xs
xsm
sm
md
lg

อนาคตในมือของเศรษฐา เพื่อตั้งรับกับเป้าหมายของพรรคก้าวไกล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



 หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ
 ชัยชนะของพรรคก้าวไกลที่จังหวัดระยองไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะเป็นกระแสต่อเนื่องของพรรคก้าวไกลที่ยังไม่สิ้นมนต์ขลัง อย่าไปมองภูมิหลังของผู้สมัครพรรคก้าวไกลเลย เพราะต่อให้พรรคก้าวไกลส่งเสาไฟฟ้าลงคนระยองก็ยังเลือก ก็รอดูแต่ว่ากระแสนี้จะกินเวลาไปอีกนานขนาดไหน ไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าที่พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายกรัฐมนตรีถึงกับประกาศตัวแล้วว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ไหม

วันนี้ใครๆ ก็เรียกพิธาว่านายกฯ รถแห่ นายกฯ โซเชียล แต่สำหรับพิธาแล้วดูเหมือนเขามีความมั่นใจมากว่า จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ได้อย่างที่เขาพูด และใครต่อใครก็เชื่อว่าครั้งหน้าพรรคก้าวไกลจะชนะอย่างถล่มทลายแล้วอย่างนี้จะไม่ให้พิธาสถาปนาตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ล่วงหน้าไปก่อนได้อย่างไร

พิธามีโอกาสพิสูจน์ตัวในครั้งหน้าอีกครั้งเพื่อไปถึงความฝันที่เขาได้แสดงบทบาทเป็นนายกรัฐมนตรีไปแล้วหลังการเลือกตั้งครั้งนี้กับคนในประเทศต่อองค์กรและหน่วยงานต่างๆที่เขาเรียกมารับทราบนโยบายและให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่าเขาจะบริหารประเทศอย่างไร โดยเหมือนกับไม่รู้กลไกของการเมืองไทยที่มีมากกว่าผลการเลือกตั้งจนทำให้เขากลายเป็นนายกรัฐมนตรีตกสวรรค์ในครั้งนี้ แต่ถ้าครั้งหน้าเขาทำไม่สำเร็จก็น่าจะหมดโอกาสแล้ว เพราะหลังจากนั้นธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจเจ้าของพรรคตัวจริงจะพ้นโทษแบนทางการเมืองกลับมาสู่เวทีอีกครั้ง

ต้องยอมรับว่าการแสดงบทบาทในสภาในวันแถลงนโยบายของรัฐบาลนั้น พรรคก้าวไกลทำหน้าที่ได้ดี หลายคนพูดจาฉะฉานเตรียมเนื้อหากันมาดีเหมือนกับการฝึกฝนกันมาเป็นอย่างดีทุกคนอภิปรายสอดรับเรียงร้อยกันไปแบบคนมีของ นี่เป็นความโดดเด่นของพรรคก้าวไกลมาตั้งแต่สมัยที่แล้วดับรัศมีของพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยได้ชื่อเป็นพรรคฝ่ายค้านที่เก่งให้อับแสงไปเลย

คนรุ่นใหม่ของพรรคก้าวไกลแสดงตนให้เห็นถึงความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่พูด มีข้อมูลไม่ใช่มีแต่ลีลาและโวหารแบบนักการเมืองรุ่นเก่าแม้จะดูเหมือนเบื้องหลังมีคนเขียนบทให้ มีทีมงานเบื้องหลังที่เข็มแข็ง แล้วคัดคนที่นำเสนอดีมาเป็นหุ่นชักปากก็ตาม แต่ก็ยังทำให้ดูเหมือนนักการเมืองคนรุ่นใหม่ของพรรคก้าวไกลเป็นนักการเมืองแห่งความหวังยิ่งขึ้นไปอีก

 เห็นการแสดงบทบาทของคนหนุ่มสาวในพรรคก้าวไกลแล้ว นึกถึงนวนิยายเรื่องกาเหว่าที่บางเพลงของม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมชที่ เด็กในเรื่องสามารถสื่อสารถึงกันด้วยพลังจิต มีความคิดเหมือนกัน ทำเหมือนกัน เชื่อเหมือนกัน เหมือนกับมีคำสั่งคอยกำกับ เด็กเหล่านี้ไม่นับถือพระสงฆ์องค์เจ้า และเชื่อว่าตัวเองมีความรู้มากกว่าคนธรรมดาทั่วไป เวลาพูดกับพระสงฆ์ก็ไม่แสดงความนับถือนอบน้อมเหมือนกับว่ามีสถานะที่เท่าเทียมกันและคิดว่าตัวเองนั้นเหนือกว่าด้วยซ้ำไป

ต้องยอมรับว่าการเมืองเก่าที่มีแต่การแย่งชิงผลประโยชน์จากอำนาจ การทุจริตคอร์รัปชั่นนั่นแหละที่เป็นเหตุทำให้คนจำนวนมากขาดศรัทธาต่อการเมืองแบบเก่า เบื่อหน่ายนักการเมืองรุ่นเก่า และทำให้คนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยเข้าสู่อำนาจมีความโดดเด่นขึ้น พรรคก้าวไกลกลายเป็นพรรคแห่งความหวังเพราะไม่เคยมีอำนาจและไม่มีบาดแผลความด่างพร้อย เมื่อรวมกับความช่ำชองในการเข้าสู่โลกแห่งข้อมูลข่าวสารการควบคุมสื่อผ่านโซเชียลมีเดียที่เหนือกว่า แล้วยังได้รับการสนับสนุนจากสื่อหลักหลายเจ้าก็ยิ่งทำให้พรรคก้าวไกลมีความโดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก

เหลือแต่ว่าจากนี้ก็ต้องดูว่า 4 ปีที่พรรคก้าวไกลจะได้เล่นบทบาทของพรรคฝ่ายค้านคุณภาพในสภากับการบริหารประเทศภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยฝ่ายไหนจะเรียกความนิยมจากประชาชนได้มากกว่ากันในการเลือกตั้งครั้งหน้า แล้วนับจากนี้ไปการต่อสู้ทางการเมืองพรรคก้าวไกลจะต้องเผชิญกับการรุมล้อมของพรรคการเมืองทุกพรรคที่จะจับมือกันต่อต้านพรรคก้าวไกลไม่ให้เข้าสู่อำนาจ

เพราะพรรคการเมืองอื่นทุกพรรคจะรวมตัวกันเป็นปราการด่านสุดท้ายของฝ่ายอนุรักษนิยมที่จะปกป้องสังคม ค่านิยม จารีต ธรรมเนียมของสังคมไทยภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเอาไว้ เพราะรู้ว่าพรรคก้าวไกลนั้นต้องการที่จะปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์และลดทอนบทบาทและสถานะของพระมหากษัตริย์ลงมา ตามอุดมการณ์ความคิดของผู้นำทางความคิดของพรรคก้าวไกลอย่าง ปิยบุตร แสงกนกกุล ได้พูดถึงจุดยืนของเขาต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เอาไว้

ปิยบุตรนั้นมั่นใจว่ากระแสกาลและเวลานั้นยืนอยู่ข้างพวกเขา วันนี้พวกเขาจะต้องไปสู่เป้าหมาย หากสิ่งที่ดำรงอยู่ไม่ยินยอม ขัดขวางไม่ให้เกิดการปฏิรูป พลังของฝ่ายที่ต้องการเปลี่ยนแปลงรุกคืบ กระแสสูง เสียงเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงก็จะเดินหน้า จน “ปฏิรูป” ไม่เพียงพออีกแล้ว สายเกินการณ์แล้ว “ปฏิรูป” ก็จะเปลี่ยนเป็น “ปฏิวัติ”

 ปิยบุตรบอกว่า สถาบันกษัตริย์เป็นสถาบันที่มีและใช้อำนาจรัฐ ดังนั้น สถาบันกษัตริย์จะดำรงอยู่ในสถานะใด มีพระราชอำนาจมาก มีพระราชอำนาจน้อย กฎเกณฑ์เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์จะเป็นแบบใด ทั้งหมดนี้ ประชาชนมีส่วนในการกำหนด อยู่ที่ว่าประชาชนจะยอมให้สถาบันกษัตริย์มีสถานะ มีอำนาจ มีบทบาท มีงบประมาณ แบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้? หรือประชาชนไม่ยอมอีกต่อไป?

ความคิดนี้ถูกแพร่หลายไปไกลมากในหมู่คนรุ่นใหม่โดยนักวิชาการอย่างปิยบุตรและพวกที่มีแนวคิดปฏิกษัตริย์นิยม ผ่านสำนักนำทางความคิดอย่างสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ค่ายประชาไทที่รับเงินจากตะวันตกที่ได้ผลิตอุดมการณ์ความคิดทางการเมืองคัมภีร์ในการเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ออกมาอย่างต่อเนื่องยาวนานจนสามารถปลุกปั่นคนรุ่นใหม่จำนวนมากให้เข้ามายึดถืออุดมการณ์เดียวกัน

ต้องยอมรับว่าการแสดงบทบาทนายกรัฐมนตรีของ เศรษฐา ทวีสิน ในช่วงไม่กี่วันที่เข้ามารับตำแหน่งนั้นสามารถแสดงบทบาทได้ดี มีความนอบน้อม ตั้งแต่การแสดงกิริยาที่เศรษฐาเป็นคนตัวสูงเมื่อเขายกมือไหว้ก็จะเคยชินกับการโค้งตัวลงมารับไหว้จนเป็นนิสัยทำให้เป็นภาพที่ดูดี ทันทีที่รับตำแหน่งก็ลงพื้นที่ไปดูเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยตัวเองในจังหวัดต่างๆ ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจ แต่เศรษฐาจะแสดงความสามารถออกมาได้มากแค่ไหนเพื่อให้สังคมเห็นว่าเขาสามารถเป็นความหวังของสังคมที่จะไม่นำประเทศไปสู่ความขัดแย้งแบบความคิดของพรรคก้าวไกลได้

และสุดท้ายแล้วเศรษฐาที่ไม่ใช่เจ้าของพรรคตัวจริงจะมีความเป็นตัวของตัวเองแค่ไหน มีอิสระทางความคิดแค่ไหน และหวังว่าเขาจะไม่ถูกครอบงำความคิดจากทักษิณเจ้าของพรรคตัวจริงที่คาดการณ์กันว่าไม่เกิน 6 เดือนเขาจะได้รับการพักโทษออกมาสู่ภายนอกแล้วนำพารัฐบาลของพรรคเพื่อไทยกลับไปสู่ความผิดพลาดแบบในอดีตอีก

 รัฐบาลเศรษฐาต้องทำให้เห็นว่า การเมืองภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองฝั่งอนุรักษนิยมที่ร่วมกันเป็นรัฐบาลนั้นสามารถเป็นความหวังของประชาชนได้ ไม่ใช่การเมืองที่เอาแต่แย่งชิงผลประโยชน์เพื่อตัวเองและพวกพ้องเพื่อสร้างศรัทธาให้กลับคืนมา แม้ยากมากที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดของคนรุ่นใหม่ แต่ต้องดึงคนชั้นกลางเมืองที่กลายไปเป็นโหวตเตอร์คนพรรคก้าวไกลให้กลับคืนมาโดยแสดงให้เห็นว่าสามารถสร้างความหวังให้กับสังคมได้ และหากพรรคก้าวไกลยังดึงดันความคิดอุดมการณ์ของตัวเองหากได้อำนาจรัฐไปก็จะนำประเทศไปสู่ความขัดแย้งอย่างรุนแรง

สิ่งที่เศรษฐาพูดอย่างชัดเจนในการแถลงนโยบายก็คือรัฐบาลนี้จะยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์และจะไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 1 และหมวด 2 ซึ่งเป็นการแสดงตัวอย่างชัดเจนที่จะยืนอยู่ตรงข้ามกับอุดมการณ์ของพรรคก้าวไกล เพราะการลดทอนบทบาทและสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่สามารถทำได้ถ้าไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด1 และหมวด 2 ซึ่งเห็นได้ว่าพรรคก้าวไกลและแนวร่วมของพวกเขาพยายามรุกคืบไปสู่เป้าหมายนี้

ทางเดียวที่พรรคก้าวไกลจะไปสู่เป้าหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไม่ให้เหมือนเดิมตามที่พวกเขาได้ประกาศเอาไว้นั้นก็คือ ต้องชนะให้ได้เสียงข้างมากโดยพรรคการเมืองเดียวเท่านั้น แม้ดูเหมือนว่าแนวโน้มและทิศทางของสังคมที่สามารถครอบงำความคิดของคนรุ่นใหม่จะเอื้อต่อเป้าหมายของพรรคก้าวไกล แต่ทุกคนรู้ว่าก่อนที่พรรคก้าวไกลจะไปสู่ความเป้าหมายนั้นได้สิ่งที่จะตามมาก็คือความขัดแย้งและความรุนแรง ดังนั้นถ้ารัฐบาลเศรษฐาทำให้สังคมมีความหวังได้ก็เชื่อว่าจะสามารถเปลี่ยนใจชนชั้นกลางในเมืองที่หันไปสนับสนุนพรรคก้าวไกลให้เปลี่ยนใจได้ เพราะชนชั้นกลางต้องการชีวิตและการเป็นอยู่ที่ดีมากกว่าความวุ่นวาย

 แต่ถ้ารัฐบาลเศรษฐายังเต็มไปด้วยการแย่งชิงและแสวงหาผลประโยชน์เพื่อพวกพ้องเมื่อเจอกับความโดดเด่นของพรรคก้าวไกลในการแสดงบทบาทของฝ่ายค้าน คนส่วนใหญ่ก็จะไปฝากความหวังไว้กับพรรคก้าวไกลถึงวันนั้นประเทศไทยจะถูกเปลี่ยนแปลงรูปแบบอุดมการณ์ของรัฐไปอย่างที่ฝ่ายปฏิกษัตริย์นิยมต้องการอย่างแน่นอน

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น