xs
xsm
sm
md
lg

ชั่งน้ำหนักปอนด์ต่อปอนด์-ตะวันตกกับรัสเซียใครยืนระยะได้นานกว่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


เกิดเหตุจลาจลในฝรั่งเศส
เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องลองแวะไปเยี่ยมๆ มองๆ พวก “โลกตะวันตก” ประเภทคุณพ่ออเมริกาหรือบรรดา “พรมเช็ดเท้า”อย่างประเทศอียูและอีย้วยทั้งหลายไว้สักหน่อย เพราะอย่างที่พอทราบๆ กันไปแล้วนั่นแหละว่า ช่วงที่เกิด “กบฏรัสเซีย”เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา บรรดาพวกโลกตะวันตกทั้งหลาย ต่างดีอก ดีใจ เนื้อเต้นเร่าๆ ชนิดแทบเปิดแชมเปญฉลองกันล่วงหน้า รวมทั้งบรรดาพวก “ขาเชียร์”หรือบรรดาสื่อกระแสหลัก ไม่ว่าในบ้านเราหรือในระดับโลกก็ตามที แต่ครั้นทุกสิ่งทุกอย่างมีอันต้องปิดฉาก ปิดกล่อง ภายในเวลาแค่ 24 ชั่วโมง ไม่เพียงส่งผลให้แต่ละรายต้องเปิด “แห้วกระป๋อง”รับประทานกันแทนที่ แต่ยังก่อให้เกิด “คำถาม” ต่อไปภายในอนาคตเบื้องหน้า ว่าโอกาสที่กลุ่มคนเหล่านี้ ประเทศเหล่านี้ จะยืนระยะจะอึด จะทน กับความยืดเยื้อ คาราคาซังของ “สงครามยูเครน” ไปได้อีกนานขนาดไหน??? 

เพราะแม้ว่าผู้นำของโลกตะวันตก...อย่างประธานาธิบดี “โจ ซึมเซา” ยังคงแสดงความมั่นอก-มั่นใจ ว่ายังไงๆ “ปูติน...ต้องแพ้สงครามอิรัก” อยู่แล้วแน่ๆ หรือยังออกอาการ “เอ๋อ” แบบครั้งแล้ว-ครั้งเล่า แต่การที่ผู้นำอเมริกันรายนี้ได้เริ่มเปลี่ยนมุมมองหันมาทุ่มเทความสนใจให้กับเรื่อง “เศรษฐกิจ”ในช่วงระหว่างนี้อย่างเห็นได้โดยชัดเจน ถึงขั้นออกมาป่าวประกาศถึงแนวนโยบายหรือแผนรับมือทางเศรษฐกิจที่ถูกขนานนามว่า “Bidenomics”เอาเลยถึงขั้นนั้น อันนี้...ย่อมต้องถือเป็นภาพสะท้อน เป็น “คำอธิบาย” ภายในตัว ว่าสิ่งที่กำลังก่อให้เกิดความหนักหนา-สาหัสต่อประเทศอเมริกาทุกวันนี้ เผลอๆ...อาจไม่ใช่แค่เรื่องการเอาแพ้-เอาชนะต่อมหาอำนาจคู่แข่งอย่างหมีขาวรัสเซียแต่เพียงเท่านั้น แต่น่าจะเป็น “ปัญหา” ของอเมริกาเอง หรือปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศตัวเองนั่นแหละ ที่นับวัน...คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างชักทำท่าว่า “ใกล้เจ๊ง”เต็มที!!! 

หรืออย่างที่หน่วยงานด้านงบประมาณของรัฐสภา “Congressional Budget Office”หรือ “CBO” เขาต้องออกมา “เตือน”เอาไว้ดังๆ เมื่อช่วงวันพุธที่แล้ว (28 มิ.ย.) ถึงเรื่องปริมาณหนี้ รวมไปถึงปัญหาดอกเบี้ย ที่อาจส่งผลให้ “เศรษฐกิจอเมริกา”มีแต่ “เจ๊ง...กับ...เจ๊ง” เอาง่ายๆ เพราะด้วยปริมาณหนี้ที่พุ่งขึ้นไปถึงประมาณ 78 เปอร์เซ็นต์ของตัวเลขจีดีพีอเมริกาในช่วงเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา มันมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 98 เปอร์เซ็นต์ หรือถึง 107 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีภายในปี ค.ศ. 2029 และอาจเตลิดเปิดเปิงไปถึง 181 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีในปี ค.ศ. 2053 อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้เลย อันจะส่งผลให้เกิด “ความเสี่ยง” อย่างสำคัญ อย่างฉกาจฉกรรจ์ต่อระบบเศรษฐกิจอเมริกาทั้งมวล ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ พยายามกดตัวเลขเงินเฟ้อด้วยการ “ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย” จากที่เคยอยู่ในระดับประมาณ 0 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นไปถึง 5.25 เปอร์เซ็นต์ไปแล้วในทุกวันนี้ ไม่เพียงส่งผลให้บรรดาธนาคารต่างๆ ในสหรัฐฯ ตกอยู่ในสภาพเจ๊งแหล่-มิเจ๊งแหล่ หรือเจ๊งไปแล้วเป็นรายๆ แต่ยังจะส่งผลให้ “กระบวนการชำระหนี้”ของทั้งรัฐบาลและภาคเอกชนต่อปริมาณหนี้สิน พันธบัตรรัฐบาล ยิ่งต้องเป็นไปแบบรากเลือด รากเขียว รากเหลือง ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น หรือทำให้การจ่ายหนี้เฉพาะแค่จำนวนดอกเบี้ย เพิ่มขึ้นไปอีก 3 เท่าตัว หรือเพิ่มขึ้นไปอีกไม่น้อยกว่า 3.5 เปอร์เซ็นต์ของตัวเลขจีดีพี อันจะส่งผลให้ “ช่องว่าง”ระหว่างรายได้-รายรับของอเมริกาในทศวรรษข้างหน้า ถ่างออกไปไม่น้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของตัวเลขจีดีพี หรือมีแต่ต้องหันไป “สร้างหนี้...เพื่อใช้หนี้”ลูกเดียวเท่านั้นเอง!!! 

และถ้าหากต้องเป็นไปในแนวนี้...บรรดานักวิเคราะห์เศรษฐกิจทั้งหลาย อย่างเช่นศาสตราจารย์ “Nouriel Roubini”หรือ “Dr.Dooms”ท่านก็ได้ฟันธง-ฟันเฟิร์มเอาไว้ตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีที่แล้วนั่นแหละว่า... “เมื่อไหร่ก็ตามที่รัฐบาลสหรัฐฯ เดินไปถึงจุดที่ต้องกู้ยืมเงินมาเพื่อจ่ายดอกเบี้ยให้กับหนี้สินที่ตัวเองก่อขึ้นมา เมื่อนั้น...รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นใคร หรือพรรคใดก็ตาม ย่อมถูกผลักดันเข้าสู่วงจรแบบเดียวกับบรรดาแชร์ลูกโซ่ทั้งหลาย อันจะนำไปสู่ความล้มละลายของระบบเศรษฐกิจทั่วทั้งประเทศ” ด้วยเหตุนี้...แม้จะ “Bidenomics”กันในลักษณะไหนก็ตาม โอกาสที่จะอึด จะทน จะยืนระยะต่อไปได้ยาวๆ น่าจะ “ลำบาก” เอามากๆ ยิ่งเมื่อบรรดากูรู-กูรู้ทางเศรษฐกิจทั้งหลาย ไม่ว่าศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์มหภาคแห่งมหาวิทยาลัย “Fribourg”ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อย่าง “Sergio Rossi”ท่านออกมาทุบโต๊ะ ทุบกำปั้น เอาไว้ชัดเจน ว่าไม่ว่าโดย “กรรมวิธี”ใดๆ ก็ตาม ก็ยากจะแก้ปัญหาได้ง่ายๆ เนื่องจากปัญหารากฐานของเศรษฐกิจอเมริกาก็คือ “ปัญหาหนี้สิน”นั่นเอง แถมยิ่งเกิดภาวะ “De-dollarization”แทบจะทั่วทั้งโลก ยิ่งกลายเป็นตัวกระหน่ำซ้ำเติมให้ยิ่งหนักหนา-สาหัสยิ่งขึ้นไปใหญ่ หรือศาสตราจารย์ “Mark Frost” แห่ง “Bubba Trading.com”ที่ถึงกับฟันธงไว้แบบเต็มผืน เต็มด้าม ว่าสุดท้ายแล้ว “Bidenomics”ของคุณปู่ “โจ ซึมเซา”นั้น ก็คือ “การเลี้ยงดูคนรวย...และทำให้คนจนหิวโหยยิ่งขึ้น”หรือถึงขั้นถือเป็น “การทำสงครามกับคนจน”เอาเลยถึงขั้นนั้น!!! 

ส่วนบรรดาพวก “พรมเช็ดเท้า” หรือบรรดาพวกสมุนและบริวารของคุณพ่ออเมริกาทั้งหลาย...ก็น่าจะต้องหายใจทางปาก หรือหายใจทางเหงือก ไม่ต่างไปจากกันมากมายสักเท่าไหร่ เช่นประเทศเสาหลักของอียู อย่างเยอรมนี ไม่เพียงแต่ “ระบบอุตสาหกรรม” ทั้งระบบพังพินาศ ล้มคว่ำคะมำหงาย แทบมองไม่เห็นโอกาสรื้อฟื้นจนตราบเท่าทุกวันนี้ กระทั่งภาวะเงินเฟ้อที่เอาไม่อยู่ กดยังไงก็กดไม่ลง ยังคงอยู่ที่ 6.4 เปอร์เซ็นต์ไม่น้อยลงไปกว่านั้น ส่งผลให้ราคาสินค้าจำเป็นพุ่งระเบิดเถิดเทิงถึง 13.7 เปอร์เซ็นต์ แถมสภาผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ หรือ “GCEE” (The German Council of Economic Expert) ยังออกมาตอกย้ำไว้อีกต่างหากว่า “ปัญหาเงินเฟ้อในเยอรมนี...จะยังคงอยู่ยาวนานกว่าที่ใครต่อใครเคยคาดคิด” แม้ยาวไปถึงปีหน้า-ฟ้าใหม่ ก็น่าจะยังอยู่ที่ 6.6 เปอร์เซ็นต์ หรือมีแต่เพิ่มกับเพิ่ม โดยมิอาจเยียวยาได้เลย... 

ยิ่งประเภทพวก “ผู้ดีอังกฤษ” ยิ่งหนักหนา-สาหัสยิ่งขึ้นไปใหญ่...โดยเฉพาะถ้าฟังจาก “ผลวิจัย” ที่องค์กรการกุศลด้านอาหารหรือ “Food Bank Charity” อย่าง “The Trussell Trust” ที่มีเครือข่ายธนาคารอยู่ถึง 1,200 แห่งทั่วประเทศ เขานำมาเปิดเผยไว้เมื่อช่วงวันพุธที่แล้ว (28 มิ.ย.) โดยสรุปไว้ว่า ประมาณ 1 ใน 7 ของบรรดาพวกผู้ดีอังกฤษ ได้กลายสภาพเป็น “แด่น้อง...ผู้หิวโหย” ไปเรียบร้อยแล้ว!!! หรือประชากรชาวอังกฤษจำนวนไม่ต่ำกว่า 11.3 ล้านคน มากเสียยิ่งกว่าประชากรชาวสกอตแลนด์ถึงหนึ่งเท่าตัว กำลังตกอยู่ในภาวะ “ขาดแคลนอาหาร” เนื่องมาจากระดับราคาของบรรดาข้าว-ยา-ปลาปิ้งทั้งหลาย มันพุ่งขึ้นไปกว่า 37 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับ 5 ปีที่แล้ว นี่...หนักหนา-สาหัสไปแล้วถึงขั้นนั้น... 

ส่วนฝรั่งเศสดินแดนแห่งเสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ อันเป็นที่รัก ที่ปรารถนาของคุณน้อง “ปิยบุตร-ธนาธร และช่อ” ของบ้านเราเอามากๆ มาถึงทุกวันนี้ก็แทบไม่หลงเหลือเสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพใดๆ อีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุเพราะ “การจลาจล” ที่ลากยาวว์ว์ว์นับเป็นเดือนๆ ตั้งแต่ครั้งการออกกฎหมายปฏิรูปบำเหน็จ-บำนาญของประธานาธิบดี “มาครง คนหนุ่ม” เป็นต้นมานั่นแหละทั่น ส่งผลให้เกิดการลุกฮือ ลงถนน เผาบ้าน-เผาเมือง จนจำนวนร้านค้าไม่ต่ำกว่า 492 ร้าน รถยนต์ไม่น้อยกว่า 2,000 คันถูกลากมาเผาชนิดควันขโมงไปทั่วบ้าน-ทั่วเมือง ผู้ประท้วงถูกจับกุมคุมขังไปแล้วไม่ต่ำกว่า 875 ราย ยิ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์โหดร้ายทารุณ ยิ่งกว่าที่คุณหลาน “แบม-ตะวัน-และหยก” ถูกเล่นงานในบ้านเราด้วยซ้ำ นั่นคือเด็กชายชาวฝรั่งเศสเชื้อสายแอลจีเรียอายุ 17 ปีเท่านั้น ถูกเจ้าหน้าที่ยิงตายคาบ้านคาเมือง การลุกฮือ เผาบ้าน-เผาเมือง ก็ยิ่งร้อนเร่า ร้อนแรงยิ่งขึ้นไปกว่านั้น ต้องใช้กำลังตำรวจถึงกว่า 40,000 คนในการรับมือการประท้วงเมื่อช่วงวันพฤหัสฯ (29 มิ.ย.) ที่ผ่านมา หรือถึงขั้นที่ผู้นำฝรั่งเศสซึ่งกำลังเข้าร่วมประชุมอียูที่กรุงบรัสเซลส์ ต้องวิ่งแจ้นกลับประเทศ เพื่อควบคุมสถานการณ์ไม่ให้ฉิบหายวายปวง เกินไปกว่านี้... 

สรุปง่ายๆ ว่า...ไม่ว่าไล่ลงมาตั้งแต่อเมริกาและบรรดาพรมเช็ดเท้าในแต่ละแผ่น แต่ละผืน ต่างก็ “เดี้ยง...กับ...เดี้ยง” กันไปเป็นแถบๆ ด้วยเหตุนี้...เมื่อ “กบฏรัสเซีย” ดันปิดฉาก ปิดกล่อง เอาดื้อๆ ไม่ได้เป็นไปตามคาด ตามความปรารถนา-ต้องการของพวกโลกตะวันตกเอาเลยแม้แต่น้อย แถมข่าวคราวว่าด้วย “การโจมตี-ตอบโต้” เพื่อยึดคืนดินแดนของรัฐบาล-กองทัพยูเครน ออกอาการ “ล้มเหลว” อย่างเห็นได้โดยชัดเจน เลยทำให้ข่าวล่า-มาเรือ หรือข่าวปล่อย-ข่าวปลอม ก็ยังมิอาจสรุปได้ของสื่อเยอรมนี อย่างโทรทัศน์ “ARD” ที่อ้าง “แหล่งข่าวระดับสูง” ในที่ประชุมนานาชาติที่กรุงโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก ช่วงวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่าหลังจากประสบความยากลำบากในการเกลี้ยกล่อม โน้มน้าว ให้บรรดาประเทศ “โลกใต้” หรือประเทศที่ยังแสดงตัวแบบกลางๆ อย่างจีน-อินเดีย-บราซิล และแอฟริกาใต้ หันมายืนข้างโลกตะวันตกและต่อต้านรัสเซีย บรรดาผู้ที่เข้าร่วมประชุมในเวทีดังกล่าว ซึ่งรวมไปถึง “นายJake Sullivan” ที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาวอีกด้วย เลยออกจะเห็นพ้องต้องกัน ว่าจะต้องเร่งหาทางให้เกิด “การเจรจาสันติภาพ” ระหว่าง “ยูเครน-รัสเซีย” ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ให้จงได้!!! นี่...จริง-ไม่จริง น่าเชื่อ-ไม่น่าเชื่อ มีน้ำหนักกว่า “ข่าวปล่อย” เรื่องพรรคเผาไทยยอมมอบตำแหน่งประธานรัฐสภาให้กับพรรคก้าวสะเปะสะปะ หรือไม่? อย่างไร? คงต้องเก็บไป “จินตนาการ” เอาเองก็แล้วกัน...


กำลังโหลดความคิดเห็น