“กระบวนการยุติธรรมของสหรัฐอเมริกาได้พิสูจน์ให้เห็นว่าไม่มีบุคคลใดอยู่เหนือกฎหมายแม้แต่ประธานาธิบดี” ฟังดูแล้วขึงขัง น่าเชื่อถือ
อดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ยอมลาออก ก่อนโดนถอดถอนและเผชิญคดีอาญาในข้อหาสมรู้ร่วมคิด ปกปิดเอกสาร ในกรณีวอเตอร์เกต ยุคปี 1970
นี่เป็นคำอ้างของบรรดานักการเมืองทั้งฝ่ายพรรครีพับลิกันและเดโมแครตหลังจากที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกดำเนินคดีอาญาเพิ่ม เป็นรอบที่ 4
และคงจะเป็นอดีตประธานาธิบดีคนแรกที่ถูกดำเนินคดีอย่างมากมาย และยังเป็นคู่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีซึ่งจะมีการเลือกตั้งในปีหน้า
โดยทั่วไปแล้วผู้ถูกดำเนินคดีอาญาไม่น่าจะได้รับความนิยมจากประชาชน แต่ไม่ใช่โดนัลด์ ทรัมป์แม้จะพ่ายแพ้การเลือกตั้งในปี 2020 ให้โจ ไบเดน ก็ยังไม่เสียความนิยมเพราะโจ ไบเดน ไม่ได้แสดงฝีมือให้เห็นว่าเก่งกว่าทรัมป์
แถมยังแสดงอาการเอ๋อ หลงๆ ลืมๆ ในงานหลายครั้ง สร้างความกระอักกระอ่วนให้ผู้นำพรรคเดโมแครตและพวกที่ลงคะแนนให้ทรัมป์
ในวัย 80 ปี ไบเดนยังประกาศว่าจะสู้ต่อ ทั้งที่คะแนนตามหลังทรัมป์ ฝ่ายพรรครีพับลิกันมองว่าไบเดนพยายามใช้อำนาจรัฐและกฎหมายเป็นอาวุธกำจัดคู่แข่ง
จากการทำโพลสำรวจความคิดเห็นของคนอเมริกันครั้งล่าสุด ทรัมป์ ยังมีความนิยมเหนือกว่าคู่แข่งเด่นคนถัดไปคือผู้ว่าการมลรัฐฟลอริดา รอน เดอซานติส ห่างกันแทบจะไม่ต้องลุ้นคู่ชิงรายอื่นในพรรคเดียวกันไม่มีมากถึง 6 เปอร์เซ็นต์และมีหลายคนไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ทรัมป์ยังไปได้แรง มีเงินสนับสนุนจากบริษัทต่างๆ
โพลล่าสุด เปรียบเทียบระหว่างคู่ชิงในพรรครีพับลิกัน แสดงให้เห็นว่าทรัมป์ได้คะแนน 53 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วย เดอซานติส ซึ่งมีเพียง 15 เปอร์เซ็นต์
ถัดมาเป็นนายวิเวก รามาสวามี ได้เพียง 6 เปอร์เซ็นต์ อดีตรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ได้เพียง 4 เปอร์เซ็นต์ เห็นได้ชัดว่าทรัมป์นั้นไร้คู่แข่ง
โอกาสที่เดอซานติสจะชนะก็ต่อเมื่อทรัมป์ต้องเข้าคุกเท่านั้น
แต่ก็น่าสงสัยว่า ถ้าผลสุดท้ายทรัมป์ถูกศาลตัดสินต้องติดคุกจะเกิดอะไรขึ้นคดีอาจต้องใช้เวลานาน ต้องสู้กันถึงที่สุด การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเดือนพฤศจิกายนปีหน้า
ถ้าไม่มีคดีไหนสิ้นสุด ทรัมป์ก็ยังไปต่อได้ แม้แต่อยู่ในคุก ทรัมป์ก็ยังมีสิทธิหาเสียงชิงตำแหน่งได้ ไม่มีกฎหมายห้าม เว้นแต่คดีจะโดนตัดสินโดยศาลสูง
เอาเป็นว่ายิ่งมีคดีเพิ่มมากเท่าไหร่ คะแนนนิยมของทรัมป์ยิ่งพุ่งสูงขึ้น
คดีของโดนัลด์ ทรัมป์ ล้วนแต่ร้ายแรงมีทั้งคดีล่วงละเมิดทางเพศสตรี 2 นาง ความพยายามใช้เงินปิดปากผู้กล่าวหาผ่านทนายความ การขัดขวางกระบวนการ ยุติธรรม และความพยายามขัดขวางความยุติธรรม
ยังมีคดีพยายามฉ้อฉลองค์กรของรัฐและการสมรู้ร่วมคิดในการทำลายสิทธิของประชาชน และพยายามเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง
มีคดีปลุกระดมมวลชนให้บุกเข้าอาคารรัฐสภา ล่าสุดถูกกล่าวหาว่าทรัมป์ใช้อำนาจกดดันเจ้าหน้าที่เพื่อให้เปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2020
รวมแล้วทรัมป์เผชิญกับ 78 ข้อหา รวมทั้งคดีแอบฉกเอกสารลับเกี่ยวกับแผนป้องกันประเทศและความมั่นคงที่ซุกไว้ในบ้านที่รัฐฟลอริดา เจ้าหน้าที่ตรวจพบเอกสารหลายกล่องอยู่ในห้องรับแขกและห้องเก็บของ
ทรัมป์ไม่หวั่นไหว อ้างว่าทั้งหมดเป็นการ “ล่าแม่มด” ต่อเนื่องโดยปฏิปักษ์ นักกฎหมายมองว่าคดีของทรัมป์ร้ายแรงมาก จำนวนปีที่จะติดคุกเพราะคดีเหล่านี้อาจจะยาวนานกว่าชีวิตของทรัมป์ที่เหลืออยู่
แต่พรรคพวกของทรัมป์ยังมองโลกสวย อ้างว่าคดีและข้อกล่าวหาต่างๆ ล้วนเลื่อนลอย ไร้สาระ ถึงเวลาพิจารณาแล้ว ศาลอาจยกฟ้องก็เป็นได้
ที่แน่ชัดก็คือ ทรัมป์ต้องว่าจ้างทนายหลายทีม เอาเฉพาะคดี และต้องใช้เงินมากมาย แม้จะเป็นมหาเศรษฐี ทรัมป์อาจระดมทุนจากผู้สนับสนุนในการสู้คดี
คนอเมริกันคงทำใจลำบาก ถ้าจะต้องเลือกระหว่างทรัมป์และไบเดน เพราะไบเดนเองก็โดนข้อกล่าวหาว่าเกี่ยวโยงกับคดีอาญาของลูกชาย นายฮันเตอร์ ไบเดน
มีหลักฐานว่าไบเดนมีบทบาทช่วยเหลือลูกชายในช่วงที่ตัวเองเป็นรองประธานาธิบดีภายใต้ประธานาธิบดี บารัก โอบามา โดยเฉพาะเกี่ยวกับยูเครน
พรรคเดโมแครตยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใครเป็นคู่แข่ง เมื่อโจ ไบเดนยังอยากสู้ต่อทั้งที่สังขารไปไม่ไหวแล้ว ถ้าได้ตำแหน่ง ครบอีก 1 สมัยจะมีอายุ 84 ปี
เป็นประธานาธิบดีที่มีอายุมากที่สุดของสหรัฐฯ แต่จะอยู่ถึงวันเลือกตั้งหรือไม่ และพรรคเดโมแครตรู้ดีว่านี่คือจุดอ่อน และต้องหาตัวเลือกไว้ ถ้าไบเดนไปไม่ครบสมัยแรก จะมีนางกมลา แฮร์ริส เป็นประธานาธิบดีสตรีคนแรก และเป็นคนผิวสี
ทางเลือกของคนอเมริกันมีน้อยจริงๆ ในสังคมการเมืองแบบสหรัฐฯ กว่าจะเป็นคนดังให้เป็นที่รู้จักทั่วประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้ามาจากนอกวงการเมือง ก็ยิ่งยาก
ถ้าจะเป็นผู้สมัครอิสระ โอกาสชนะยิ่งไม่เห็น ดังเช่นมหาเศรษฐี รอสส์ เพโรต์หลายสิบปีก่อนได้ที่ 3 แบบถูกทิ้งห่างทั้งที่เป็นคนดัง และทุ่มเงินเยอะ แต่สู้คะแนนในระบบพรรคไม่ได้