ณ บ้านพระอาทิตย์
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
ประเทศไทยที่สามารถรอดพ้นจากโรคระบาดหลายปีที่ผ่านมาได้ ก็อาศัยหลายปัจจัยที่มีการบูรณาการร่วมกัน แต่ปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งก็คือ “คนไทยส่วนใหญ่ที่ป่วยในช่วงโรคระบาดสามารถรักษาตัวเองได้”
การที่ประชาชนส่วนใหญ่รักษาตัวเองได้ ทำให้ประเทศไทยต้องเปลี่ยนตัวเลขการรายงานจากจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อทั้งหมดซึ่งไม่สามารถสะท้อนความเป็นจริงได้ มาเป็นการรายงานเฉพาะผู้ป่วยที่ติดเชื้อเฉพาะที่รักษาตัวที่โรงพยาบาล
และการรักษาตัวเองของคนไทยส่วนใหญ่ในเวลานี้เชื่อว่าใช้ ฟ้าทะลายโจร เป็นยาหลัก
ถึงแม้ในความเป็นจริงแพทย์ตามโรงพยาบาลต่างๆ จะไม่จ่ายยาฟ้าทะลายโจร เพราะไม่เชื่อมั่น หรือไม่เข้าใจ หรืออคติ แพทย์บางคนยังกล่าวหาโจมตีว่าทานฟ้าทะลายโจรจะทำลายตับ ทั้งๆ ที่ไม่มีงานวิจัยชิ้นใดเลยในโลกที่ระบุอย่างนั้นเลย ในทางตรงกันข้ามงานวิจัยยังพบว่าฟ้าทะลายโจรกลับมีบทบาทในการป้องรักษาตับเสียด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับยาพาราเซตตามอล
แพทย์บางคนมีประสบการณ์มากหน่อยก็จะรู้ว่าผู้ป่วยโรคหวัดมีอาการคล้ายโรคระบาด แต่พอตรวจ ATK กลับไม่พบการติดเชื้อเลย ก็จะถามผู้ป่วยรายนั้นว่ารับประทานฟ้าทะลายโจรมาใช่หรือไม่?
เหตุที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะว่าฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรที่รับประทานเพื่อลดไข้แก้หวัด ลดอาการเจ็บคอ ในประเทศมาเป็นเวลานานแล้ว แม้จะไม่ได้ฆ่าไวรัสแต่มีสรรพคุณในการต้านไวรัสโดยรวม ยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัส แล้วให้ระบบภูมิคุ้มกันการการกำจัดเชื้อไวรัสเองตามธรรมชาติ
ผู้ที่เป็นหวัดส่วนใหญ่ หรือมีอาการเจ็บคอ แม้จะไม่ต้องรู้ว่าตัวเองติดเชื้อโรคระบาดหรือไม่ก็ตาม การรับประทานฟ้าทะลายโจรให้เร็ว ให้เพียงพอ ย่อมจะทำให้ลดความเสี่ยงรุนแรงอันเนื่องมาจากไวรัสได้ดีที่สุด และน่าจะดีกว่าการรับประทานยาพาราเซตตามอลและรับประทานยาปฏิชีวนะ(ยาต้านแบคทีเรีย)ด้วยตัวเอง
เพราะคนเป็นหวัดส่วนใหญ่ในประเทศไทยมีโอกาสความน่าจะเป็นในการติดเชื้อไวรัสถึง 80 เปอร์เซ็นต์ และมีโอกาสที่จะติดเชื้อแบคทีเรียเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นผู้ป่วยโรคที่มีอาการหวัดที่ซื้อยาด้วยตัวเอง และรับประทานยาลดไข้ควบคู่ไปกับการรับประทานยาปฏิชีวนะ(ต้านยาแบคทีเรีย) คือการรักษามีโอกาสที่จะรักษา “ผิดทาง”
วิธีการเบื้องต้นในการแยกแยะระหว่างการติดเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย คือหากเป็นหวัดเจ็บคอจาก เชื้อไวรัส มักมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ มีเสมหะเสียงแหบ คันคอ เจ็บคอ หรืออาจมีไข้ร่วมด้วย อาจนาน ประมาณ 7-14 วันอาการจะมากสุดในช่วงวันที่ 3–5 หลังจากนั้นอาการโดยรวมจะค่อยๆ ดีขึ้นน้ำมูกจะน้อยลง และข้นขึ้นบางทีอาจมีสีออกเหลืองโดยเฉพาะช่วงเช้า แต่อาการไออาจอยู่นานกว่า 2 สัปดาห์
งานวิจัยชี้ชัดว่ายาปฏิชีวนะไม่ช่วยให้อาการไอและหวัดหายเร็วขึ้นแต่อย่างใด การรักษาที่ดีที่สุด คือ การพักผ่อนและดื่มน้ำอุ่น เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันมาต่อสู้กับเชื้อไวรัส และอาจปรึกษาเภสัชกรเกี่ยวกับการใช้ยาเพื่อบรรเทา อาการหวัด ไอ คัดจมูก หรือเจ็บคอ
แต่วันนี้เรามียาที่ต้านไวรัสโดยรวมก็คือ “ยาฟ้าทะลายโจร” ที่นอกจากจะช่วงลดไข้แล้ว ยังจะช่วยยับยั้งการแบ่งตัวและการทำงานของไวรัส ซึ่งจะทำให้ภูมิต้านต้านลดภาระในการต่อสู้กับไวรัสให้น้อยลง และรักษาตัวเองให้หายป่วยเร็วขึ้น
ส่วนอาการเจ็บคอที่อาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย (ซึ่งพบน้อย) มักมีอาการอย่างน้อย 3 ใน 4 ข้อนี้ ร่วมกัน คือ
(1) ไม่ไอ, (2) มีไข้, (3) ต่อมทอนซิลมีจุดขาวหรือเป็นหนอง,(4) ต่อมน้ำเหลืองใต้ขากรรไกรโตกดเจ็บ
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสำรวจต่อมน้ำเหลืองของตนเองโดยการคลำบริเวณใต้ขากรรไกรเพื่อดูว่าต่อมน้ำเหลืองบริเวณนี้โตหรือกดเจ็บหรือไม่ และสามารถดูต่อมทอนซิลของตนเองโดยการอ้าปากและส่องกระจกดู ที่ต่อมทอนซิลว่ามีจุดขาวหรือเป็นหนองหรือไม่ หากมีอาการ 3 ใน 4 ข้อ หรือมีอาการครบทั้ง 4 ข้อดังกล่าว ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป
ความจริงแล้วการมี “ไข้” เป็นกลไกระบบภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติเพื่อช่วยลดการทำงานของไวรัส การรับประทานยาลดไข้แต่เพียงอย่างเดียวในผู้ป่วยโรคหวัดที่มาจากไวรัส จึงไม่ได้ลดการทำงานของไวรัสแต่ประการใด และไม่ใช่หนทางการักษาการติดเชื้อไวรัสอย่างถูกทาง
ยิ่งไปกว่านั้นหากผู้ป่วยโรคหวัดจากไวรัสรับประทานยาปฏิชีวนะซึ่งเป็นยาต้านแบคทีเรีย นอกจากจะไม่สามารถต้านไวรัสได้แล้ว กลับเป็นการฆ่าแบคทีเรียชนิดดีซึ่งเป็นการบั่นทอนระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้อ่อนแอลงอีกด้วย
แต่ความจริงแล้วฟ้าทะลายโจรไม่ได้มีสรรพคุณเพียงแค่ลดไข้ และยับยั้งไวรัสโดยรวมๆ เท่านั้น เพราะฟ้าทะลายโจรยังช่วยละลายลิ่มเลือด ลดความดันโลหิต ช่วยทำให้นอนหลับอีกด้วย ซึ่งล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อการระบาดของโรคหวัดทั้งสิ้น ยังไม่นับงานวิจัยยังพบสารสำคัญมีสรรพคุณในการยับยั้งมะเร็งบางชนิดได้ด้วย
โดยเฉพาะสรรพคุณในการช่วยละลายลิ่มเลือดนั้น ย่อมเป็นหนทางในการลดความเสี่ยงผลกระทบที่ตามมาจากโรคระบาดจากไวรัสที่ทำร้ายคนทั่วโลกมาหลายปี เพราะลิ่มเลือดอันเนื่องมาจากไวรัสจากโรคระบาดส่งผลทำให้เกิดปัญหาการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจ และหลอดเลือดสมอง และทำให้คุณภาพชีวิตไม่เหมือนเดิม
โดยเฉพาะการรับประทานผงฟ้าทะลายโจรแบบธรรมชาติ นอกจากจะช่วยรักษาโรคหวัดอันเนื่องมาจากไวรัสแล้ว ยังมีส่วนในการมีแร่ธาตุ ไฟเบอร์คลอโรฟิลที่เสริมสร้างภูมิคุ้มกันอีกด้วย อีกทั้งยังมีราคาไม่แพงอีกด้วย และหาได้ง่ายแม้กระทั่งการปลูกเพื่อการพึ่งพาตัวเองได้
ข้อสำคัญคือสายพันธุ์ฟ้าทะลายโจรของประเทศไทย และดินฟ้าอากาศประเทศไทยทำให้ฟ้าทะลายโจรมีสารสำคัญในการต้านไวรัสได้ดีกว่าประเทศจีน ดังนั้นจึงถือว่าคนไทยโชคดีที่มีสมุนไพรฟ้าทะลายโจรที่มีคุณภาพสูงอยู่ในประเทศไทยเอง
ดังนั้น การกินฟ้าทะลายโจรโดยไม่ต้องกินยาลดไข้อย่างเช่นพาราเซตตามอลกลับทำให้เห็นฤทธิ์ฟ้าทะลายโจรได้มากขึ้นว่ารับประทานเพียงพอต่อไวรัสหรือยัง เพราะหากเพียงพอในการยับยั้งไวรัสและภูมิคุ้มกันได้ทำหน้าที่ในการกกำจัดไวรัสจนจำนวนไวรัสลดลงแล้ว ไข้ก็จะลดลงเอง โดยหากไข้ยังไม่ลดลงภายใน 1 วันครึ่งย่อมแปลว่าปริมาณฟ้าทะลายโจรยังไม่เพียงพอต่อปริมาณไวรัสหรือไม่เพียงพอต่อระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย ก็ให้ปรับเพิ่มปริมาณฟ้าทะลายโจรให้สอดคล้องกับสภาพคนไข้ได้
ปริมาณของคนทั่วไปที่ป่วยเป็นหวัด เจ็บคอ สามารถรับประทานผงฟ้าทะลายโจรบรรจุแคปซูลขนาด 400 มิลลิกรัม ด้วยจำนวน 4 เม็ดต่อครั้ง และ 4 ครั้งต่อวัน คือ เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน โดยปริมาณดังกล่าวสำหรับผู้ป่วยที่มีน้ำหนัก 50 กิโลกรัมขึ้นไป ถ้าเป็นเด็กให้ลดทอนลงมา ถ้าเด็กมีน้ำหนัก25 กิโลกรัม ก็เหลือ 2 เม็ดต่อครั้ง 4 ครั้งต่อวัน ถ้าน้ำหนัก 12.5 กิโลกรัม ก็เหลือ 1 เม็ดต่อครั้ง 4 ครั้งต่อวัน โดยสามารถรับประทานต่อเนื่องได้ 5 วันสูงสุดไม่เกิน 7 วัน
ที่มั่นใจได้ว่าปริมาณการบริโภคดังกล่าวมีความปลอดภัย เพราะเป็นปริมาณพื้นฐานของคนไทยที่ใช้กับไข้หวัดธรรมดามาเป็นเวลานานในฐานะยาสามัญประจำบ้าน และปริมาณดังกล่าวก็สามารถรักษาโรคจากไวรัสที่ระบาดอยู่ได้อีกด้วย
นอกจากนั้นหากวันใดเรามีอาการเจ็บคอ ครั่นเนื้อครั่นตัว จะมีไข้ น้ำมูกไหลไม่ต้องรอผลตรวจ ATK ให้รีบรับประทานยาฟ้าทะลายโจรให้เร็วที่สุด และหากพบปะคนจำนวนมากก็สามารถรับประทานฟ้าทะลายโจรได้ 4 เม็ดก่อนนอน เพื่อดูอาการตอนเช้าอีกวันหนึ่ง
และวิธีการรับประทานลักษณะดังกล่าวให้ได้ผลต้องรีบรับประทานทันที ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาทควรมีฟ้าทะลายโจรให้เพียงพอในบ้าน ไม่ใช่รอให้ป่วยหรือสงสัยจะป่วยแล้วค่อยหาฟ้าทะลายโจร เพราะอาจทำให้เสียโอกาสและเวลาที่จะใช้ยาฟ้าทะลายโจรเพื่อยับยั้งการทำงานของไวรัสให้เร็วที่สุด
จึงนับว่าโชคดีอย่างยิ่งที่คนไทยมีฟ้าทะลายโจรจริงๆ
ด้วยความปรารถนาดี
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต