุลได้
รัฐบาลนี้มีประเด็นให้ตื่นเต้นเรื่องความกล้าหาญในการแต่งตั้งคนใกล้ชิด สส. สอบตกเข้ารับตำแหน่งการเมือง มีรายได้ มีช่องทางอื่นๆ เพื่อความมั่งคั่งอีกเยอะ
เรื่องพรรค์นี้ ถ้าไม่แต่งตั้งพวกเดียวกัน จะให้ตั้งคนแปลกหน้ามาหรือไง
รัฐบาล “ยุทธเศรษฐา” ตัดตอนจากรัฐบาล “ซีอีโอทักษิณ” จากการถูกแอ่นแอ๊นวันที่ 19 กันยายน 2549 มาเป็นรัฐบาล “ซีอีโอนิด” เริ่ม 11 กันยายน 2566
องค์ประกอบหลัก คือคนหน้าเดิมๆ เกือบหมด เพียงแต่อายุมากกว่า จะฉลาดกว่า ล้ำลึกกว่า สุจริตกว่า หรือเขี้ยวยาวกว่า คงไม่ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
หลายคนอยู่ในวัยเกินเกษียณ คงใช้โอกาสนี้สร้างความมั่นคงชีวิตในบั้นปลาย
ดูแล้วสร้างความน่าสงสัย ความหวั่นไหวว่าบ้านเมืองจะไปรอดหรือไม่
แค่เห็นพฤติกรรมในการแต่งตั้งคนไม่เปลี่ยน ก็คาดการณ์ได้ ไม่น่าเชื่อว่าจะซ้ำรอยเดิมได้เร็วในระบบเพื่อนพ้องน้องพี่ อย่างที่เรียกว่า Nepotism และ Cronyism ซึ่งก็ไม่แปลก เว้นแต่บางประเทศที่มีระบบธรรมาภิบาลเข้ม โกงกินน้อย
ความขยันของ “ซีอีโอนิด” สร้างความคึกคักด้วยนโยบายใหม่ เร็วยิ่งกว่านรก หรืออะไรตามรูปแบบการตั้งชื่อหนังยุคนี้ให้เร้าใจ เรียกคนดู ต้องรอดูผลที่จะตามมา
ที่เห็นชัดคือรูปแบบพฤติกรรมที่ต้องตามใจกลุ่มผลประโยชน์ กลุ่มทุนใหญ่ และกลุ่มอำนาจที่เป็นรัฐซ้อนรัฐว่าฝ่ายใดจะออกฤทธิ์เดชมากกว่า ขัดแย้งหรือประสานผลประโยชน์เพื่อความอยู่รอด แบบที่เรียกว่า win win ให้ทุกฝ่ายได้หมด
ถ้าเป็นอย่างนี้ ทุกฝ่ายจะมีแต่อู้ฟู่ มั่งคั่ง ยั่งยืน แต่ไม่รวมชาวบ้าน
ที่น่าห่วงคือ จะไม่มีอะไรได้หมด ดีหมด ทั้งนโยบาย visa free สำหรับนักท่องเที่ยวจากจีน และคาซัคสถาน ดูแล้วเหมือนจะมีอะไรแฝงเร้น
ทำไมต้องคาซัคสถาน? มีนักท่องเที่ยวมีกำลังซื้อเยอะมาก ว่างั้น!
น่าจะมีคนยังจำได้นะว่าในยุคก่อนซีอีโอทักษิณ รัฐบาลมีความสนใจร่วมทุนพัฒนาโครงการน้ำมันและก๊าซ เพราะคาซัคสถานมีเยอะ ต้องอำนวยความสะดวก
เหมือนช่วงเปิดเที่ยวบินให้การบินไทย เชียงใหม่ไปเมืองจิตตะกอง บังกลาเทศ อ้างว่าให้นักท่องเที่ยวบังกลาเทศมาเที่ยวเชียงใหม่ ทำไปจนเจ๊ง เที่ยวบินโหรงเหรง
รู้กันอยู่ว่า “ซีอีโอนิด” ไม่ได้แต่งตั้งรัฐมนตรีแม้แต่คนเดียว ไม่ต้องเหนื่อย มีคนจัดการให้เรียบร้อย ถือว่าเป็นการอำนวยความสะดวก ไม่เสียเวลาต่อรองพรรคร่วม
นโยบายแต่ละอย่าง “ซีอีโอนิด” คิดคนเดียว หรือมีคนช่วยคิดให้ทุกระยะ
การขยับทุกครั้งอยู่ภายไต้แว่นขยายของฝ่ายค้านและกลุ่มประชาชนที่เคยรู้ว่าคณะที่เป็นรัฐมนตรีปัจจุบันมีความเป็นมาอย่างไร พฤติกรรมหาญกล้าแค่ไหน
จะทำให้บ้านเมืองอยู่ในความเสี่ยงต่อวิกฤตการเงิน การคลัง ความมั่นคงด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะชาติมหาอำนาจที่จ้องครอบงำไทยหรือไม่
ไม่ว่าจะขับเคลื่อนอย่างไร นโยบายรัฐบาลจะถูกสงสัยว่าเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มใด มีความเร่งรีบที่จะจัดการก่อนที่รัฐบาลตอบแทนบุญคุณถึงวาระต้องสับเปลี่ยน
“ซีอีโอนิด” และพวก ครม. ได้กล่าวคำปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประชาชน ดังนั้นต้องให้เป็นที่ประจักษ์ทุกระยะของการจัดการบ้านเมือง อย่าให้ชาวบ้านได้กลิ่นไม่พึงประสงค์
อย่าให้ความสงสัยของชาวบ้านว่า “ซีอีโอนิด” เป็นนอมินีเต็มขั้น เป็นความจริง
และอย่าให้เป็นอย่างที่ว่า “เมื่อเห็นอะไรน่าสงสัย ไม่ต้องสงสัย เป็นจริงแน่”