"โสภณ องค์การณ์"
“ไปโดนเค้าหลอกอีกแล้ว .. น้องแก้วไม่เข็ด ต้องมาโศกาน้ำตาเล็ด …”
เพลงลูกทุ่งนี้ยังมีเนื้อหากินใจสำหรับคนที่ถูกหลอกซ้ำซากทั้งเรื่องความรักและอื่นๆ ยิ่งการเมืองด้วยแล้วการหลอกเป็นเรื่องธรรมดามาก
หลังจากเล่นละครหลวงโลกและหลอกตัวเองกันมานาน กว่าหนึ่งเดือนมาแล้ว ในที่สุด 8 พรรคพันธมิตร ก็รู้แน่แก่ใจว่าสัญญาเป็นเพียงตัวหนังสือ
ออกจากโลกเสมือนจริงมาสู่โลกแห่งความจริงที่มีแต่เรื่องผิดหวังและเจ็บปวดด้วยเหตุการณ์ทรยศหักหลัง
จะเขียนเป็นภาษาอังกฤษ MOU ก็ไม่ได้ขลังหรือผูกมัด ให้ผู้ลงนามยึดมั่นได้ การเมืองเป็นเกมชิงอำนาจเพื่อผลประโยชน์ อย่างอื่นเป็นเรื่องเล็ก ไม่คำนึงถึงศีลธรรม จริยธรรม คุณธรรมหรือความซื่อสัตย์ต่อกันเพราะการเมืองไม่ใช่งานการกุศลเพื่อประโยชน์สาธารณะ การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรมีแต่ผลประโยชน์ร่วมกันเท่านั้นที่ถาวร ดังนั้นข้อตกลงเอ็มโอยูก็อยู่ได้เพียงเดือนกว่า แต่ออกแววว่าไม่ มั่นคงตั้งแต่แรก
ต่อให้เป็นพวกที่เรียกตัวเองว่า “ ฝ่ายประชาธิปไตย” ก็ตามไม่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ของการผิดคำมั่นสัญญาทรยศหักหลังถ้าไม่ตกลงกันได้เรื่องผลประโยชน์
พรรคคนรุ่นใหม่กระดูกเพิ่งได้ติดเบอร์คงจะรู้ซึ้งว่าไม่มีสัจจะในทุรชนคนการเมืองจะกอดคอคล้องแขนทำสัญลักษณ์ของมิตรภาพแน่นแฟ้นอย่างไรก็ตาม
รอยยิ้มที่แสดงโชว์สื่อแต่ละครั้งล้วนซ่อนดาบไว้ทั้งนั้นและเพิ่งชักออกมาให้เห็นเต็มตาวันที่พรรคการเมืองของนายห้างดูไบบอกว่าต้องใต้เก้าอี้ประธานสภา
ก่อนหน้าโน้นก็เล่นเกมละครลิงหลอกเจ้าโดยทั้งสองฝ่ายเสแสร้งว่าเชื่อในคำพูดและจุดยืนของกันและกัน สุดท้ายก็ต้องยอมรับสภาพว่าผลประโยชน์อยู่เหนือมิตรภาพชั่วคราว
พรรคคนรุ่นใหม่ต้องได้อีกบทเรียนราคาแพงว่าความแน่นอนคือความไม่แน่นอน จากความมั่นใจของหัวหน้าพรรคอ้างความเป็น “ ว่าที่นายกฯ” โดยตลอดนั้นมาวันนี้คงต้องรับบทว่าที่นายกฯ ของแท้ จากนั้นคงมีทีมเปลี่ยนผ่าน เพื่อเป็นว่าที่หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านในสภาอีกรอบถ้าพลาดจากเก้าอี้ประธานสภา ความหวัง ความฝันกลายเป็นหวังและ ฝันแบบลมๆ แล้งๆ
จะโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองว่าอ่อนหัดเกมการเมือง และทำตัวเองด้วยนโยบายที่ขัดใจคนเกือบทั้งประเทศดูเหตุที่ทำตัวยโสโอหังลำพองในอำนาจขณะที่ยังไม่มี
ชาวบ้านคนรุ่นเก่าเห็นชัดนะว่าทั้งที่ยังไม่มีอำนาจยังทำตัวพองขนขนาดนี้ ถ้าได้มีอำนาจจะไม่ออกฤทธิ์ออกเดชคับแผ่นดินหรือ คงจะไม่เห็นหัวประชาชนด้วยซ้ำแต่จะเร่งปลุกปั่นพวกคนรุ่นใหม่ปากเพิ่งสิ้นกลิ่นน้ำนม ให้เป็นสาวกหลงเชื่อคำสอนวิปริตอย่างหัวปักหัวปำ
พ่อแม่ตัวเองยังไม่เคารพนับประสาอะไรจะให้ชาวบ้านเชื่อว่าพวกลำพอง อำนาจ พฤติกรรมเหิมเกริม จะเห็นประชาชนมีความหมายนอกจากเป็นเหยื่อให้กาบัตรเลือกตั้ง
นโยบายเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับสถาบัน เปลี่ยนวันชาติ สร้างปมเงื่อนไขให้มีพฤติกรรมแบ่งแยกดินแดน การเปลี่ยนโครงสร้างขององค์กรต่างๆ ทำให้คนมีสติปัญญาไม่ไว้ใจ
แม้แต่พรรคอื่นๆ ที่ลงนามเอ็มโอยูจะตอบคำถามอย่างไรเมื่อถูกจี้ประเด็นเหล่านี้ ว่าเห็นด้วยเหรอจึงต้องยอมให้คนรุ่นใหม่จูงจมูก
การหักล้างอย่างหักดิบ ยังไม่ต้องเกรงใจหรือกลัวเสียน้ำใจ ถือว่าเป็นมาตรการสุดท้ายที่ต้องทำและต้องดูว่าใน แปดพรรคการเมืองจะมีใครอยู่ฝ่ายไหน
ถ้าพรรคคนรุ่นใหม่ไม่ได้เป็นเจ้าของเก้าอี้ประธานสภาก็ต้องเลิกหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์สำหรับว่าที่นายกจะได้เป็นนายกฯ ขอเพียงแค่ให้รอดจากคดีที่มีเรื่องพัวพันอยู่ในขนาดนี้ก็เป็นบุญแล้ว
ไม่ว่าใครจะมาเป็นผู้นำประเทศบ้านเมืองคงจะไม่ได้ดีขึ้น ขออย่าให้ย่ำแย่กว่านี้ก็ดีแล้วเพราะมาถึงช่วงนี้ก็ยังไม่รู้ว่าการเปลี่ยนผ่านไปสู่รัฐบาลใหม่จะเป็นจริงหรือไม่
พวกด้อมส้ม เด็กเจี๊ยวที่ต้องเป็นเพียงการได้ด้อมๆ มองๆ ย่อมจะต้องโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงและแผลงฤทธิ์บนถนนเรียกร้องความเป็นธรรม แต่จะให้ใครเหลียวแล
ถ้าก่อเหตุวุ่นวายหลังจากการเลือกประธานสภาและไม่สามารถเลือกนายกได้ก็จะนำไปสู่การชะงักงันของกระบวนการต่างๆ และลุงตู่ต้องรักษาการ เพื่อรักษาความสงบถ้ามีเหตุร้าย
ถ้ากลุ่มคนรุ่นใหม่คิดว่าไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้วเมื่อพลาดทั้งสองตำแหน่งสำคัญและเลือกที่จะแสดงกำลังบนถนนให้เกิดมิคสัญญี นั่นย่อมไม่ใช่สถานการณ์น่าพึงปรารถนา
ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่มีเหตุอะไรลุกลามไปถึงขั้นนั้น แต่ถ้าจะเกิดก็ต้องทำใจว่าอะไรจะเกิดก็ต้องให้มันเกิด
ลุงตู่และพวกก็ต้องแก้ไขสถานการณ์ตามสภาพ บ้านเมืองจะพ้นจากบ่วงกรรมบ่วงเวรหรือไม่ก็แล้วแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รักษาแผ่นดินนี้จะเอาอยู่หรือไม่