เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องว่ากันเรื่อง “เศรษฐกิจ” กันอีกนั่นแหละทั่น!!! เพราะเรื่อง “การเมือง-การทหาร” นั้น ยังหนักไปทางตรึงกันไป-ตรึงกันมา จ้องกันไป-จ้องกันมา โดยเฉพาะใน “แนวรบยุโรปตะวันออก” ระหว่างยูเครน-รัสเซีย สุดท้าย...อาจต้องออกไปทาง “Korean Scenario” หรือต่างฝ่ายต่างต้องใส่เกียร์ถอยหลัง ไปปักหลักอยู่ที่หลังเส้นขนานที่ 38 แบบประเภทเกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ ดังที่อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย “นายDmitry Medvedev” ท่านเคยวาดภาพจินตนาการไว้ล่วงหน้าเอาเลยก็ไม่แน่!!! ยิ่งเมื่อการโจมตี-ตอบโต้ของกองทัพยูเครนต่อหมีขาวรัสเซีย มันชักเลื่อนเปื้อนเถลือกไถลไม่ต่างไปจากการ “ก่อการร้าย” ยิ่งเข้าไปทุกที...
แต่สำหรับเรื่องเงินๆ-ทองๆ แล้ว...ไม่ว่าฝ่ายไหนต่อฝ่ายไหนก็เถอะ!!! ต่างน่าจะอ่วมอรทัย ต่างต้องหายใจทางปากและทางเหงือกไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งพวง อย่างที่กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ “IMF” คุณ “Kristalina Georgieva” ผู้เคยคาดเดา ทำนาย ว่าเศรษฐกิจโลกจะ “ซึมยาวว์ว์ว์” ระดับ 4 ปี-5 ปีไปโน่นเลย ท่านได้ออกมาเน้นย้ำไว้อีกครั้ง ณ เวทีประชุม “G 20” ต่อบรรดารัฐมนตรีคลังและผู้ว่าฯ ธนาคารกลางแต่ละประเทศ เมื่อช่วงวันอังคารที่แล้ว (18 ก.ค.) ว่าแนวโน้มความเคลื่อนไหวแบบหนืดๆ หนาดๆ ยืดๆ ยาดๆ ของเศรษฐกิจทั่วทั้งโลก สามารถสังเกตได้ชัดจากภาคการผลิตทั้งหลาย การเติบโตในระยะกลางยังคงอ่อนปวกๆ เปียกๆ การเติบโตที่เคยอยู่ที่ประมาณ 2.7 เปอร์เซ็นต์เมื่อช่วงปีที่ผ่านมา แต่สำหรับปลายปีนี้ จะเหลืออยู่แค่ 1.3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ส่วนแนวโน้มภาวะ “เงินเฟ้อ” ที่ทำท่าว่าค่อยๆ ลดลงตามลำดับ แต่ก็ยังเป็นอะไรที่สูงอยู่เช่นเดิม และจะสูงไปอีกยาวไกล อันทำให้ความพยายาม “ขึ้นอัตราดอกเบี้ย” เพื่อสู้กับภาวะดังกล่าวก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป ดังนั้น... “นโยบายเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ ไม่ว่าภายในหรือภายนอก ยังคงต้องมุ่งที่จะขจัดภาวะเงินเฟ้อ และต้องหาทางบริหาร-จัดการระบบการเงินด้วยความรับผิดชอบเป็นอย่างยิ่ง!!!”
คือถึงแม้กรรมการผู้จัดการ “IMF” ท่านจะไม่ได้ออกมาบอกกล่าว-เล่าสิบไปในแนวนี้ แต่โดยอารมณ์-ความรู้สึกใครต่อใคร คงพอรับรู้ สัมผัส ถึงความน่าหวาดเสียว น่าสยดสยอง ของความเป็นไปทางเศรษฐกิจในลักษณะดังกล่าวได้พอประมาณ เพราะไม่ว่าจะมองในมุมไหน ซีกโลกไหนๆ บรรดา “เครื่องยนต์เศรษฐกิจ” ในแต่ละเครื่อง แต่ละประเทศ ต่างล้วนแล้วแต่ “เดี้ยงแล้ว-เดี้ยงอีก” หรือออกอาการ “ถึงไม่ตาย...ก็เลี้ยงไม่โต” อย่างเห็นได้โดยชัดเจน ไล่มาตั้งแต่ยุโรปทั้งยุโรป ที่แม้ว่าแนวโน้มภาวะเงินเฟ้อ ทำท่าว่าจะลดลงๆ ไปตามลำดับ จากปีที่แล้วที่เคยสูงถึง 8.6 เปอร์เซ็นต์โดยเฉลี่ย ช่วงพฤษภาฯ ปีนี้ลดเหลือแค่ 6.1 ต่อมาถึงเดือนมิถุนาฯ เหลือแค่ 5.5 แต่ก็นั่นแหละ...บรรดานักวิเคราะห์ นักสังเกตการณ์เศรษฐกิจทั้งหลาย เขากลับมองภาวะเช่นนี้ว่าหนักไปทาง “The Potemkin villages” คล้ายๆ หมู่บ้านในตำนานโบร่ำ-โบราณ ที่พยายามกลบเกลื่อน ปกปิด ซ่อนเร้นความไม่ดี-ไม่งาม ความเสื่อมโทรม-เสื่อมทราม อะไรต่อมิอะไรทั้งหลาย เพียงเพื่อให้ตัวเองดูดีเข้าไว้หรือเพื่อให้ผู้คนเห็นว่า...ยังไม่ถึงกับตาย!!! ทั้งที่หนีไม่พ้นต้องหายใจทางเหงือกไปอีกตราบนานเท่านาน...
ไม่ว่าการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดภาวะเงินเฟ้อที่ไม่ได้ผล “ชงัด” ตามที่หวังและต้องการ อีกทั้งยังมองไม่เห็นหนทางว่าจะกลับไปสู่ภาวะปกติได้อีกสักเมื่อไหร่-ตอนไหน ความผิดพลาด บกพร่อง ในนโยบายด้านพลังงานที่ดันไป “แซงชั่น” พลังงานราคาถูกจากรัสเซียแล้วต้องหันไปนำเข้าพลังงานราคาแพงจากคุณพ่ออเมริกาเพื่อทดแทน ความพยายามหันไปใช้พลังงานสะอาดอย่างไม่ถูกจังหวะ-จะโคน จนทำให้ระบบเศรษฐกิจ ระบบอุตสาหกรรมทั้งระบบ ต้องพังพินาศ ย่อยยับ ไปเป็นแถบๆ อีกทั้งยังกลายเป็นตัวกระตุ้นให้ภาวะเงินเฟ้อ ยิ่งกดยาก กดลำบาก ยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยเหตุเพราะราคาพลังงานมันคือ “ต้นทุน” ของแทบทุกสิ่งทุกอย่าง การคิดจะอาศัยนโยบายทางการเงินเพื่อรักษา-เยียวยาเศรษฐกิจยุโรป โดยธนาคารกลางยุโรป หรือ “ECB” (The European Central Bank) เลยถึงกับทำให้นายกรัฐมนตรีอิตาลี คุณ “Giorgia Meloni” อดไม่ได้ที่จะต้อง “บ่น” ออกมาดังๆ ว่าเอาไป-เอามาแล้วความพยายามรักษา-เยียวยาของ “ECB” อาจเป็นสิ่งที่เลวร้ายซะยิ่งกว่าตัว “เชื้อโรค” เอาเลยก็ไม่แน่!!!
ส่วน “เศรษฐกิจอเมริกา” นั้น...แทบไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง ด้วยเหตุเพราะ “ปัญหาสั่งสม” ไม่ว่าเรื่อง “หนี้สิน” ที่ปาเข้าไปกว่า 32 ล้านล้านดอลลาร์ระดับชาติหน้า-ชาติไหนๆ แทบไม่มีทางชดใช้ได้หมด การขาดดุลการค้า-ดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้น 3-4 เท่าตัว แถมยังเจอกับการเสื่อมค่าของเงินสกุลดอลลาร์เข้าไปอีกดอก ฯลฯ โอกาสแก้ปัญหามันเลย “แก้ยาก-แก้เย็น” ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น ชนิดการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดภาวะเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐฯ กลับเป็นตัวสร้างความไร้เสถียรภาพให้กับระบบธนาคารทั้งระบบที่ต้องแบกภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มจากใกล้ๆ 0 เปอร์เซ็นต์ พรวดเดียวปาเข้าไปกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ จนหนีไม่พ้นต้อง “เจ๊ง...กับ...เจ๊ง” เป็นแถบๆ เผลอๆ...อาจเกือบครึ่งของระบบธนาคารหรือไม่? อย่างไร? ก็ยังมิอาจสรุปได้...
แม้แต่คุณพี่ญี่ปุ่น-ยุ่นปี่ใกล้ๆ บ้านเราก็เถอะ!!!...ข่าวคราวล่าสุด ข่าวล่า-มาเรือ ว่าด้วยการเปิดเผยผลสำรวจของบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ หรือ “บริษัท Tokyo Shoko” เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้ระบุไว้ชัดเจนว่าบรรดาบริษัทธุรกิจทั้งหลายในญี่ปุ่น ต่างต้องเจอภาวะ “ล้มละลาย” สูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา นับจากต้นปีมาถึงทุกวันนี้ ล้มไปแล้วไม่น้อยกว่า 4,042 บริษัท หรือเพิ่มขึ้นถึง 32 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แม้แต่เครื่องยนต์เศรษฐกิจที่ถือเป็นความหวัง เป็นหลักประกันของใครต่อใครมาโดยตลอด อย่าง “เล้ง...อยู่สะพานขาวแค่นี้เอง” หรืออย่างคุณพี่พญามังกรจีน จากที่เคยคาดๆ กันว่าอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจช่วงเดือนเมษาฯ-มิถุนาฯ ปีนี้ น่าจะไม่น้อยไปกว่า 7 เปอร์เซ็นต์เป็นอย่างต่ำ แต่ไปๆ-มาๆ ดันได้แค่ 6.3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง อัตราการว่างงานในหมู่เยาวชนอายุ 16-24 ปีเพิ่มขึ้นถึง 21.3 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่การลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ ลดฮวบๆ ฮาบๆ หรือลดไปถึง 739 เปอร์เซ็นต์ในช่วงครึ่งปีแรก...
สรุปง่ายๆ ว่า...ไม่ว่าเครื่องยนต์อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ไปจนกระทั่งจีน ฯลฯ ต่างก็ดับ ต่างก็เดี้ยงไปเป็นเครื่องๆ อันนี้นี่แหละที่ทำให้ประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออก พึ่งพานักท่องเที่ยว ฯลฯ หรือพึ่งพาเศรษฐกิจโลกอย่างเป็นพิเศษ อย่างเช่นประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา พึงต้องระมัดระวัง พึงต้องหันมาจับตาความเป็นไปทางเศรษฐกิจ อย่างชนิดมิอาจกะพริบตาได้เลย!!! โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ในขณะที่บรรดา “นักประชาธิปไตย” หรือ “ฝ่ายประชาธิปไตย” อันมีที่มาจากบรรดาปวงชนชาวไทยกว่า 20 ล้านเสียง กำลังใกล้เป็น “รัฐบาล” ในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า จะโดยพรรคที่ได้ชื่อว่ามีฝีไม้ลายมือในการแก้ปัญหาปาก-ท้อง อย่าง “พรรคเผาไทย” หรือพรรคที่กระเหี้ยนกระหือรืออยาก “ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์” เสียเหลือเกิน อย่าง “พรรคก้าวสะเปะสะปะ” ที่พยายามกอดเกี่ยวกันและกันชนิดไม่ต่างไปจาก “ข้าวต้มมัด” คือถ้าหากต้องเจอกับนายกรัฐมนตรีชื่อ “เศรษฐา” ที่มาพร้อมนโยบาย “แจกเงิน” หัวละเป็นหมื่นๆ บาท โอกาสที่จะเกิดการ “บริหาร-จัดการระบบการเงินด้วยความรับผิดชอบเป็นอย่างยิ่ง” ดังที่กรรมการผู้จัดการ “IMF” ท่านได้เน้นย้ำ ได้เตือนเอาไว้ก่อนล่วงหน้า มันคงยากที่จะเป็นไปได้ มีแต่ต้องหนักไปทางหวือๆ-หวาๆ ตามแนวนโยบาย “ประชานิยม” ที่ได้หาเสียงเอาไว้ก่อนล่วงหน้า จนอาจนำมาซึ่งความ “ฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย” ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้...
ยิ่งถ้าหากต้องเจอกับ “ว่าที่รัฐมนตรีคลัง” ประเภท “มือใหม่-หัดขับ” ที่ไม่คิดจะแยกจากกัน หรือไม่ถูก “ถีบทิ้ง” ไปก่อนล่วงหน้าผู้เตรียมจะอนุญาตเปิดแบงก์ให้มากๆเข้าไว้เพื่อให้เกิดการแข่งขันลดดอกเบี้ยให้ยิ่งๆ ขึ้นไป อันนี้...คงต้องเรียกว่า เตรียมตัวฌาปนกิจ หรือเตรียม “เผา” กันได้เลย!!! โอกาสที่บรรดา “นักประชาธิปไตย” หรือ “ฝ่ายประชาธิปไตย” ทั้งหลาย จะนำพาชาติบ้านเมืองไปสู่ความไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี-หนีไม่พ้น กุสลาธัมมา-อกุสลาธัมมา หลังจากใช้น้ำมะพร้าวล้างหน้า ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ!!!