เห็นว่าช่วงวันอังคาร-วันพุธที่ผ่านมา (11-12 ก.ค.) กำลังมีการประชุมสุดยอดกลุ่ม “No Action-Talk Only” (ประทานโทษ) กลุ่ม “The North Atlantic Treaty Organization” หรือกลุ่มประเทศที่เรียกสั้นๆ ย่อๆ ว่า “NATO” เขานั่นแหละ ที่กรุง “Vilnius” ประเทศลิทัวเนียหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มประเทศดังกล่าว ปิดท้ายสัปดาห์นี้...เลยคงต้องขออนุญาตแวะไปเยี่ยมๆ มองๆ เขาไว้สักนิด เผื่ออาจได้ข้อคิด ข้อสังเกต ถึงความเป็นไปของฉากสถานการณ์โดยรวมได้มั่ง ไม่มาก-ก็น้อย...
คือกลุ่มประเทศที่ว่านี้...อันที่จริงต้องถือเป็นสิ่งที่น่า “พ้นยุค-พ้นสมัย” ไปนานแล้ว!!! เพราะเป็นกลุ่มก้อน องค์กรที่พยายามสร้างความร่วมมือ-ร่วมใจในทางทหาร ระหว่างบรรดาประเทศสองฟากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก หรือบรรดาประเทศยุโรปทั้งหลายกับประเทศในอเมริกาเหนืออย่างคุณพ่ออเมริกาและแคนาดา มาตั้งแต่ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือตั้งแต่ปี ค.ศ. 1949 โน่นเลย โดยอันที่จริง...ช่วงเริ่มๆ ก็มีอยู่แค่ 12 ประเทศเท่านั้น ที่คิดผนึกกำลังยื้อยุด ฉุดดึง ไม่ให้เกิดการแผ่ขยายอำนาจ อิทธิพล ของพวกคอมมิวนิสต์อย่างสหภาพโซเวียต ซึมซ่านเข้ามาในยุโรปและอเมริกากันง่ายๆ ในช่วงที่เรียกว่า “ยุคสงครามเย็น” อะไรประมาณนั้น...
แต่ครั้นเมื่อสงครามเย็นผ่านพ้นไปแล้ว สิ้นสุด-ยุตินับตั้งแต่ “กำแพงเบอร์ลิน” ล่มสลาย พร้อมกับการย่อยแยกแตกกระจายของโซเวียต-รัสเซีย หรือครั้นเมื่อ “โลกสังคมนิยม” ล่มสลายลงไปเรียบร้อยแทนที่ “โลกทุนนิยม” ที่มีองค์กรความร่วมมือทางทหารอย่าง “NATO” เป็นแกนหลัก จะเลิกแล้วต่อกัน จะปิดฉาก ปิดกล่อง ไม่ต้องไปเสียเวลาเผชิญหน้ากับองค์กรความร่วมมือทางทหารของฝ่ายสังคมนิยม หรือ “WARSAW” ที่หมดสภาพไปโดยปริยาย แต่โดยจังหวะนี้นี่เอง...ที่กลุ่มก้อนองค์กรที่เรียกตัวเองว่า “NATO” กลับค่อยๆ แผ่ขยายอำนาจ อิทธิพลของตัวเองลุกลามเข้าไปยังบรรดาประเทศที่เคยอยู่ในร่มไม้-ชายคาของอดีตประเทศสหภาพโซเวียตอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ เริ่มเข้าไปรวบหัว-รวบหางประเทศฮังการี โปแลนด์ สาธารณรัฐเช็ก ในปี ค.ศ.1999 ตามด้วยบัลแกเรีย เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย โรมาเนีย สโลวาเกีย สโลวีเนีย ในปี ค.ศ. 2004 ตามด้วยอัลบาเนีย โครเอเชีย ในปี ค.ศ. 2009 ต่อด้วยมอนเตเนโกร ในปีค.ศ. 2017 มาซิโดเนียเหนือในปี ค.ศ. 2020 และปีนี้...ก็ลุกลามไปถึงประเทศฟินแลนด์ ชายแดนรัสเซีย รวมทั้งสวีเดนที่ผู้นำหนึ่งในประเทศนาโตอย่างตุรกี-ตุรเคีย คุณลุง “แอร์โดอัน” ผู้ได้ชื่อ ฉายาว่า “เจองูกับเจอแอร์โดอัน...ให้ตีแอร์โดอันไว้ก่อน” อะไรทำนองนั้น เพิ่งยินยอมเปิดไฟเขียวให้กับการเป็นสมาชิกรายใหม่ เพื่อแลกกับการที่ตัวเองอาจได้มีโอกาสเข้าร่วมกลุ่มประเทศอียู-อีย้วยในลำดับต่อไป...
แล้วนี่เห็นว่า...ทำท่าว่าจะขยับขยายเข้ามาถึงเอเชีย ถึงฟากฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแอตแลนติกด้วยเลยคือคิดจะตั้งสำนักงานไว้ที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อแผ่อำนาจ อิทธิพล ปิดล้อมประเทศจีน โดยอาศัยบรรดาพันธมิตรในแต่ละรายไม่ว่าด้วยการข่มขู่ บังคับ แทรกแซง หรืออะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ อันเป็นไปตามนโยบาย “ขยายตัว” หรือ “Enlargement” จนกว่า “โลกทั้งโลก” จะกลายสภาพเป็น “พรมเช็ดเท้า” ให้กับผู้นำโลกตะวันตกอย่างคุณพ่ออเมริกาไปทั่วทั้งแผงนั่นเอง และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้อดีตนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย อย่าง “นายPaul Keating” ท่านอดไม่ได้ที่จะต้องออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงบทบาท-ความเคลื่อนไหวของ “NATO” เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา ว่ามีลักษณะไม่ต่างไปจาก “Malicious poison” หรือ “ยาพิษแห่งความมุ่งร้าย” อะไรประมาณนั้น...
แต่ก็นั่นแหละ...การทำให้โลกทั้งโลกกลายเป็นพรมเช็ดเท้า หรือเป็น “โลกขั้วอำนาจเดียว” ที่ยอมศิโรราบให้กับ “ประมุขโลก” อย่างคุณพ่ออเมริกาไปโดยตลอดย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อยู่แล้วแน่ๆ!!! โดยเฉพาะเมื่อ “ขั้วอำนาจใหม่” ได้ปรากฏขึ้นมาในโลกใบนี้อย่างเห็นได้ชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที ไม่ใช่แต่เฉพาะ “มหาอำนาจคู่แข่ง” อย่างคุณน้ารัสเซียและคุณพี่จีนเท่านั้น แต่ยังมีบรรดาประเทศเศรษฐกิจใหม่และประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายในแต่ละซีกโลก ไม่ว่าในเอเชีย แอฟริกา ตะวันออกกลาง และละตินอเมริกา ที่ไม่ “เห็นควรด้วย” หรือไม่อยากจะ “ด้วน” ตามความปรารถนาของคุณพ่ออเมริกาและบรรดาพรมเช็ดเท้าในโลกตะวันตกทั้งหลาย หรืออย่างน้อยไม่น่าจะต่ำกว่า 110 ประเทศ ที่ไม่คิดจะต่อต้าน แซงชั่นรัสเซีย ตามความต้องการของอเมริกาและ “NATO” การสุมหัว รวมตัวของกลุ่มประเทศประมาณ 31 ชาติ ในเวทีประชุม “Vilnius summit” คราวนี้ เลยอาจเป็นไปอย่างที่คอลัมนิสต์เอเชีย ไทมส์ ออนไลน์ “นายStephen Bryen” เขาได้ตั้งข้อสังเกตไว้ในข้อเขียน บทความ ที่เพิ่งแปลและเผยแพร่อยู่ในสำนักข่าว “ผู้จัดการ” ของหมู่เฮาช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมานั่นแหละว่า “Vilnius NATO summit will likely be a flop” หรือน่าที่จะล้มเหลว ล้มคว่ำคะมำหงาย เอาง่ายๆ...
เพราะเพียงแค่ดูจากเม็ดเงิน งบประมาณ ในกระเป๋ากุงเกงของบรรดาชาติยุโรปในแต่ละชาติ ต่างก็หนักไปทาง “บ๋อๆ แบ๋ๆ” ไม่ต่างไปจากกันสักเท่าไหร่ หรือต่างกำลังเข้าสู่ภาวะ “เศรษฐกิจถดถอย” ไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งพวง นั่นยังไม่รวมไปถึงบรรดาอาวุธในคลังแต่ละประเทศ ที่ถูกส่งไปช่วยยูเครนห้ำหั่นกับรัสเซีย จนแทบไม่เหลืออาวุธไว้ปกป้องตัวเองเอาเลยถึงขั้นนั้น ชนิดที่สำนักข่าว “Politico” ถึงกับต้องอ้าง “รายงานข่าว” ถึงความอัดอั้น ตันใจ ของประเทศ “NATO” หลายต่อหลายประเทศต่อช่วงระยะเวลาในการต้องส่งเงิน ส่งอาวุธ ให้ยูเครน ว่าจะยืดเยื้อ ยาวนานไปอีกขั้นไหนต่อขั้นไหน เพราะแม้แต่คุณพ่ออเมริกาก็ตาม “ความไม่แน่นอน” ต่อการสนับสนุนยูเครนก็ชักเริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที โดยเฉพาะหลังจากต้องออกมายอมรับถึง “ความล้มเหลว” ของกองทัพยูเครนในปฏิบัติการโจมตี-ตอบโต้เพื่อยึดคืนดินแดนจากรัสเซีย และยิ่งใกล้ถึงช่วง “เลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา” ว่ากันว่า...ความไม่แน่นอนดังกล่าวน่าจะยิ่งมีแต่เพิ่มกับเพิ่มยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...
ดังนั้น...แม้ว่าอาจมีการใส่สี-ตีไข่ ให้การประชุมคราวนี้คึกๆ คักๆ ไปในลักษณะใดๆ ก็ตาม แต่โดยลักษณะท่าทีไม่ว่าโดยผู้นำประเทศอเมริกา เยอรมนี ฝรั่งเศส ฯลฯ ที่ต่างออกมาปฏิเสธความมุ่งมาดปรารถนาของยูเครน ในอันที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ส่วนเดียวกับ “NATO” ให้จงได้ จะด้วยเหตุผลที่ว่า “ยังไม่ใช่เวลาสำหรับยูเครนในการเข้าร่วม NATO” ของผู้นำเยอรมนีหรือประธานกลุ่มความมั่นคง “Munich Security Conference” “นายChristoph Heusgen” ไปจนถึงคุณปู่ “โจ ไบเดน” เองที่สรุปสั้นๆ ง่ายๆ ว่า “การเข้าร่วม NATO ของยูเครน...ก็คือประกาศสงครามโดยตรงกับรัสเซียนั่นเอง” ทั้งหลาย ทั้งปวงเหล่านี้ ถือเป็นการสะท้อนให้เห็นความยวบๆ ยาบๆ ของ “NATO” ว่าน่าจะหนักไปทาง “No Action-Talk Only” ไปอีกนานเท่านาน หรือหนีไม่พ้นต้องหันไปยุแยงตะแคงรั่วให้ชาวยูเครนต่อสู้ ห้ำหั่น กับชาวรัสเซียจนกว่าจะไม่เหลือ “ชาวยูเครนคนสุดท้าย” อีกต่อไปนั่นเองหรืออย่างที่แหล่งข่าวระดับ “เจ้าหน้าที่อาวุโส NATO” ได้เปิดเผยกับสำนักข่าว “Politico” เอาไว้ประมาณว่า “เราพร้อมที่จะรับประกันขั้นพื้นฐานต่อยูเครนในระยะยาวถึงจุดมุ่งหมายของเรา ว่าเราจะส่งอาวุธให้ ส่งเงินช่วยเหลือให้ เราจะให้คำปรึกษาแนะนำและให้การฝึกฝนทางทหารเพื่อรับมือกับผู้รุกราน” แต่จะให้ถึงขั้นต้อง “ออกแอคชั่น” โดยการเผชิญหน้าโดยตรงกับรัสเซีย หรือต้องโดดไปปกป้องยูเครนในฐานะหนึ่งในสมาชิก “NATO” ตามมาตรา 5 ในกฎระเบียบกติกาของกลุ่มประเทศดังกล่าว อันนี้...คงอาจต้องรอจนกว่า “น้ำท่วมหลังเป็ด” อะไรประมาณนั้น...
ยิ่งในช่วงหลังๆ...หรือหลังจากที่ข่าวคราวความล้มเหลวของกองทัพยูเครนในการยึดคืนดินแดนจากรัสเซียกลับมา ชักเป็นเรื่อง-เป็นราว ชักมี “น้ำหนัก” ให้ต้องคิดแล้ว-คิดอีก จนเกิดข่าวล่า-มาเรือว่าบรรดานักการเมืองอเมริกันจำนวนไม่น้อย เริ่มๆ อยากเห็นการเจรจาระหว่างยูเครน-รัสเซียยิ่งขึ้นไปตามลำดับ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศยูเครน “นายAlexander Scherba” เกิดความเจ็บปวดรวดร้าวถึงขั้นต้องออกมา “ทวีต” ไว้ล่วงหน้าประมาณว่า... “ชาวอเมริกันรายใดก็ตามที่ต้องการเห็นการเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครน-รัสเซีย ก็คือ...ผู้ทรยศ!!! คือพวกจักรวรรดินิยมที่แท้จริง...” เพราะนั่นคงไม่ต่างอะไรไปจาก...การถูก “ถีบทิ้ง” แบบเดียวกับที่บรรดาชาวเวียดนาม อิรัก อัฟกานิสถาน ฯลฯ ต่างก็เคยถูกคุณพ่ออเมริกาถีบหัวส่งมารายแล้ว รายเล่า นั่นเอง...