ปิดท้ายสัปดาห์นี้...เพื่อให้พอได้รู้สึกดีๆ-สบายๆ เลยคงต้องขออนุญาตไปว่ากันเรื่องดีๆ เรื่องที่ออกไปในแนวสร้างสรรค์ อย่างเรื่อง “สันติภาพ” ในแนวรบยุโรปตะวันออกไว้สักเล็กๆ น้อยๆ เพราะเท่าที่รบกันมาเป็นปีๆ ระหว่างชาวสลาฟด้วยกันเอง อย่างชาวยูเครนและรัสเซีย ถ้าจะต้องลากยาวว์ว์ว์ต่อไปเรื่อยๆ จนกลายเป็น “Forever War” หรือสงครามที่มิมีวันรู้จบ ดังที่คุณพ่ออเมริกา-พันธมิตรยุโรปปรารถนาและต้องการ ดูๆ มันคงขัดกับหลักความเป็นไปได้อยู่พอสมควรทีเดียว...
เนื่องจากแม้อาจต้องรอจนกว่า “ชาวยูเครนคนสุดท้าย” ที่ถูกใช้เป็น “ตัวแทน” เป็น “เครื่องมือ” ของฝ่ายตะวันตกจะหมดเกลี้ยงไปจากประเทศ แต่สุดท้าย...ก็ย่อมคือสุดท้ายนั่นเอง!!! คือย่อมหมายถึงการสิ้นชาติ-สิ้นเผ่าพันธุ์ ชนิดไม่หลงเหลือประเทศยูเครนอยู่ในแผนที่หรือไม่? อย่างไร? ก็ยังมิอาจสรุปได้ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว...ไม่น่าจะไปไกล ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มีไปถึงขั้นนั้น เพราะแค่ลากยาวว์ว์ว์ไปถึงช่วง “เลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา” ภายในปีหน้า ทุกสิ่งทุกอย่าง...ก็อาจปิดฉาก ปิดกล่องดื้อๆ เอาเลยก็ไม่แน่ โดยเฉพาะถ้าหากคู่แข่ง คู่ชิงประธานาธิบดีแห่งพรรครีพับลิกัน อย่าง “ทรัมป์บ้า” ไม่ถึงกับต้องติดคุก ติดตะราง ไปซะก่อน โอกาสที่จะมาแรง-แซงโค้ง หวนกลับมาเป็นประธานาธิบดีอเมริการอบใหม่ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย เฉพาะแค่ “คะแนนนิยม” จากการสำรวจความคิด-ความเห็นของบรรดาอเมริกันชนเที่ยวแล้ว เที่ยวเล่า ก็ยังพอสะท้อนให้เห็น ว่าอดีตประธานาธิบดีผู้นี้ มีสิทธิ์ที่จะ “นอนมา” โดยไม่ต้องมี “พระสวดนำหน้า” เอาเลยก็เป็นได้ ขณะที่ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน อย่างคุณปู่ “โจ ซึมเซา” ยิ่งออกอาการ “เอ๋อ” ออกอาการเลอะๆ เลือนๆ ยิ่งเข้าไปทุกที ชนิดที่บรรดาอเมริกันชนโดยส่วนใหญ่เกือบ 70-80 เปอร์เซ็นต์ ต่างเห็นพ้องต้องกันโดยมิได้นัดหมาย ว่าออกจะ “แก่เกินแกง” หรือเกินกว่าจะทู่ซี้เป็นประธานาธิบดี เป็นประมุขโลก ต่อไปอีกแล้ว...
ภายใต้แนวโน้มเช่นนี้นี่แหละ...ที่ทำให้แม้แต่นักคิด นักวิชาการ ที่เคยยุ เคยเชียร์รัฐบาลยูเครนระดับ “ตัวพ่อ” เอาเลยก็ว่าได้อย่าง “นายPhillips Payson O’Brien” ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัย “St. Andrews” ถึงกับออกมาวิเคราะห์ วิพากษ์-วิจารณ์ ว่าไม่เพียงแต่อาจเกิดการปิดฉาก-ปิดกล่อง “สงครามยูเครน” ภายใน 24 ชั่วโมง หลังจาก “ทรัมป์บ้า” หวนกลับมาเป็นประธานาธิบดีรอบใหม่เท่านั้น แต่ยังอาจส่งผลให้ “NATO ทั้ง NATO” เละเป็นขี้-เละเป็นโจ๊ก หรืออาจถึงขั้น “ล่มสลายภายในปี ค.ศ. 2025” เอาเลยก็ไม่แน่!!!เพราะด้วยความพ้นยุค พ้นสมัย ด้วยอาการ “สมองตาย” ขององค์กรพันธมิตรทางทหารรายนี้ ตามทัศนคติที่อดีตประธานาธิบดีอเมริกันอย่าง “ทรัมป์บ้า” เคยย้ำแล้ว ย้ำเล่า เอาไว้หลายครั้ง หลายหน...
อีกทั้งในหมู่พันธมิตรชาวยุโรป...ก็ไม่ได้ถึงกับประทับจิต-ประทับใจกับองค์กรดังกล่าวอะไรมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้นำฝรั่งเศส ผู้นำเยอรมนี ต่างก็เคยคิดก่อตั้งองค์กรความร่วมมือทางทหารของตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบริการ หรือต้องยอมเป็น “พรมเช็ดเท้า” ของคุณพ่ออเมริกาอีกต่อไป ยิ่งเมื่อ “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครน ออกอาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไม่อาจโจมตี-ตอบโต้ยึดคืนดินแดนกลับมาจากรัสเซียดังที่เคยได้ “สมรักษ์ คำสิงห์” (โม้) เอาไว้ แถมยังผลาญเงินผลาญอาวุธยุทโธปกรณ์ จนทั้งเงิน ทั้งอาวุธ ของบรรดาชาติยุโรปทั้งหลาย แทบเกลี้ยงคลัง เกลี้ยงสต๊อก หรืออย่างที่รัฐมนตรีกลาโหมยูเครนผู้ที่เพิ่งถูกประธานาธิบดี “ถีบทิ้ง” ไปหมาดๆ “นายAleksey Reznikov” ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว “Ukrinform” ไปเมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมานั่นแหละว่า ในแต่ละวันรัฐบาลและกองทัพยูเครนต้องใช้เงินในการสู้กับรัสเซียไม่น้อยกว่าวันละ 100 ล้านดอลลาร์ แถมยอมรับว่าคงต้องมีการ “รั่วไหล” อยู่มั่งเป็นธรรมดา อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เองที่ทำให้บรรดาชาติยุโรป หรือชาติพันธมิตร “NATO” ทั้งหลาย ชักเริ่มเอือมระอา เริ่มเหี่ยวปลาย ไม่ได้กระเหี้ยนกระหือรือ ไม่คิดจะ “กระหายสงคราม” กันมากมายสักเท่าไหร่นัก เห็นได้จากกรณีที่รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส “นางCatherine Colonna” ได้ออกมายอมรับว่า การสร้าง “หลักประกัน” ให้กับความมั่นคงของรัสเซีย ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบรรดาประเทศในยุโรปที่จะต้องร่วมกันแสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ หลังจากสงครามยูเครนได้ยุติลงไปแล้ว หรือคงต้องยอมรับการ “ดำรงอยู่” ของประเทศรัสเซีย โดยมิอาจจมอยู่กับโรค “Russophobia” ได้อีกต่อไป...
ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้ “ขบวนการสันติภาพ” ที่ยังไม่คิดจะลด-ละ-เลิก หรือบรรดาผู้ที่ปรารถนาและต้องการสันติภาพหวังจะให้ทุกสิ่งทุกอย่าง “แฮปปี้เอ็นดิ้ง” กันในขั้นตอนสุดท้ายลงไปให้จงได้ ไม่ว่าจะเป็นพญามังกรจีน บรรดาผู้นำชาติต่างๆ ในแอฟริกา ไปจนถึงสำนักวาติกันและคุณพี่ไก่งวงตุรกี-ตุรเคีย ที่ขันอาสาจะกลับเข้ามาเป็น “ตัวกลาง” ครั้งใหม่ในการเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครน-รัสเซีย จึงเป็นอะไรที่คึกๆ คักๆ ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ สำหรับจีนนั้น...หลังจากตัวแทนสันติภาพอย่าง “นายLi Hui” อดีตทูตจีนประจำรัสเซียและตัวแทนรัฐบาลในกิจการยูเรเชียน ได้เดินสายไปเยือนยูเครน-รัสเซีย รวมทั้งบรรดาชาติต่างๆ ในยุโรปเที่ยวแล้ว เที่ยวเล่า มาบัดนี้...แม้ยังไม่ถึงกับมีข่าวคราวคืบหน้าอะไรมาก อาจเพราะโดย “สไตล์” ของพญามังกรท่านถนัดในการลอด-เลื้อย-โอบกระหวัด-รัดพัน หรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่จะว่ากันไป แต่โดย “ผลงาน” ที่สามารถทำให้ 2 พี่เบิ้มใหญ่แห่งตะวันออกกลาง อย่างซาอุดีอาระเบียและอิหร่าน หันมาจูบปากแทนที่จะถีบกันไป-กันมาเหมือนแต่ก่อน ก็ยังถือว่ามี “น้ำหนัก” มีความสำคัญต่อกระบวนการสันติภาพอย่างมิอาจดูเบาได้เลย...
ขณะที่ชาติแอฟริกานั้น...แม้ว่าข้อเสนอในแต่ละเรื่อง แต่ละกรณี จะได้รับการปฏิเสธจากทั้งฝั่งยูเครนและรัสเซีย แต่ความปรารถนาที่อยากจะเห็นการเดินหน้าของกระบวนการสันติภาพ อันจะเป็นตัวช่วยลดแรงกดดันต่างๆ กับโลกทั้งโลก รวมทั้งกับชาติแอฟริกาอีกด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ หรือเรื่องแรงกดดันจากชาติมหาอำนาจให้ต้อง “เลือกข้าง” ก็ตามอย่างน้อย...ก็ต้องถือเป็นพลังสนับสนุนต่อกระบวนการดังกล่าวอย่างมิอาจปฏิเสธได้ จนทำให้แม้แต่ประเทศไก่งวงตุรเคียที่เคยประสบความล้มเหลวในการรับบทเป็น “ตัวกลาง” ก่อนหน้านั้น หรือเคยจูงมือยูเครนให้ร่วมนั่งโต๊ะเจรจากับรัสเซียจนหวิดๆ จะตกลงกันได้ ถ้าหากไม่ถูกคุณพ่ออเมริกาและสุนัขพูเดิลอังกฤษ เข้ามาแทรกแซง ขัดขวาง และยุแยงตะแคงรั่ว ส่งผลให้ฝ่ายยูเครนเลยต้องสะบัดตูดลุกจากโต๊ะเจรจาไปจนได้ แต่ด้วยความคึกคัก ความมีชีวิต ชีวา ของการหามุมจบในแบบ “แฮปปี้เอ็นดิ้ง” นั่นเอง ที่ทำให้ผู้นำตุรเคีย ประธานาธิบดี “Recep Tayyip Erdogan” ท่านเลยขันอาสาเป็น “ตัวกลาง” กันอีกรอบ ระหว่างการพบปะกับผู้นำรัสเซีย ที่เมืองตากอากาศโซชิ ประเทศรัสเซีย เมื่อไม่กี่วันมานี้...
ส่วนที่ลงทุน ลงแรง ทุ่มทุน ทุ่มเทกันไปมิใช่น้อย...ก็น่าจะได้แก่ประมุขสูงสุดทางจิตวิญญาณแห่งศาสนจักรคาทอลิกอย่างพระสันตะปาปา “Francis” ผู้นี้นี่เอง ที่ได้ดำรงความมุ่งมั่น ความเพียรพยายามอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดเพื่อหวังให้เกิดจุดจบ มุมจบ สำหรับความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซียให้จงได้ แม้ว่าการเอ่ยปากยกย่อง ชมเชย ต่อประวัติศาสตร์ความเป็นมาของประเทศรัสเซีย หรือของพระจักรพรรดิปีเตอร์และแคทเธอรีนมหาราช ต่อบรรดายุวชนคาทอลิกรัสเซีย ณ กรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเมื่อช่วงวันศุกร์ (1 ก.ย.) ที่ผ่านมา จะส่งผลให้ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน อย่าง “นายMikhail Podoliak” ออกอาการ “ฉุนเต่า” ถึงขั้นกล่าวหาว่าพระสันตะปาปากลายเป็น “เครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อ” ของรัสเซียไปแล้ว แต่ด้วยความมุ่งมั่น ความพยายาม และด้วย “หัวใจบริสุทธิ์” ซะอย่าง การส่งพระคาร์ดินัล “Matteo Zuppi” ประธานคณะบิชอปชาวอิตาเลียน ออกเดินสายไปเยือนทั้งยูเครน-รัสเซีย เลยไปถึงจีนและอเมริกา อย่างไม่คิดจะเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้าเอาเลยแม้แต่น้อย ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นบางอย่าง บางประการ ดังที่ประธานาธิบดีฮังการี “นางKatalin Novak” ได้ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชน หลังจากได้เดินทางไปพบกับพระสันตะปาปาเมื่อไม่นานมานี้ ว่าสำนักวาติกันค่อนข้างเชื่อว่าการบรรลุเป้าหมายปลายทางแห่งสันติภาพระหว่างยูเครน-รัสเซีย กำลังใกล้เข้ามาในทุกขณะ...
สรุปเอาเป็นว่า...แม้ว่าโดยสีสันบรรยากาศภายนอก มันอาจดูน่าเกลียด น่ากลัว อยู่บ้างตามสมควร หรืออย่างที่รองผู้แทนรัสเซียประจำยูเอ็น “นายDmitry Polyansky” ได้ออกมาเตือนว่า “อัตราเสี่ยง” ในการเผชิญหน้าโดยตรงระหว่าง “รัสเซีย-NATO” กำลังเพิ่มสูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ชนิดถึงขั้นต้องนำเอาขีปนาวุธนิวเคลียร์ไฮเปอร์โซนิกมาติดตั้งประจำการกันเห็นๆ แต่ภายใต้ความเสื่อมโทรม ทรุดโทรม ของพวก “โลกขั้วอำนาจเดียว” และ “ความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง” ไม่ใช่แค่ติดๆ-ขัดๆ เท่านั้นในการโจมตี-ตอบโต้การยึดคืนดินแดนของกองทัพยูเครน ที่ผู้นำรัสเซียประธานาธิบดี “ปูติน” ท่านออกมาเปิดเผยด้วยความมั่นอก-มั่นใจเมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา (4 ก.ย.) โอกาสที่จะนำไปสู่ความ “แฮปปี้เอ็นดิ้ง” ในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกลนับจากนี้ ไม่ถึงกับต้อง “ลากยาวว์ว์ว์” จนกลายเป็น “Forever War” หรือไม่ต้องสู้รบปรบมือไปจนกว่าไม่เหลือ “ชาวยูเครนคนสุดท้าย” ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย!!!