เอาเป็นว่า...ถึงแม้ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ณ ช่วงระหว่างนี้...จะเต็มไปด้วยความปวดเศียรเวียนเกล้า อันเนื่องมาจากยังควานหา “นายกฯ คนที่ 30” ยังไม่เจอ แต่ถ้าลองเปิด “กะลาครอบ” ออกไปสำรวจความเป็นไปของโลก เผลอๆ...อาจเส้นโลหิตในสมองแตก หรือประสาทรับประทานเอาง่ายๆ!!! ด้วยเหตุเพราะความโกลาหล อลหม่าน ที่น่าจะหนักหนา-สาหัสกว่าบ้านเราไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยเท่า...
ไล่มาตั้งแต่ความสับสนอลหม่านแถวๆ แอฟริกาตะวันตก ที่อาจกลายเป็น “แนวรบแนวใหม่” อย่างที่ว่าไว้เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา มาถึงทุกวันนี้...ก็ยังไม่ได้คลี่คลาย ผ่อนคลายเอาเลยแม้แต่น้อย หลังเกิดการ “รัฐประหาร” ในประเทศไนเจอร์ ถ้าว่ากันตาม “รายงานข่าว” ของสำนักข่าว “RFI” แห่งฝรั่งเศส ที่อ้างแหล่งข่าว “เจ้าหน้าที่ระดับสูง” แห่งประเทศไนจีเรียประเทศที่ดำรงฐานะเป็นประธานกลุ่มก้อน องค์กร ที่เรียกย่อๆ ว่า “ECOWAS” หรือชุมชนเศรษฐกิจแห่งประเทศแอฟริกาตะวันตก ว่ากันว่า...กำลัง “ระดมพล” อันประกอบไปด้วยทวยทหารนับพันๆ คน เตรียมบุกเข้า “แทรกแซง” เตรียมโจมตีรัฐบาลรัฐประหารของไนเจอร์ หลังจากพ้น “เส้นตาย” ที่ให้ปลดปล่อยและมอบคืนอำนาจต่อประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้ง “นายMohamed Bazoum” โดยอาจต้องเจอกับการตอบโต้ของบรรดาทหารประเทศมาลีและบูร์กินาฟาโซ ที่ต่างผ่านการรัฐประหารมาด้วยกันทั้งสิ้น หรือไม่? อย่างไร? ก็ยากจะคาดเดาได้ เผลอๆ...อาจต้องเจอกับบรรดาทหารรับจ้างรัสเซีย หรือพวก “Wagner Group” เอาเลยก็ไม่แน่!!! แม้ว่า “คุณป้ามหาภัย” แห่งอเมริกา “นางVictoria Nuland” รองรัฐมนตรีต่างประเทศที่เคยเป็นผู้วางแผนการ “ปฏิวัติสี” ในยูเครน จะบินด่วนไป “ขู่” หรือไป “เตือน” รัฐบาลรัฐประหารไนเจอร์กันถึงที่ แต่ก็อย่างที่สรุปไว้แล้วนั่นแหละว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่โลกตะวันตก หรือพวก “โลกขั้วอำนาจเดียว” เกิดพลาดพลั้ง พลาดท่า ย่อมก่อให้เกิดทางออก หรือ “ทางเลือก” สำหรับบรรดาประเทศที่พร้อมจะเพรียกหา “โลกหลายขั้วอำนาจ” แบบฉับพลัน ทันที
ส่วน “แนวรบตะวันออกกลาง” ที่เริ่มผ่อนๆ คลายๆ หลังจาก 2 พี่เบิ้มที่เคยเป็น “คู่กัด-คู่อาฆาต” อย่างซาอุดีอาระเบียและอิหร่านหันมา “จูบปาก” โดยไม่จำเป็นต้องคิดว่า “มีลุง-ไม่มีเรา” อีกต่อไป แต่จู่ๆ...คุณพ่ออเมริกาที่แทบไม่เหลือบทบาทใดๆ ให้เล่นมากมายสักเท่าไหร่ในแถบตะวันออกกลาง กลับระดมทหาร 3,000 คนส่งเข้าไปในเขต “ทะเลแดง” แม้อาจถือเป็นแค่การ “เบ่งกล้าม-โชว์พาว” หลังจากเรือน้ำมันถูกอิหร่านยึดลำแล้ว ลำเล่า แต่ความพยายามยื่นบัตรสมาชิกสมาคมเสือกกิตติมศักดิ์ต่อ “กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม” ของอิหร่าน ที่ออกจะ “ดุ” เอาเรื่อง แม้มีแค่ “เรือตรวจการณ์” แต่ดันติด “ขีปนาวุธ” เอาไว้แทบทุกลำ โอกาสที่จะเกิด “อุบัติเหตุ” อันเนื่องมาจากการเฉียดกันไป-เฉียดกันมาก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย
สำหรับ “แนวรบยุโรปตะวันออก” นั้น...คงแทบไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง เพราะการสาดจรวด สาดเครื่องบินโดรนใส่กันและกันระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ส่งผลให้ต้องเปียกไปด้วยกันทั้งคู่ หรือเลือดสาดไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย อีกทั้งผู้ที่ไม่คิดจะเปียกแต่พร้อมยุแยงตะแคงรั่ว ให้ชาวสลาฟยูเครนห้ำหั่นกับชาวสลาฟรัสเซีย จนกว่าจะไม่เหลือ “ชาวยูเครนคนสุดท้าย” อย่างคุณพ่ออเมริกาของหมู่เฮาทั้งหลาย แม้มีข่าวว่าชักเริ่มเบื่อหน้า เหม็นขี้หน้า ผู้นำยูเครนอย่าง “นายVolodymyr Zelensky” ขึ้นมามั่งแล้ว ด้วยเหตุเพราะคำพูด หรือแนวคิด ที่อาจไม่ตรงตามไปด้วยกันทั้งหมด แต่ความพยายามบั่นทอนศักยภาพของมหาอำนาจคู่แข่งอย่างรัสเซีย ให้อ่อนล้าที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ก็ยังเป็นเข็มมุ่งเป็น “ยุทธศาสตร์” ของ “โลกขั้วอำนาจเดียว” ที่ยากจะลด-ละ-เลิกเอาง่ายๆ โอกาสที่สงครามความขัดแย้ง จะลากยาวว์ว์ว์เป็นปีๆ หรือจนกว่าฝ่ายหนึ่ง-ฝ่ายใดจะฉิบหายกันไปข้าง จึงมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...
แต่ที่น่าคิด น่าสะกิดใจ และน่า “หนักใจ” เอามากๆ...เห็นจะเป็น “แนวรบทะเลจีนใต้” ใกล้ๆ บ้านเรานั่นแหละทั่น!!! ที่นับวันจะเคร่งขมึงตึงเครียดหนักยิ่งเข้าไปทุกที อันเนื่องมาจากการผงาดขึ้นมามีบทบาทของ “พญามังกรจีน” ในทุกวันนี้ ได้สร้างความอกสั่น ขวัญแขวน ให้กับ “ประมุขโลก” อย่างอเมริกาและบรรดาอเมริกันชนทั้งหลาย อย่างชนิดยากจะทำความเข้าใจกันได้ง่ายๆ หรือมีแต่ต้องฉิบหายกันไปข้างไม่ต่างไปจากหมีขาวรัสเซียนั่นแล ไม่ว่าจะเป็น “นักการเมือง” ทั้งรีพับลิกันและเดโมแครต ต่างก็เห็นคุณพี่จีนเป็น “ศัตรู” ไปด้วยกันทั้งนั้น ถึงขั้นบรรดาผู้สมัครเป็นตัวแทนชิงตำแหน่งประธานาธิบดีปีหน้าของพรรครีพับลิกันไม่ว่า “นายRon De Santis” “นางNikki Haley” ไปจนถึง “ทรัมป์บ้า” ฯลฯ ต่างหันมาหาเสียงด้วยการคิดจะ “แก้มาตรา 112” (ประทานโทษ) ด้วยการคิดจะเล่นงานคุณพี่จีนไปด้วยกันทั้งสิ้น!!!
อีกทั้งบรรดาอเมริกันชนที่ถูก “สื่อ” ถูก “นักการเมือง” ล้างสมองจนกลายเป็นก้อนเต้าหู้ไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งปวง ก็ยังเห็นว่าจีนนี่แหละคือ “ภัยคุกคาม” ที่ร้ายแรงที่สุดของอเมริกา หนักเสียยิ่งกว่ารัสเซียไปแล้วถึงขั้นนั้น ถ้าว่ากันตามผลวิจัยของสำนัก “Pew Research Center” เมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา คือขณะที่รัสเซียถูกถือเป็นภัยคุกคามแค่ 17 เปอร์เซ็นต์แต่สำหรับจีนปาเข้าไปถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ด้วยเหตุนี้...จึงไม่ถือเป็นเรื่องแปลกที่รัฐบาลคุณปู่ “โจ ซึมเซา” เลยไหลไปตามกระแสเตรียมเสนอให้สภาคองเกรสอนุมัติส่วนเสริมของงบฯ ช่วยเหลือยูเครน นั่นคือการช่วยเหลือทางทหารให้กับไต้หวันด้วยมูลค่าถึง 345 ล้านดอลลาร์ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือด้านการป้องกัน การศึกษา-ฝึกอบรม การส่งผู้เชี่ยวชาญด้านระบบต่อต้านทางอากาศแบบเคลื่อนย้ายได้ การข่าวกรองและขีดความสามารถในการตรวจสอบ ดูแล การจัดหาอาวุธปืนใหญ่และจรวด ฯลฯ เพื่อให้ไต้หวันเกิดขีดความสามารถในการป้องกันตัวเองจากการโจมตีของจีน หรือให้เป็นไปตามแผนที่เรียกว่า “Porcupine Plan” อะไรประมาณนั้น...
ทั้งที่ก่อนหน้านั้น...ก็โหมขายอาวุธร้ายๆ อย่างจรวด HIMARS จรวด Harpoon จรวด SLAM-ER รถถัง M1A2 ไปจนถึงเครื่องบินรบ F-16V จนไต้หวันเต็มไปด้วยหนามแหลมยิ่งกว่าขนเม่นไปแล้วก็ว่าได้ แต่ก็ด้วยความมุ่งมั่น พยายาม ที่จะทำให้ไต้หวันกลายเป็น “ยูเครน 2” ให้จงได้!!! กระบวนการยุแหย่ ปลุกกระตุ้น ด้วยกรรมวิธีต่างๆ จึงดำเนินมาโดยตลอดและนับวันจะเข้มข้นยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แต่เฉพาะการสร้างความฉุนฉิว กริ้วโกรธ ให้กับคุณพี่จีน ด้วยการเตรียมเลี้ยงดู ปูเสื่อ รับรองการเดินทางมาเยือนอเมริกา ของว่าที่ผู้สมัครประธานาธิบดีไต้หวันคนใหม่ “นายLai Ching-Te” หรือ “นายWilliam Lai” ในอีกไม่นาน-ไม่ช้านับจากนี้ ช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา (7 ส.ค.)พันธมิตรรายสำคัญ หรือ “พรมเช็ดเท้า” ของคุณพ่ออเมริกาในย่านนี้ อย่างคุณพี่ญี่ปุ่น-ยุ่นปี่ ก็ได้ส่งอดีตนายกรัฐมนตรี “นายTaro Aso” เดินทางไปเยือนไต้หวันและไปกล่าวปาฐกถา ณ เวที “Ketagalan Forum” ด้วยการประกาศว่า... “ญี่ปุ่นและอเมริกาจะต้องร่วมแสดงความมุ่งมั่นในการต่อต้านปักกิ่ง” อย่างเป็นระบบและกิจการ...
และอาจด้วยเหตุนี้ ด้วยบรรยากาศทำนองนี้นี่เอง...ที่ทำให้สำนักข่าว “Kyodo” เขาเลยออกข่าวว่าตั้งแต่ช่วง 3 ปีมาแล้วหรือตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2020 ผู้นำจีนประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ได้นำเสนอเอกสารรายงานต่อคณะกรรมการกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีน ว่าขณะที่ “โลกตะวันออก” กำลัง “ผงาด” ขึ้นมา และ “โลกตะวันตก” กำลัง “เสื่อม” ลงไป โอกาสเกิด “สงคราม” ระหว่างฝ่ายทั้งสองมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ หรือ “ความขัดแย้งระดับภูมิภาค (ไต้หวัน) อาจปะทุและขยายตัวออกไป” กองทัพจีนจึงต้อง “เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นและผลกระทบต่อเนื่องอย่างเป็นลูกโซ่” จริง-ไม่จริง...ก็แล้วแต่จะไปประเมินกันเอาเอง แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ด้วยความขมึงตึงเครียด ของโลกทั้งโลกช่วงนี้ ย่อมส่งผลให้ใครต่อใคร มีโอกาสที่จะเกิดอาการ “ประสาท...แ-ก” ได้ยิ่งกว่าเรื่องจิ๊บๆ จ๊อยๆ ในบ้านเราไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า...