xs
xsm
sm
md
lg

ความคาดหวังจากรัฐบาลเศรษฐา เพื่อรับกับความแรงของพรรคก้าวไกล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ

 ผมเห็นฝ่ายอนุรักษนิยมบางคนทำใจไม่ได้ที่รัฐบาลของทักษิณกลับมามีอำนาจ บางคนทำใจได้เพราะเห็นว่าดีกว่าให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลและมองเห็นความจำเป็นที่ต้องจับมือกับพรรคของทักษิณเพราะวันนี้พรรคฝ่ายอนุรักษนิยมไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะต้านทานพลังของพรรคก้าวไกลได้


แต่ที่กลัวเหมือนกันก็คือการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคก้าวไกลจะชนะถล่มทลายถึงวันนั้นก็ยากที่จะต้านทานได้ หลายคนบอกว่าควรปล่อยให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลเที่ยวนี้ เพราะเชื่อว่านโยบายหลายอย่างของพรรคก้าวไกลไม่สามารถทำได้จริง และบุคลากรของพรรคหลายคนไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานมาก่อนสุดท้ายแล้วน่าจะประสบความล้มเหลวและจะพังไปเองในที่สุด แต่ก็มีคนเห็นต่างๆว่า ไม่ควรเอาประเทศไปเสี่ยงกับรัฐบาลฝึกหัดผลเสียจะเกิดขึ้นมากกว่า

ส่วนพรรคก้าวไกลแม้ว่าไม่ได้เป็นรัฐบาลเที่ยวนี้ทั้งที่เป็นพรรคอันดับ 1 แต่พรรคก้าวไกลก็น่าจะรอได้และหวังผลครั้งหน้าว่าพวกเขาจะชนะถล่มทลาย วันนั้นไม่มีส.ว.เลือกนายกฯ แล้ว อะไรก็ยากจะต้านทานพรรคก้าวไกลได้

จนหลายคนหวั่นไหวว่า หากพรรคก้าวไกลได้เสียงข้างมากและจัดตั้งรัฐบาลได้ในการเลือกตั้งครั้งหน้าประเทศไทยจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างที่พวกเขาประกาศไว้ ที่สำคัญก็คือ การท้าทายต่อการดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่พรรคก้าวไกลชัดเจนว่า สนับสนุนข้อเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์และการยกเลิกมาตรา 112 และเขียนกฎหมายใหม่ที่โทษดูหมิ่น หมิ่นประมาท และอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์มีโทษที่เบามากและเบากว่าโทรดูหมิ่นหมิ่นประมาทคนธรรมดาในกฎหมายปัจจุบัน

แม้ว่าถ้าพรรคก้าวไกลได้อำนาจรัฐแล้ว ก็ใช่จะทำอย่างที่ใจปรารถนาได้ง่าย เพราะฝ่ายความมั่นคงและเครือข่ายอำนาจหลักของสังคมไทยคงจะไม่ยอมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ แต่ก็จะต้องเผชิญหน้ากันระหว่างอำนาจที่ได้รับจากประชาชนและอำนาจที่เป็นรากเหง้าและโครงสร้างดั้งเดิมของสังคมไทย และมีมวลชนจำนวนไม่น้อยที่เป็นพลังที่เข้มแข็งของฝ่ายอนุรักษนิยมที่พร้อมจะออกมาต่อต้านและสุดท้ายอาจเกิดการเผชิญหน้ากันของมวลชนสองฝ่าย เกิดเป็นความรุนแรงอีกครั้ง

ไม่ว่าฝ่ายไหนจะชนะแต่สิ่งที่จะตามมาก็คือการสูญเสียและโศกนาฏกรรม

 เห็นได้ชัดว่าพรรคก้าวไกลมีความมุ่งหมายที่จะปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์มาก แม้ว่าส.ว.หลายคนประกาศว่าจะสนับสนุนพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าไม่แก้ไขมาตรา 112 แต่พิธาก็ยืนกรานว่าจะต้องแก้ไขมาตรา 112 ตามแนวทางของพรรคก้าวไกลและยอมทิ้งโอกาสการเป็นนายกรัฐมนตรีไป

สิ่งที่พวกเขาคิดและมุ่งหวังก็คือ วันเวลาข้างหน้าเป็นของพวกเขา พวกเขาสามารถรอได้ และเชื่อว่าสุดท้ายแล้วพรรคของพวกเขาจะชนะเลือกตั้งและได้เสียงข้างมากในอนาคตที่ไม่ยาวไกล

ต้องยอมรับว่า ชัยชนะของพรรคก้าวไกลในครั้งนี้มาจากประชาชนจำนวนมากเบื่อการอยู่ใต้รัฐบาล 3 ป.และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 9 ปี แม้ฝ่ายที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์จะชี้ให้เห็นว่า 9 ปีของพล.อ.ประยุทธ์นั้นมีผลงานมากมายที่ได้ทำไว้ แต่ก็ไม่สามารถต้านทานเสียงส่วนใหญ่ที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงได้ พ่ายแพ้สงครามไอโอและการยึดกุมโซเชียลมีเดีย คนจำนวนหนึ่งจึงหันไปเลือกฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลลุงและเมื่อประสานเสียงกับคนรุ่นใหม่ที่เป็นผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลเกือบทั้งเจนเนอเรชั่นก็ทำให้พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายชนะพรรคเพื่อไทยไปอย่างเหนือความคาดหมาย

แต่ส่วนตัวผมกลับมองว่า ความมุ่งหวังจะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสังคมไทยของพรรคก้าวไกลอาจจะไม่ง่ายอย่างนั้น และยังยืนยันว่าพรรคก้าวไกลยังยากที่จะได้เป็นรัฐบาลของประเทศนี้ในอนาคตอันใกล้ เพราะไม่เชื่อว่า พรรคก้าวไกลจะชนะเลือกตั้งได้เสียงข้างมากจนสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ในเร็ววันหรือจนกว่าคนรุ่นเบบี้บูมจะล้มหายตายจากไปหมดก่อน

 เพราะผมคิดว่า การเลือกตั้งครั้งนี้และการแสดงออกของพรรคก้าวไกลนั้นชัดเจนว่า ต้องการการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสังคมไทยที่จะกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นที่เคารพของสังคมไทยจำนวนหนึ่ง คนที่เลือกพรรคก้าวไกลเพราะอารมณ์เบื่อรัฐบาลลุงจำนวนไม่น้อยเริ่มตั้งคำถามว่า นอกจากต้องการได้อำนาจรัฐเข้ามาบริหารประเทศแล้ว พรรคก้าวไกลมีจุดมุ่งหมายที่แท้จริงคืออะไรกันแน่ ทำไมจึงยอมทิ้งนโยบายต่างๆ เพียงเพื่อต้องการแก้ไขมาตรา 112

 ที่สำคัญก็คือ คนจำนวนมากเริ่มตั้งคำถามว่า พรรคก้าวไกลมีปัญหาอะไรหนักหนากับสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งที่สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมือง และทำไมจึงให้ท้ายคนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่งที่กล่าวหาให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยความหยาบคาย

คนจำนวนไม่น้อยที่เลือกพรรคก้าวไกลในครั้งนี้เริ่มมองเห็นว่า สิ่งที่ตามมาหากพรรคก้าวไกลได้อำนาจรัฐก็คือความขัดแย้งของคนไทยในชาติที่ส่วนใหญ่ยังคงจงรักภักดีและศรัทธาต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ คนที่ไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งก็อาจจะไม่เลือกพรรคก้าวไกลอีกในการเลือกตั้งครั้งหน้า

แต่ก็ฝากความหวังไว้กับรัฐบาลเพื่อไทยที่มี เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ว่าจะมีความสามารถที่จะสร้างความหวังให้กับสังคมไทยได้แค่ไหน และหากสามารถนำพาประเทศชาติผ่านสถานการณ์ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจไปได้ด้วยดี คนก็จะไม่กลับไปเลือกพรรคที่อาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในชาติ

นอกจากนั้นการเปิดตัวมาของพรรคก้าวไกลหลายคนในช่วงที่พิธาฝันว่าเขาจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีและเที่ยวเรียกหน่วยงานต่างๆ มารับนโยบายนั้น คนส่วนใหญ่เห็นว่า พรรคก้าวไกลไม่มีความพร้อมและมีบุคลากรที่มีความสามารถมากพอ คนที่พรรคก้าวไกลเลือกเข้ามานั้นมีประวัติด่างพร้อย เช่น อดีตส.ส.ระยองที่เคยเป็นพวกชิงทรัพย์มาก่อน หลายคนได้เป็นส.ส.โดยคนเลือกเองก็ไม่เคยตรวจสอบประวัติความรู้ความสามารถและความเป็นมา แต่เลือกกันเพราะกระแสของพรรคก้าวไกล

พอ ศิริกัญญา ตันสกุล ที่พรรควางตัวให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยแนวคิดและวิสัยทัศน์ออกมาก็ทำให้คนในวงการธุรกิจเกิดความไม่มั่นใจว่านี่หรือคนที่จะมาเป็นขุนคลังของประเทศ หรือแม้พิธาเองก็เป็นเพียงคนที่พูดเก่ง แต่ล้มเหลวในการบริหารธุรกิจของครอบครัวมาก่อน มองไปที่คนอื่นในพรรคก็เป็นพวกอ่อนด้อยประสบการณ์กันหมด

วันนี้พรรคเพื่อไทยของทักษิณก็หลีกเลี่ยงไม่พ้นแล้วว่าหากต้องการอำนาจรัฐอุปสรรคที่ท้าทายพรรคของทักษิณมากที่สุดก็คือพรรคก้าวไกล ไม่ใช่พลังของฝ่ายอนุรักษนิยม การได้อำนาจรัฐครั้งนี้ของพรรคของทักษิณจึงเป็นโอกาสที่จะพิสูจน์ว่าสามารถจะทำให้คนไทยจำนวนหนึ่งที่เคยสนับสนุนพรรคเพื่อไทยและหันไปสนับสนุนพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมากลับมานิยมพรรคเพื่อไทยได้อีกหรือไม่ ทำให้คนฝ่ายอนุรักษนิยมหายเกลียดชังได้หรือไม่ และสิ่งที่เศรษฐาต้องระวังก็คือ การใช้อำนาจอย่างโปร่งใสเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยอย่างรัฐบาลทักษิณและรัฐบาลยิ่งลักษณ์เคยกระทำมาก่อน

 พูดตรงๆ ว่า รัฐบาลเศรษฐาจะต้องไม่ใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลแบบที่เคยเกิดขึ้นในยุครัฐบาลทักษิณและยิ่งลักษณ์ที่ทำให้มวลชนออกมาขับไล่จนกลายมาเป็นชนวนความขัดแย้งแตกแยกของคนในสังคมไทย

ต้องยอมรับว่าในท่ามกลางความอ่อนแอของฝ่ายอนุรักษนิยมก็ต้องพึ่งพาพรรคของทักษิณนี่แหละในการรับมือกับพรรคก้าวไกล แต่อุปสรรคสำคัญที่สุดก็คือทำอย่างไรให้คนรุ่นใหม่และคนชั้นกลางจำนวนมากที่กลายเป็นพลังของพรรคก้าวไกลตระหนักว่า แนวทางของพรรคก้าวไกลนั้นนำประเทศไปสู่ความขัดแย้งและความสุ่มเสี่ยงเพื่อเปลี่ยนใจพวกเขาให้ตระหนักว่า ความมุ่งหวังที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศแบบทำลายโครงสร้างและรากเหง้าของสังคมไทยแบบพรรคก้าวไกลนั้นไม่ใช่ทางออกที่แท้จริง

รัฐบาลเศรษฐาที่เป็นรัฐบาลที่สลายขั้วความขัดแย้งจึงอาจจะเป็นปราการด่านสุดท้ายของสังคมไทยที่จะรับมือกับการเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฝ่ามือของพรรคก้าวไกล โดยต้องนำพาและบริหารประเทศไปตามครรลองคลองธรรมให้คนส่วนใหญ่เห็นถึงความมุ่งหวังที่จะนำประเทศไปสู่ความรุ่งโรจน์และยึดถือผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่เป็นที่ตั้ง เพื่อทำให้คนส่วนใหญ่เห็นว่า ประเทศไทยยังสามารถเป็นความหวังให้กับคนทุกรุ่นได้

 นี่อาจเป็นทางออกเดียวที่จะต้านทานการทำสงครามชวนเชื่อของพรรคก้าวไกลที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสังคมไทย เปลี่ยนแปลงปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ และป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงขึ้นในสังคมไทย


กำลังโหลดความคิดเห็น