เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตแวะไปดูอะไรต่อมิอะไรแถวๆ “กำแพงเมืองจีน” ไว้สักหน่อย เพราะหมู่นี้ ระยะนี้ ไม่ว่าใครต่อใครต่างโผล่ไปแวะเวียน เยี่ยมเยียนประเทศจีน ชนิดแทบหัวกระไดไม่แห้ง แม้แต่คู่แข่ง คู่ชิง และคู่กัด อย่างคุณพ่ออเมริกาก็เถอะ!!! ไล่มาตั้งแต่รัฐมนตรีต่างประเทศที่ไปโอบกระหวัดรัดพันกับพญามังกร เมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา มาถึงต้นเดือนนี้ รัฐมนตรีคลังอเมริกา “นางJanet Yellen” ก็จำต้องย่างเยื้องยุรยาตร ไปพูดคุยเรื่องเงินๆ-ทองๆ กับบรรดา “อาเสี่ย...สั่งลุย” อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ...
หรืออย่างที่รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ รายนี้...ท่านสรุปไว้ตั้งแต่เริ่มแรกขณะเดินทางไปถึงเมืองจีนเมื่อช่วงวันศุกร์ที่แล้ว (7 ก.ค.) ว่าสัมพันธภาพระหว่างอเมริกากับจีนนั้น อเมริกาไม่ได้มุ่งหวังที่จะ “Decouple” ไม่ได้ต้องการที่จะสลัดทิ้งไปจากจีนแต่อย่างใด แต่หวังจะ “Diversify” ซะมากกว่า หรือหวังจะคบหากันภายใต้ความแตกต่าง หลากหลาย แบบคล้ายๆ ประเภทผู้กำกับซาดิสต์เมืองไทย (พิศาล อัครเศรณี) หรือแบบ “ตบๆ-จูบๆ” กันไปตามสภาพ ด้วยเหตุนี้...การไล่ถีบ ไล่ทุบจีน มาตั้งแต่ยุค “ทรัมป์บ้า” เปิดฉากสงครามการค้า ภาษี ไปจนสงครามทางเทคโนโลยี ฯลฯ โดยไม่ได้คิดลดราวาศอกเอาเลยแม้แต่น้อยแม้ในยุค “โจ ซึมเซา” ก็ตาม เผลอๆ...อาจหนักยิ่งขึ้นไปใหญ่ แต่ครั้นถึงจังหวะที่ต้อง “จูบ” โดยเฉพาะในช่วงที่รัฐบาลอเมริกาจำต้อง “สร้างหนี้” เพิ่มขึ้นไปอีก เพื่อนำเอาเงินมา “ใช้หนี้” ที่ทะลุเพดาน ทะลุหลังคาไปถึง 32 ล้านล้านดอลลาร์เข้าไปแล้ว การหันมาประนีประนอมกับจีนผู้ถือครองพันธบัตรอเมริการะดับต้นๆ ของโลก หรือผู้ที่ถือเป็น “เจ้าหนี้รายใหญ่” ของอเมริกา จึงถือเป็นเรื่องที่ “พอเข้าใจได้” ว่าคงต้อง “พิศาล อัครเศรณี” กันอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ..
ส่วนคุณพี่จีนเองก็เถอะ!!!...แม้อยากขม้ำหัว อยากหักปีก ฉีกเนื้ออินทรีออกมาเป็นชิ้นๆ ก็ตาม แต่โดยโครงสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจจีน ไม่รู้จะกี่ต่อกี่สิบปีมาแล้ว คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า เป็นการเติบโตอันมีที่มาจาก “ภายนอก” หรือจากการลงทุนต่างประเทศนั่นแหละเป็นหลัก ไม่ได้จาก “ภายใน” แม้ว่าพยายามจะฉุดกระชากลากถูกันในระยะหลังๆ ก็ตาม หรืออย่างที่ “สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน” เขาเคยเปิดเผยตัวเลข ข้อมูล เอาไว้ตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 2003 นั่นแหละว่ากว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของการเติบโตเศรษฐกิจจีน มาจากการลงทุนต่างประเทศ มีแค่ 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ที่มาจากตลาดภายในของจีน ความพยายามสร้างความมั่นคงให้ระบบเศรษฐกิจด้วยการนำเงินลงทุนต่างประเทศไปซื้อ “พันธบัตรสหรัฐฯ” ไว้ชนิดมากมายมหาศาล จึงส่งผลให้จีนกลายเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของอเมริกาไปโดยอัตโนมัติ สัมพันธภาพระหว่างจีนและอเมริกาในทางเศรษฐกิจ จึงมีสภาพอย่างที่ใครก็ไม่รู้เขาเคยอุปมา-อุปไมยไว้ก่อนหน้านี้นั่นแหละว่า คล้ายๆ “จักรยาน 2 ล้อ” หรือขณะที่ล้อใดล้อหนึ่งเกิดติดๆ ขัดๆ ขึ้นมา อีกล้อหนึ่งย่อมติดๆ ขัดๆ ตามไปด้วย...
ดังนั้น...การแก้แค้น-เอาคืน ต่อสิ่งที่คุณพ่ออเมริกากระทำย่ำยีต่อจีน เลยไม่ถึงกับดุเดือดเลือดพล่านมากมายสักเท่าไหร่ ไม่ว่าตั้งแต่ยุค “ทรัมป์บ้า” มาจนกระทั่งยุคคุณปู่ “โจ ซึมเซา” ก็แล้วแต่ หรือออกไปทาง “มึงมั่ง-กูมั่ง” อะไรประมาณนั้น แม้แต่การประกาศควบคุมการส่งออกวัตถุดิบสำคัญๆ ต่อการผลิตสินค้าเทคโนโลยีคราวล่าสุด คือแร่โลหะ “แกลเลียม” (Gallium) และ “เจอร์เมเนียม” (Germanium) ที่ว่ากันว่าเอาไว้ผลิตชิป อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม แผ่นเซมิคอนดักเตอร์ จอภาพโทรศัพท์มือถือ สายเคเบิล เรดาร์ ฯลฯ อะไรประมาณนั้น เพื่อตอบโต้กับการข่มขู่ คุกคามใครก็ตาม ที่ยังคิดซื้อ-ขายชิ้นส่วนอุปกรณ์สำคัญๆ ให้กับการผลิตสินค้าเทคโนโลยีของจีน เอาเข้าจริงๆ แล้ว...ก็เป็นเพียงการตอบโต้แบบเบาะๆ นิ่มๆ ไม่ได้ถึงกับต้องเลือดตกยางออกแต่อย่างใด ต่างไปจากคุณพ่ออเมริกาที่พร้อม “ยกฝ่าตีบลูบหน้า” พญามังกรไปเป็นระยะๆ แถมนายกรัฐมนตรีจีน “นายLi Qiang” ยังออกมาพูดจาภาษาดอกไม้ ต่อการเดินทางมาเยือนของรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ คราวนี้ว่าทั้งสองฝ่ายอาจพอมองเห็น “สายรุ้ง” หลังจากผ่าน “ลมและฝน” เอาเลยก็ไม่แน่...
แต่ก็นั่นแหละ...ตราบใดที่คุณพี่จีนยังคงยึดมั่นอยู่กับความเป็น “ทุนนิยมเผด็จการ” ยังให้การสนับสนุนต่อบริษัทรัฐวิสาหกิจ บริษัทเอกชนท้องถิ่น เพื่อให้ “ทุน” นั้น เป็นประโยชน์ต่อ “สังคม-ประเทศชาติ” ได้อย่างเป็นจริง-เป็นจัง ไม่ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามแบบฉบับ “ทุนนิยมเสรี” อันส่งผลให้ “ทุน” หรือบรรดาพวกบรรษัทข้ามชาติทั้งหลายโตเอา-โตเอา ขณะสังคมประเทศชาติและประชาชนมีแต่แห้งเหี่ยวหัวโตลงไปทุกที หรือไม่ได้คิด “ปฏิรูปตลาด” ให้เป็นไปในแบบ “Market-oriented practice” ตามที่คุณป้า “Janet Yellen” ท่านได้ออกมาเสนอแนะต่อประเทศจีน โอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะ “พิศาล อัครเศรณี” หรือจะ “ตบๆ-จูบๆ” กันต่อไปเรื่อยๆ น่าจะลำบากเอามากๆ!!! หรือสุดท้าย...ไม่ฝ่ายใด-ฝ่ายหนึ่งคงต้อง “เจ๊ง...กันไปข้าง” อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธนั่นเอง...
เพราะในขณะที่นายกรัฐมนตรีจีนยังคง “พูดจาภาษาดอกไม้” กับรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ อยู่นั้น ผู้นำสูงสุดอย่างประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ท่านดูไม่คิดจะออกอาการ “สี ทนได้” ต่อไปอีกแล้ว โดยเฉพาะถ้าหากลองไปฟังคำพูด คำจา ว่าด้วยเรื่องการเมืองการทหาร ที่ท่านได้พูดกับบรรดาทวยทหารจีนแห่งศูนย์บัญชาการกองทัพปลดแอกแห่งยุทธบริเวณตะวันออก (The PLA’s Eastern Theater Command headquarters) เมื่อช่วงวันพฤหัสฯ ที่แล้ว (6 ก.ค.) ด้วยการวาดจินตนาการ วาดฉากสถานการณ์ของโลกไว้ล่วงหน้า ประมาณว่า “จะไร้เสถียรภาพยิ่งขึ้น-ไม่แน่นอนยิ่งขึ้น” ดังนั้น...ภายใต้ “ช่วงเวลาแบบใหม่แห่งความสับสนอลหม่านและการเปลี่ยนแปลง” บรรดาทวยทหารจีนทั้งหลาย จะต้องมุ่งเพิ่มศักยภาพ และสมรรถภาพแห่งการเตรียมพร้อม เพื่อให้สามารถ “เอาชนะ...ทุกๆ สงคราม” ที่จะอุบัติขึ้นมาในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล!!!
นี่...ต้องเรียกว่าร้อนฉ่า ร้อนแรง ดุเดือดเลือดพล่าน ต่างจากคำพูดนิ่มๆ นวลๆของนายกรัฐมนตรีจีนชนิดคนละเรื่องละม้วน เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้ว...การปลุกกระตุ้น ปลุกระดม ให้บรรดาทวยทหารจีนมุ่ง “เอาชนะสงคราม...ทุกๆ สงคราม” ตามฉากสถานการณ์ที่ถูกวาดไว้ล่วงหน้า ย่อมต้องถือเป็นสิ่งที่สอดคล้อง เหมาะสมกับความเป็นไปของโลกที่มีแต่จะไร้เสถียรภาพยิ่งขึ้น-ไม่แน่นอนยิ่งขึ้นนั่นแล หรือไม่ใช่แต่เฉพาะพญามังกรจีนเท่านั้นที่กำลังต้องเจอกับฉากสถานการณ์ในลักษณะที่ว่านี้เพราะแม้กระทั่ง “พันธมิตรทางยุทธศาสตร์” ระดับไร้ขีดจำกัดของจีน อย่างคุณน้ารัสเซียที่ดันกลายเป็น “มหาอำนาจคู่แข่ง” ของคุณพ่ออเมริกาอีกราย ก็ดูจะหนีไม่พ้นต้องเจอฉากสถาการณ์ประเภทมีแต่ต้อง “เจ๊ง...กันไปข้าง” เช่นเดียวกันนั่นเอง...
คือมาถึงขั้นนี้ ณ ขณะนี้...ดูๆ คุณพ่ออเมริกาท่านหวังจะให้ “ตัวแทน” อย่างบรรดาชาวยูเครนทั้งหลาย เข่นฆ่า ล้างผลาญกับชาวสลาฟด้วยกันเองอย่างชาวรัสเซีย จนกว่าจะไม่เหลือ “ชาวยูเครนคนสุดท้าย” เอาเลยก็ว่าได้ หรือหลังจากได้ข้อสรุป ว่าการโจมตี-ตอบโต้เพื่อยึดคืนดินแดนจากรัสเซียไม่ประสบความคืบหน้า หรือออกจะ “ล้มเหลว” โดยสิ้นเชิง ความพยายามส่งอาวุธร้ายๆ ประเภท “Cluster Bombs” หรือที่เรียกๆ กันว่า “ระเบิดพวง” อันเป็นสิ่งที่ประเทศกว่า 123 ประเทศในโลกนี้ปฏิเสธที่จะนำมาใช้ จนถึงกับมีการร่วมลงนามในสนธิสัญญาที่เรียกว่า “The 2008 Convention on Cluster Munition treaty” รวมทั้งประเทศในเครือข่าย “NATO” เองด้วยซ้ำ อันเนื่องมาจากความฉิบหาย-วายวอดที่อาวุธชนิดนี้ไม่เพียงแต่ล้างผลาญ ทำลาย บรรดาทวยทหารฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น แต่ยังลุกลามไปถึงบรรดาพลเรือนผู้ไม่รู้อีโหน่-อีเหน่เอาง่ายๆ ด้วยการแตกระเบิดกลางอากาศในรัศมีวงกว้างที่ควบคุมแทบไม่ได้ ไม่ว่าจะยิงจากปืนใหญ่ จรวด เครื่องบินทิ้งระเบิด หรือที่เคยปรากฏให้เห็นเป็นตัวอย่าง จากสงครามที่ทหารอเมริกันกระทำต่อบรรดาชาวเวียดนาม ลาว กัมพูชา เมื่อครั้งอดีตนั่นเอง ชนิดว่ากันว่า...ส่งผลให้พลเรือนผู้บริสุทธิ์ล้มตายไปไม่น้อยกว่า 20,000 ราย และ 40 เปอร์เซ็นต์ของผู้คนเหล่านี้เป็นแค่เด็กเล็กๆ ที่ไม่รู้ประสีประสาใดๆ เลย แต่กลับเป็นสิ่งที่กองทัพอเมริกันมักชอบงัดมาใช้ในสงครามแต่ละสงคราม ไม่ว่าสงครามเกรนาดา เลบานอน ลิเบีย อิหร่าน อิรัก อัฟกานิสถาน ไปจนถึงสงครามเยเมน ฯลฯ ทุกวันนี้...
เรียกว่า...รู้ทั้งรู้ว่าเป็นอาวุธที่อันตรายต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์ แต่ด้วยความมุ่งหมายที่จะให้ “มหาอำนาจคู่แข่ง” อย่างรัสเซียฉิบหายวายวอด ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาวอย่าง “นายJake Sullivan” ถึงกับกล้าออกมาป่าวประกาศแบบเสียงดังฟังชัด ว่าฝ่ายความมั่นคงของอเมริกาลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ที่จะส่งมอบอาวุธชนิดนี้ให้กับยูเครน โดยคิดจะลังเลใดๆ แม้แต่นิด หรือสรุปง่ายๆ ว่า...ใครก็ตามที่ดันตกอยู่ในฐานะ “คู่แข่ง” ของอเมริกาไม่ว่าทางใด ทางหนึ่ง แล้วล่ะก็ มีแต่ต้องพร้อมที่จะ “เจ๊ง...กันไปข้าง” อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธนั่นเอง...