"โสภณ องค์การณ์"
กรณี “ประธานวันนอร์” สะท้อนให้เห็นความเป็นจริงของเรื่อง “ตาอิน” กับ “ตานา” ทะเลาะกันเรื่องใครจะเอาส่วนหัว ส่วนหางปลา สุดท้าย “ตาอยู่” คนตัดสินคว้าพุงปลาไปกินโดยไม่ต้องเหนื่อยแรงไปหาปลา
เรื่องนี้ ใครโง่ ใครฉลาด ก็ตัดสินกันได้ไม่ยาก เป็นบทเรียนไม่ล้าสมัย
ผู้อาวุโส “วันนอร์” หัวหน้าพรรคประชาชาติมี 9 เสียง ได้เป็นประธานในฐานะคนกลาง พรรคคนรุ่นใหม่อ้างว่าต้องได้ เพราะมีเสียง 151 เสียง พรรคนายห้างดูไบบอกจะกินรวบไม่ได้ เถียงกันอยู่หลายวัน สุดท้ายพรรคนายห้างดูไบเสนอ “วันนอร์”
เป็นทางเลือกที่พรรคคนรุ่นใหม่จะปฏิเสธไม่ได้ จำเป็นต้องยอม
ออกมารูปนี้ พรรคคนรุ่นใหม่ก็ไม่ได้ พรรคนายห้างดูไบก็ไม่ได้ แต่ชนะตรงที่พรรคคนรุ่นใหม่ไม่ได้ ส่วน “วันนอร์” ก็ทำหน้าที่เป็นประธาน ดำรงความเป็นกลาง
จะกลางมาก กลางน้อย หรือกลางแต่พองามบางจังหวะหรือไม่ รอดูบทบาท
อย่างน้อยปู่ “วันนอร์” ไม่อยากเสียคนตอนแก่ ก่อนหน้านี้ได้เป็นประธานในช่วงที่พรรคของตัวเองได้เป็นรัฐบาลและกลายเป็นฝ่ายค้าน ก็ทำหน้าที่ได้ดีอยู่
มาถึงบทจะต้องเลือกนายกรัฐมนตรีวันที่ 13 เดือนนี้ พรรคคนรุ่นใหม่ยังจะหวังว่าจะได้อีกหรือไม่ หลังจากเสียเชิงแบบไม่เป็นท่าในการแย่งเอาตำแหน่งประธานสภา
ดูสภาพวังเวงเหลือเกิน พรรคคนรุ่นใหม่ไม่มีเพื่อน MOU เอ็มโอยูได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่มีความหมายในเกมเดิมพันชิงอำนาจการเมืองเพื่อผลประโยชน์
ยิ่งเดิมพันครั้งนี้สูง ต้องให้ไว้วางใจได้ โดยเฉพาะนายห้างดูไบต้องได้กลับบ้าน
วันประกาศยอมให้ท่าน “วันนอร์” เป็นประธาน พรรคคนรุ่นใหม่ยังยัดไส้ในนโยบายอ้างว่าเป็นข้อตกลงร่วมที่จะผลักดันกฎหมายซึ่งล้วนเป็นปัญหาความมั่นคง
นี่แหละคือนโยบายที่ชาวบ้าน คนรุ่นเก่ามองว่าไม่น่าไว้วางใจ เป็นอันตราย
เมื่อเอาความคิดที่ชาวบ้านมองว่าโง่เขลาเบาปัญญามาเป็นนโยบายพรรค หาได้แต่เสียง ได้ใจ พวกหลงผิด คิดไม่เป็น ไร้จิตสำนึกความเป็นวิญญูชน ก็ต้องจนแต้ม
แต่ละนโยบายชาวบ้านรักชาติบ้านเมืองมองดูท่าไหนก็ไม่เป็นคุณต่อแผ่นดิน ทั้งยังจะสร้างความแตกแยก บั่นทอนความมั่นคง เสถียรภาพถึงขั้นเสียเอกราช
เมื่อดันทุรังจะผลักดันนโยบายทำร้ายประเทศ ก็ไม่ต่างจากการลงนามในคำสั่งประหารชีวิตตัวเอง วุฒิสมาชิกหน้าไหนจะเอาด้วย ถ้ายุ่งกับการลดอำนาจสถาบัน
คำประกาศว่าไม่จำเป็นต้องสำนึกบุญคุณพ่อแม่ ถือว่าเป็นสุดยอดแห่งความเลว ทั้งยังไม่ยอมให้เกียรติ เคารพผู้อาวุโส แล้วจะได้การยอมรับจากใคร
นโยบายสุดโต่งของพรรคคนรุ่นใหม่ ไม่มีพรรคใดยอมรับ แม้จะชะล้างความเข้มข้นในเนื้อหาของ เอ็มโอยู ก็ไม่มีใครไว้วางใจ ทั้งยังเป็นเงื่อนไขให้ผู้อื่นปฏิเสธ
ไม่มีใครอยากเป็นพรรคร่วม ไม่มีใครอยากคบกับพวกทรยศแผ่นดินเกิด
ความหวังของว่าที่นายกฯ ของหัวหน้าพรรคคนรุ่นใหม่ จึงจะเป็นเพียงความหวัง ผสมด้วยความเพ้อเจ้อว่าพรรคได้ฉันทานุมัติจากประชาชน ทั้งที่ได้ 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ ยังห่างไกลจากเสียงข้างมาก คำอ้างสะท้อนให้เห็นความด้อยวุฒิภาวะ
มีอย่างเดียวที่ชาวบ้านเห็นชัดว่าจะเป็นอันตรายต่อชาติบ้านเมือง คือความยโสโอหัง ลำพองในอำนาจที่ยังไม่อยู่ในมือ คิดว่าพลังอำนาจที่สามารถทะลุถนนด้วยส้นเท้าของพวกด้อมส้มจะทำให้เกิดบรรยากาศน่าสะพรึงกลัว ไม่มีใครกล้าเสี่ยงขัดใจ
ทุกวันนี้หัวหน้าพรรคคนรุ่นใหม่แทบจะหาที่ยืนไม่ได้ อย่าหวังว่าจะได้เป็นหัวหน้ารัฐบาล ถ้าได้เป็นหัวหน้าฝ่ายค้านก็ถือว่าบุญโข เมื่อยังมีปัญหากฎหมายกับองค์กรตรวจสอบต่างๆ ซึ่งกำลังจะพิสูจน์ว่าเป็นคนซื่อตรง สุจริต เปิดเผยหรือไม่
สภาพที่เป็นอยู่ไม่ชวนให้คิดว่าเป็นอย่างนั้น ประเด็นความซื่อตรง สุจริตเป็นตัววัดว่าจะเป็นผู้นำบ้านเมืองได้หรือไม่ หรือเป็นผู้มีประสบการณ์ด้านธุรกิจที่มีปัญหา
เพียงแค่บริหารกิจการบริษัทครอบครัวยังล้มเหลว มีหนี้สิน มีปัญหาความโปร่งใสด้านการเงิน ก็จะสร้างความไม่น่าไว้วางในให้บริหารประเทศ
สาวก สมาชิกแต่ละคนล้วนมีพฤติกรรม น่าสยดสยอง ก้าวร้าว ไร้ประสบการณ์ มีแต่ความทระนง ห้าว ลำพองในอำนาจ ทั้งที่ฐานมวลชนมีปัญหาด้านความคิด
การเลือกนายกรัฐมนตรีวันที่ 13 ยังไม่มีความแน่นอนว่าใครจะได้ มีทางตันด้วยเงื่อนไขกำหนดโดยแต่ละพรรค ไม่ว่าตัวแทนของพรรคคนรุ่นใหม่หรือพรรคนายห้างดูไบก็จะมีเพียง 312 เสียง หรืออาจมีเสียงจากวุฒิสมาชิกบ้าง
มีไม่มากถึง 64 เสียงของ สว. ตามความต้องการแน่นอน ตราบใดที่ 2 พรรคยังเกาะตัวกันแน่น ส่งตัวเลือกให้เป็นคู่ชิงเก้าอี้นายกฯ ท่าน “วันนอร์” คงตอบสนองให้เลือกได้จำนวนครั้งเท่าที่จำเป็น จะให้ต้องลงคะแนนซ้ำซากกับคนเดิมย่อมไม่เหมาะ
ทางเลือกที่เหลือคือ พรรคนายห้างดูไบต้องแยกจากพรรคคนรุ่นใหม่ ใครจะเป็นนายกฯ นั้นก็ยังต้องพึ่งเสียงวุฒิสมาชิก เมื่อเห็นรูปแบบการเลือกประธาน “วันนอร์” ก็ชวนให้คิดไม่ได้ว่าอาจต้องหาทางออกเหมือนกันให้ลงตัว
บรรดาตัวชิงเก้าอี้นายกฯ นั้น อาจเลือกไม่ลงตัวก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนพรรคนายห้างดูไบ ลุงป้อม หรือใครอื่น ทั้งช่วงนี้ยังมี “พีระพันธุ์” จากพรรคลุงตู่ด้วย
จุดเด่นไม่มีชัด มีแต่ประเด็น “ใครมีจุดด้อยน้อยกว่ากัน” ให้วุฒิสมาชิกฟันธง
ถ้าติดทางตัน ความเป็นไปได้ที่จะแสวงหา “คนนอก” ย่อมเป็นไปได้ และพรรคนายห้างดูไบน่าจะพร้อมจะเลือกเส้นทางนี้ ดีกว่าให้พรรคอื่นๆ แต่จะมีเงื่อนไข และบรรยากาศให้ตนเอง “กลับบ้านได้” อย่างสะดวกหรือไม่ ยังเป็นประเด็นต่อรอง
ถ้า “กลับมาติดคุก” ไม่น่าจะมีปัญหา จะกังวลอยู่ที่ว่า “ติดนานหรือไม่” และมีโอกาสได้ออกจากคุกโดยติดกำไลข้อเท้าเร็วแค่ไหน ในสภาพผู้สูงวัย 74 ปีแล้ว
ก่อนถึงวาระนั้น ต้องดูว่าเด็กเจี๊ยวด้อมส้มจะอาละวาดทะลุถนนหรือไม่ ถ้าหัวหน้าพรรคคนรุ่นใหม่กินแห้ว ถ้าออกแนวนั้น มีประท้วงรุนแรง “ลุงตู่” อาจต้องอยู่รักษาความสงบอีกนาน ไม่มีโอกาสเลือกนายกฯ คนใหม่จนกว่าจะมีความสงบ