ซีไอเอสำนักข่าวกรองกลางของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา มีหน้าที่ทำงานเป็นสายลับ หาข้อมูลต่างๆ ปฏิบัติการลับ รวมทั้งงานจารกรรมล้มรัฐบาลต่างชาติที่ทำตัวแหกคอก ไม่ยอมเป็นเด็กดีของสหรัฐฯ ถึงขั้นลอบสังหารผู้นำ หรือคนสำคัญนั่นเลย
ถึงขั้นโดนกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการสังหารประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี แต่ไม่มีหลักฐานมัดตัว ถึงจะมีก็ทำอะไรไม่ได้เพราะซีไอเอเป็นส่วนสำคัญของกลุ่มผู้มีอิทธิพลและอำนาจเหนือรัฐ อย่างที่เรียกกันว่า Deep State
Deep State จะมีหน่วยงานอื่นๆ ด้านความมั่นคง การทหาร และงานที่จำเป็นในภารกิจเพื่อความอยู่รอดของประเทศ ซีไอเอรายงานโดยตรงต่อประธานาธิบดี ผู้อำนวยการก็ถูกแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี ต้องผ่านการรับรองโดยวุฒิสภา
อดีตประธานาธิบดี จอร์จ บุช ผู้เป็นพ่อ ก็เป็นอดีตผู้อำนวยการซีไอเอ ก่อนมาเป็นรองประธานาธิบดียุคโรนัลด์ เรแกนกุมข้อมูลของคนอเมริกันและต่างชาติ
บทบาทของซีไอเอคือทำภารกิจสงครามลับด้วย เช่นการตั้งกองกำลังทหารรับจ้างไทย กองบัญชาการ 333 ที่อุดรธานี ปฏิบัติการในสงครามกลางเมืองในลาว
ซีไอเอถูกกล่าวหาว่าค้ายาเสพติดในสามเหลี่ยมทองคำและในลาว ระดมทุนเพื่อทำสงครามผ่านบริษัทหน้าฉากคือแอร์ อเมริกา มีฝ่ายตรงข้ามสำคัญคือ FSB เป็นอดีต KGB ของรัสเซียในยุคก่อนสหภาพโซเวียตล่มสลายนั่นเอง
เรื่องราวปฏิบัติการลับของซีไอเอ มีคนบันทึกเรื่องราวไว้มากมาย รวมทั้งอดีตเจ้าหน้าที่ด้วย หน้าที่หลักคือการทำหน้าที่ทำลายฝ่ายตรงข้ามโดยทุกวิธีที่ทำได้
ไม่ต้องคำนึงถึงกฎหมายระหว่างประเทศ ศีลธรรม คุณธรรมอะไรทั้งนั้น ปฏิบัติการลับมีการรายงานให้คณะกรรมาธิการของรัฐสภาสหรัฐฯ และประธานาธิบดี บางงานไม่ต้องรายงานเพื่อให้ปฏิเสธได้อย่างเต็มปาก หากเกิดพลั้งพลาด ผิดแผน
ล่าสุด ผู้อำนวยการซีไอเอ นายวิลเลียม เบิร์นส์ (William Burns) อ้างในการกล่าวสุนทรพจน์ในงานมูลนิธิ Ditchley Foundation ในอังกฤษว่าตัวเองได้เชียร์การแตกแยกในกลุ่มผู้กุมอำนาจในรัสเซียที่พยายามล้มประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน
นายเบิร์นส์ บอกว่าการกบฏโดยกลุ่มทหารรับจ้าง Wagner เป็นโอกาสเหมาะสำหรับซีไอเอคัดสรรหาตัวจารชนเพื่อทำงานบ่อนทำลายฐานของปูติน
นายเบิร์นส์ อ้างว่าการปฏิบัติการของ Wagner เป็นการทำลายฐานอำนาจของปูตินให้อ่อนแอ และพังทลายไปในที่สุด แม้จะมีความพยายามปั่นโฆษณาชวนเชื่อและการกดขี่ผ่านนโยบายและแนวปฏิบัติต่างๆ โดยอำนาจรัฐ
นายเบิร์นส์ เชื่อว่าสงครามยูเครนทำให้คนรัสเซียเริ่มไม่ชอบใจกับสภาพที่เป็นอยู่ และที่ถือว่าเป็นโอกาสงามอย่างยิ่งครั้งเดียวที่จะเกิดขึ้นในชั่วอายุคน
“เราจะไม่ยอมให้โอกาสทองนี้เสียไป” นายเบิร์นส์ กล่าว และบอกว่าช่วงที่ผ่านมาๆ ซีไอเอได้เริ่มโครงการผ่านสื่อ Telegram ในการระดมบุคลากร ทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ข้าราชการ นักวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ป้อนข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับรัสเซีย
“มีคนเข้าชมมากถึง 2.5 ล้านคนในสัปดาห์แรก เป็นข้อมูลเกี่ยวกับสภาวะผู้นำรัสเซียและเศรษฐกิจ และเราจะเดินหน้าต่อไปสำหรับภารกิจนี้” นายเบิร์นส์ อ้าง
ฝ่ายรัสเซียได้โต้ว่าการกระทำของซีไอเอ เป็นการสิ้นเปลืองเงินภาษีของคนอเมริกัน ในความพยายามที่จะบ่อนทำลายแบ่งแยกสังคมรัสเซียจากนอกประเทศ
ทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯ อนาโตลี แอนโตนอฟ สวนกลับนายเบิร์นส์ ว่า “งานเช่นนั้นจะไม่ได้ผล” ที่ผ่านมาการสนับสนุนยูเครนด้านข่าวกรอง อาวุธและเงินช่วยเหลือไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
สหรัฐฯ หวังมากว่าสงครามในยูเครนจะทำให้แหล่งหน่วยงานข่าวกรองเป็นปฏิปักษ์กับปูตินมากขึ้น คำพูดของนายเบิร์นส์ เกิดขึ้น 1 สัปดาห์หลังจากกองกำลังทหารรับจ้าง Wagner พยายามยกกำลังไปมอสโกเพื่อเล่นงานผู้นำกองทัพรัสเซีย
เพียงไม่ทันข้ามคืน ปูตินสามารถจัดการกับกลุ่มลุกฮือได้สำเร็จ โดยไหว้วานประธานาธิบดี Alexander Lukashenko ให้หว่านล้อมผู้นำ Wagner นายYevgeny Prigozhin ให้ล้มเลิกแผน และยกกำลัง Wagner ไปตั้งค่ายในเบลารุส
ฝ่ายโลกตะวันตก เช่นสหรัฐฯ และยุโรปหวังว่าการลุกฮือของกองทหารรับจ้างจะนำไปสู่การล้มอำนาจของปูติน แต่ผิดคาด ปูตินได้รับการหนุนจากกองทัพและประชาชน ความนิยมปัจจุบันยังอยู่ที่ 81 เปอร์เซ็นต์
การไม่เล่นงาน Prigozhin และกองทหารรับจ้างเพราะปูตินมองว่าได้ทำงานเป็นประโยชน์ต่อรัสเซีย ทั้งแผนการลุกฮือถูกมองว่าเป็นการย้อนรอยซีไอเอ โดยการเล่นละครจัดฉากเพื่อต้ม ซีไอเอได้เงินมากถึง 6.2 พันล้านดอลลาร์
ทุกวันนี้ยังไม่มีใครปฏิเสธว่าแผนต้มซีไอเอไม่เป็นจริงตามข่าว ก่อนหน้านั้นมีรายงานว่ามีเงินหายไปจากบัญชี งบช่วยเหลือยูเครน 6.2 พันล้านดอลลาร์เช่นกัน
ช่วงเกิดเหตุวุ่นวายนายเบิร์นส์ ได้โทรศัพท์ติดต่อหัวหน้าฝ่ายข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย
นายSergey Naryshkin ว่าสหรัฐฯ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความพยายามในการลุกฮือของ Wagner แต่เป็นเรื่องปัญหาภายในของรัสเซียเอง
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ก็รีบบอกผู้สื่อข่าวว่าสหรัฐฯ ไม่ได้เกี่ยวข้องเช่นกัน แต่มีข่าวภายหลังโดยซีไอเอ อ้างว่าได้รู้ถึงแผนการลุกฮือ 1 สัปดาห์ก่อนหน้าแล้ว
ยิ่งทำให้สงสัยว่าการรู้ล่วงหน้า แสดงว่า ซีไอเอน่าจะว่าจ้าง Wagner จริงแต่โดนย้อนรอย เสียเงินไปก้อนใหญ่ ทำอะไรปูตินไม่ได้ แถมยังเสียหน้าอย่างแรง
ซีไอเอคงต้องลองแผนใหม่ ให้แนบเนียนกว่าเดิม ไม่ให้โดนต้มอีกด้วย!