ยูเครนได้แต่รอวันสิ้นชาติ

ยูเครนจะเป็นเหยื่อของชาติอภิมหาซาตานสหรัฐฯ และพันธมิตรนาโตอีกนานเท่าไหร่ก่อนบ้านเมืองจะพินาศล่มสลายเพราะพิษสงครามกับรัสเซียที่ยังไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่

การตีโต้ของกองทัพยูเครนรอบแรกต้นเดือนมิถุนายน จบแบบไม่สวย ทหารยูเครนเสียชีวิตกว่า 1.3 หมื่นราย อาวุธยุทโธปกรณ์ รถถัง รถรบ ยานเกราะที่ส่งให้โดยสหรัฐฯ และพันธมิตรนาโตโดนกองทัพรัสเซียถล่มย่อยยับ คาสนามกับระเบิด

ผลการสู้รบสร้างความผิดหวังให้สหรัฐฯ และกลุ่มนาโต เป็นการสูญเสียกำลังคนและอาวุธที่ไม่สามารถเปลี่ยนเกมได้ตามที่ต้องการ เพราะยูเครนขาดกำลังสนับสนุนทางอากาศและปืนใหญ่สนาม ขณะที่รัสเซียเลือกใช้อาวุธระยะไกลแทนการปะทะ

รัสเซียไม่ต้องการสูญเสียกำลังทหาร จึงเลือกใช้ขีปนาวุธ จรวด โดรน ปืนใหญ่ และสารพัดอาวุธ พร้อมทั้งมีแนวป้องกันสนามเพลาะ ดักรถถังอย่างดี

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้เดินทางไปร่วมประชุมนาโตที่เมืองวิลนีอุส เมืองหลวงลิทัวเนีย มีประเด็นถกกันว่าจะทำอย่างไรกับคำขอของยูเครนเป็นสมาชิกนาโต

ไบเดนบอกตลอดมาว่ายูเครนยังไม่พร้อมเข้านาโต ไม่เข้ากับเงื่อนไขหลายอย่าง ทั้งโครงสร้างและบรรยากาศประชาธิปไตยของประเทศ ภาวะเศรษฐกิจ

ยูเครนร่ำร้องที่จะเข้านาโต หวังจะดึงให้สหรัฐฯ และนาโตเข้ารบกับรัสเซีย หลังจากได้เป็นตัวแทนทำสงครามมานานกว่าปีครึ่ง ฝ่ายนาโตไม่อยากขยายแนวรบ สหรัฐฯ ไม่พร้อมรบกับรัสเซีย เพราะจะกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 แน่

นั่นหมายถึงการสู้รบถึงขั้นใช้อาวุธนิวเคลียร์และไม่มีใครรอดจากหายนะ

ดังนั้น นาโตจึงต้องหาทางส่งอาวุธให้ยูเครนรบต่อไป ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ให้ “เหลือคนสุดท้ายในยูเครน” ตามคำประกาศนั่นเลย และมีโอกาสเป็นไปได้ด้วย

ที่ผ่านมาบางประเทศเช่นตุรเคีย ให้ยาหอมยูเครนว่าสมควรได้เข้าเป็นสมาชิกนาโต ผู้นำฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ก็มีแนวคิดเดียวกัน เพราะต้องการเสียงหนุนจากกลุ่มยุโรปตะวันออก ขณะที่ตัวเองก็มีปัญหาภายในประเทศ

แต่ตุรเคียและฝรั่งเศสก็ไม่ระบุชัดเจนว่าควรมีขั้นตอนอย่างไร เยอรมนีและประเทศอื่นๆ ก็ไม่ต้องการให้ยูเครนเข้านาโต ทำให้องค์กรนี้มีเสียงแตก

ไบเดนมีทางเลือก นั่นคือจะรับประกันสถานภาพ ความปลอดภัยและความมั่นคงของยูเครนในรูปแบบเดียวกับที่สหรัฐฯ ให้กับอิสราเอล โดยการให้อาวุธและความช่วยเหลือเท่าที่ต้องการ เพื่อให้ยูเครนอยู่รอด แต่สหรัฐฯ ไม่มีวันเข้าสู่สงครามโดยตรง

ยูเครนก็โดนหลอกให้ทำสงครามต่อไป ทหารยูเครนก็ตายต่อไป ประชาชนยูเครนต้องลำบากยากแค้น บ้านแตกสาแหรกขาดอยู่อย่างไร้อนาคต กว่า 10 ล้านคนที่อพยพออกไปอยู่ประเทศอื่นก็ใช่ว่าจะสุขสบาย เว้นแต่พวกที่ร่ำรวย ขนสมบัติไปด้วย

คนยูเครนไม่น้อยลี้ภัยในต่างประเทศต้องดิ้นรน หญิงสาวต้องขายตัวยังชีพ เป็นแรงงานที่ได้ค่าแรงไม่พอกินในยุโรปตะวันตกซึ่งมีค่าครองชีพสูง

ความหวังที่ยูเครน ซึ่งมีประชากรเหลือเพียง 20 กว่าล้านคนจะชนะรัสเซียซึ่งมีคนกว่า 140 ล้านคน พร้อมแสนยานุภาพอาวุธทุกประเภทนั้น ยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์

ที่แน่ๆ ถ้าสู้รบต่อไป มีนรกรออยู่ โอกาสจะดิ้นรนให้พ้นสภาพนี้ก็ยากเช่นกัน

ยูเครนเปิดช่องให้รัสเซียบุกเข้ายึด 4 แคว้นหลักหลังจา

สงครามเริ่มเดือนกุมภาพันธ์ปีที่ผ่านมา กว่า 17 เดือน ยูเครนเสียหายแทบไม่เหลือสภาพความเป็นชาติ

ผู้นำยูเครน อดีตตัวตลกบนจอทีวี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด เที่ยวตระเวนขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศ พยายามไปกล่าวสุนทรพจน์ตามเวทีต่างๆ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะหลายประเทศไม่อยากยุ่งกับยูเครน

ในภาวะสงคราม บ้านเมืองพินาศ เป็นความรับผิดชอบของเซเลนสกี้เพราะเป็นผู้ชักศึกเข้าบ้านด้วยการเข่นฆ่าชาวรัสเซียในแคว้นด้านตะวันออก ซึ่งถูกรัสเซียควบรวมไปแล้ว เซเลนสกี้ยังอยากเอายูเครนเข้านาโตซึ่งรัสเซียยอมไม่ได้

ความย่อยยับของประเทศยูเครน ซึ่งเป็นอู่ข้าวอู่น้ำสำคัญของยุโรป จึงเป็นผลของการตัดสินใจผิดพลาดของคนยูเครนที่โดนเซเลนสกี้หลอกว่าจะสงบศึกกับกบฏด้านตะวันออก แต่ได้ส่งเสริมให้กองทัพนาซีใหม่เข่นฆ่าคนรัสเซียจนถูกแทรกแซง

การแถลงข่าวโดยรัฐมนตรีพลังงาน นายเยอรมัน กาลัชเชนโก German Galushchenko ยอมรับว่าระบบเครือข่ายผลิตและสายส่งไฟฟ้าในประเทศเสียหายกว่า 50 เปอร์เซ็นต์จากการโจมตี 271 ครั้งช่วง 10 ตุลาคมปี 2022 ถึง 9 มีนาคม ปีนี้

มีโรงงานผลิตไฟฟ้าหลายแห่งเสียหายเกินกว่าจะซ่อมแซมได้ ต้องสร้างใหม่หลังจากสงครามสงบ ธนาคารโลกประเมินตัวเลขความเสียหายด้านแหล่งผลิตไฟฟ้าและต้องใช้เงินซ่อมแซมมากถึง 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งยูเครนไม่มีเงิน

ระบบสาธารณูปโภคก็เสียหาย ประชาชนขาดแคลนไฟฟ้า น้ำประปา โทรคมนาคม การขนส่ง อาหารการกิน สิ่งของยังชีพซึ่งหายากในยามสงคราม

กองทัพยูเครนเสียทหารไปมากกว่า 2 แสนนาย มีทหารรับจ้าง อาสาสมัครจากต่างประเทศเสียชีวิตหลายพันนายโดยการโจมตีของรัสเซีย มีการประเมินว่าหลังจากทหารเหล่านี้เข้าสู่สมรภูมิจะมีชีวิตรอดอยู่ได้นานเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น

เซเลนสกี้น่าจะรู้สึกขมขื่นที่โดนหลอกให้ทำสงคราม ทั้งยังไม่ได้รับเชิญให้เข้าประชุมนาโตอีกด้วย ทั้งยังก่นด่าประเทศที่ไม่ต้องการให้สหรัฐฯ ส่งระเบิดลูกปราย Cluster Bombs ให้สู้กับรัสเซีย เพราะจะเป็นผลร้ายตกค้างต่อพลเรือนนานหลายปี

ได้อาวุธมากเท่าไหร่ ก็ไม่พอ ถ้าส่งแบบกะปริบกะปรอย สมาชิกนาโตก็เผชิญกับความร่อยหรอในคลังแสง แม้แต่สหรัฐฯ เองก็ยังไม่สามารถผลิตทดแทนให้ทันได้