ด้วยเหตุเพราะธุระปะปังเลยไม่ได้มีโอกาสมาเจอะหน้า-เจอะตาในช่วงต้นสัปดาห์ และคงต้องขอประทานโทษเอาไว้ ณ ที่นี้ ส่วนปิดท้ายสัปดาห์นี้...เห็นทีคงเลี่ยงไม่พ้นต้องไปว่ากันเรื่องที่สุดฮอตฮิต-ติดชาร์ต หรือเรื่อง “กบฏรัสเซีย” นั่นแหละทั่น!!! เพราะงานนี้...คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้นั่นแหละว่าออกจะเสียรังวัด เสียสุนัขอยู่พอสมควรสำหรับคุณน้ารัสเซียแต่จะถึงขั้นก่อให้เกิด “จุดเริ่มต้นแห่งจุดเปลี่ยน” ต่อสงครามรัสเซีย-ยูเครน อย่างที่บรรดาสื่อและนักการเมืองตะวันตก ออกอาการกระเหี้ยนกระหือรือ หวังจะเห็นความฉิบหายวายวอดของฝ่ายตรงข้าม ชนิดเนื้อเต้นเร่าๆ ต้องต่อสายคุยกันระหว่างผู้นำอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี ระดับนาทีต่อนาทีเอาเลยก็ว่าได้ อันนี้นี่แหละ...ที่น่าคิด น่าสะกิดใจ และคงต้องลองหันมา “ชั่งน้ำหนัก” เอาไว้ ณ ที่นี้...
คือทั้งๆ ที่ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเดินหน้าไปได้สวย-ไปด้วยดีมิใช่น้อยสำหรับหมีขาวรัสเซีย ไม่ว่าใน “แนวรบยุโรปตะวันออก” หรือกระทั่งระดับ “โลกทั้งโลก” ก็ตามทีแต่ดั๊นน์น์น์...มีอันต้องเจอกับอดีตหัวขโมย อดีตพ่อครัว พ่อค้า ฯลฯ ที่ดันผงาดขึ้นมามีเงิน-มีทอง-มีอำนาจ ในช่วงสหภาพโซเวียตกำลังล่มสลาย แถมยังตีซี๊ชนิดย่ำปึ่กๆ ปั่กๆ กับผู้นำสูงสุดอย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ซะอีกด้วย นั่นก็คือ “นายYevgeny Prigozhin” หัวหน้ากองกำลังกึ่งทหาร “PMC” (Private military company) หรือที่เรียกขานกันในนามพวก “Wagner” หรือ “Wagner-PMC” อะไรประมาณนั้น...
โดยกองกำลังในลักษณะที่ว่านี้...อันที่จริงคงคล้ายๆ กับพวก “Blackwater” หรือทหารรับจ้างของคุณพ่ออเมริกาเขานั่นเองหรือถือเป็น “กลไก” เป็น “เครื่องมือ” ในทางทหาร เอาไว้สำหรับปฏิบัติการใดๆ ก็ตามที่ “รัฐบาล” หรือ “กองทัพ” ไม่ต้องการที่จะเข้าไปมีส่วนพัวพันโดยตรง หรือโดยเปิดเผยอย่างเป็นทางการทำนองนั้น แต่อาจได้รับการฝึก รับจ๊อบ รับเงินค่าจ้างจากหน่วยงานรัฐบาลอย่างกระทรวงกลาโหมเป็นคราวๆ ไป อันทำให้บทบาทและประวัติความเป็นมาของพวกนักรบ “Wagner” ค่อนข้างมีสีสันและแสบสันอยู่พอสมควร เช่นเคยถูกส่งไปรบในสมรภูมิโหดๆ มาโดยตลอด ไม่ว่าในซีเรีย ลิเบีย แอฟริกากลาง มาลี ซูดาน โมซัมบิก ฯลฯ เรียกว่า...ถึงกับเปิดสำนักงานสาขาไว้ในภูมิภาคแอฟริกาเกือบๆ 20 ประเทศเอาเลยถึงขั้นนั้น และยิ่งเมื่อเกิดความขัดแย้ง การกดขี่ ข่มเหง ระหว่างกองทัพยูเครนกับบรรดาชาวยูเครนเชื้อสายรัสเซียใน 4 เขต 4 แคว้น จนเกิดการพร่าผลาญสังหารผู้คนไปไม่น้อยกว่า 40,000 คน การส่งบรรดาพวกนักรบ “Wagner” ไปยังพื้นที่เหล่านี้ เพื่อปกป้อง คุ้มครอง หรือเพื่อ “แทรกแซง” ก็แล้วแต่ จึงเป็นอะไรที่ออกจะสอดคล้อง เหมาะสม เอามากๆ...
แต่โดยลำพังแล้ว...อดีตพ่อค้า พ่อครัว ผู้ผ่านการเป็นหัวขโมยตั้งแต่เด็กๆ อย่าง “นายPrigozhin” คงไม่ได้ถึงกับมีฤทธิ์ มีเดช มีศักยภาพพอที่จะตั้งตัวเป็นหัวหน้า เป็นผู้บัญชาการกองกำลังเหล่านี้มากมายสักเท่าไหร่ แต่ด้วยเหตุเพราะมีเงิน-มีทองนั่นแหละเป็นหลัก เลยได้ส่งหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยประจำตัว อย่าง “พันโทDmitry Utkin” เข้าไปควบคุม ดูแล กองกำลังเหล่านี้มาตั้งแต่แรก จนทำให้ตัวเองค่อยๆ มีฤทธิ์ มีเดช มีบทบาททางการทหาร ชนิดกล้าที่จะด่ารัฐมนตรีกลาโหม หรือผู้บัญชาการเหล่าทัพ แบบสาดเสีย-เทเสีย โดยเฉพาะเมื่อกองกำลังของตัวเองสามารถยึดชัยภูมิ สมรภูมิสำคัญๆ อย่าง เมือง “Bakhmut” ได้เป็นหน่วยแรก การด่าว่า ด่าทอ ผู้นำทางทหารอย่าง “พลเอกSergei Shoigu” หาว่าเอาแต่นั่งสั่งการอยู่ในห้องแอร์ หรือในที่หรูๆ โดยไม่ได้ดูดำ ดูดี ไม่ได้เข้าใจหัวอกนักรบ อะไรประมาณนั้น จึงเป็นสิ่งที่ปรากฏเป็นข่าวคราวมาโดยตลอด ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว จนกระทั่งปลายเดือนพฤษภาคมปีนี้ แถมบางครั้ง-บางครายังลุกลามไปถึงผู้นำสูงสุดอย่างประธานาธิบดี “ปูติน” เอาเลยก็ยังมี...
ดังนั้น...ความฉุนฉิว กริ้วโกรธ หรืออาจบวกกับ “ความทะเยอทะยาน” ดังที่ผู้นำรัสเซียระบุไว้ด้วยก็เป็นได้ เลยเป็นสิ่งที่พอ “เข้าใจได้” ว่าจะด้วยการคิดเอง เออเอง หรือจะโดยอะไรก็แล้วแต่ อาการ “ปรอทแตก” ด้วยเรื่องนักรบของตัวเองถูกจรวดจากใครก็ไม่รู้??? ตกใส่หัวกบาลจนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนไม่น้อย เลยส่งผลให้เกิดการ “March for Justice” เกิดการเคลื่อนกำลังนักรบ “Wagner” บุกเข้าไปใกล้ๆ กรุงมอสโกยึดฐานบัญชาการ “Rostov-on-Don” ห่างเมืองหลวงแค่ไม่กี่กิโลเมตรจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องโต เป็นข่าวระดับโลก ที่ไม่ว่าซีกโลกไหนก็แล้วแต่ ต่างก็นั่งลุ้น-นอนลุ้น จนเมื่อยแข้ง เมื่อยขาตามๆ กัน แต่เพียงแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้นเอง!!! ทุกสิ่งทุกอย่างก็จบ ปิดฉาก ปิดกล่อง ชนิดแทบไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ สร้างความเสียดม เสียดาย ให้กับโลกตะวันตกอย่างคุณพ่ออเมริกาและพวกพรมเช็ดเท้าทั้งหลายมิใช่น้อย...
โดยเฉพาะ “ศัตรูคู่กัด” อย่างกองทัพยูเครน...ที่เพียรพยายามหาทางยึดคืนดินแดนต่างๆ กลับมาจากรัสเซียให้จงได้ การฉวยจังหวะ โอกาสที่ว่านี้ดาหน้าบุกเข้ามายังพื้นที่ต่างๆ ไม่ว่าหมู่บ้าน Makaovka, Novodonetskoye, Neskuchenoye ฯลฯ ในแคว้น Donetsk หมู่บ้าน Rovnopol ในแคว้น Zaporozhye บริเวณเมือง Kupyansk, Dvurechanaya, Sinkova ในแคว้น Kharkov ฯลฯ แต่สุดท้าย...ต้องเจอกับปืนใหญ่ จรวด เครื่องบินทิ้งระเบิด เฮลิคอปเตอร์กันชิพ ฯลฯ จนบรรดาหน่วยกำลังทั้งหลายต้องล่าถอยไปตามๆ กัน ทิ้งรถถัง รถหุ้มเกราะ ที่ได้รับการสนับสนุนจากยุโรปเอาไว้เป็นเศษซากให้ดูต่างหน้า หรือแทบไม่ได้ก่อให้เกิด “จุดเปลี่ยน” ใดๆ ในแนวรบด้านนี้เอาเลยแม้แต่น้อย และนั่นเองที่อาจทำให้การบรรลุ “เป้าหมาย” ตามที่อเมริกาและพวกพรมเช็ดเท้าต้องการ จนแทบไม่ต่างไปจากการ “ขีดเส้นตาย” ให้กับรัฐบาลและกองทัพยูเครนในการโจมตี-ตอบโต้ต่อกองทัพรัสเซีย เลยมีอันต้อง “เหี่ยวปลาย” อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ...
ส่วนจะเป็นการจัดฉาก สร้างฉาก แกล้งทะเลาะเบาะแว้งกันเล่นๆ เพื่อเคลื่อนกำลังไปแอบไว้ที่ประเทศเบลารุสก่อนวกเข้าไปบุกกรุงเคียฟ อย่างที่บรรดานักใส่สี ตีไข่บ้านเรา เขาคิดเอง เออเอง หรือไม่? อย่างไร? อันนั้น...คงต้องไปจินตนาการ หรือไป “มโน” เอาเองก็แล้วกัน แต่ก็นั่นแหละ...ขนาดประธานาธิบดีลิทัวเนีย หนึ่งในประเทศ “นาโต” ก็ยังอดคิดลึกยิ่งกว่าคึกฤทธิ์ไปในแนวนี้ขึ้นมาไม่ได้ แต่เอาเป็นว่า...ไม่ว่าจะแผน-ไม่แผน งานนี้...คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการก่อกบฏของอดีตพ่อค้าอย่าง “นายPrigozhin” คราวนี้ ย่อมต้องส่งผลให้หมีขาวรัสเซียออกจะเสียรังวัด เสียสุนัข มิใช่น้อย หรืออย่างที่ผู้บัญชาการสูงสุดหน่วยทหารเชเชนของรัสเซีย “นายRamzan Kadyrov” ที่เหี้ยมและถือเป็นทหารแท้ยิ่งกว่า “Prigozhin” ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่าเขาสรุปไว้นั่นแหละว่า... “ลองนึกภาพดูว่า...สำหรับบรรดาทหารที่อยู่ในสนามเพลาะและกำลังหันหน้าไปเผชิญศัตรู ขณะด้านหลังของตัวเองกลับต้องเจอกับเกมเสี่ยงภัยแห่งการทรยศหักหลัง จะรู้สึกยังไง???” โดยแม้ว่าการกระทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่ “ไม่ควรให้อภัยโดยเด็ดขาด” ดังที่ผู้บัญชาการทหารรายนี้ให้ความเห็นก็ตาม แต่เพื่อไม่ให้เกิดการเสียเลือด-เสียเนื้อระหว่างชาวรัสเซียด้วยกันเอง รวมทั้งเมื่อคำนึงถึงความกล้าหาญ การเสียสละ ของพวกนักรบ “Wagner” ก่อนหน้านี้ การไม่เอาผิดไม่ตามไปบดขยี้ ไล่ล่า ก็ถือเป็นสิ่งที่พอ “เข้าใจได้” อีกเช่นกัน...
อย่างไรก็ตาม...สิ่งที่สื่อทางการของจีนอย่าง “Global Times” เขาได้ตั้งเป็นข้อสังเกตไว้ในคลิปวิดีโอว่าด้วยเรื่อง “Putin’s ability to deal with complex challenges should not be underestimated” หรือความสามารถของปูตินต่อการเผชิญหน้ากับความท้าทายอันซับซ้อนเป็นสิ่งที่ไม่ควรประเมินต่ำโดยเด็ดขาด!!! อันนี้นี่แหละ...ที่น่าสนใจ น่าคิดสะกิดใจ มิใช่น้อย คืออาจคล้ายๆ ช่วง “ป๋าเปรม” บ้านเราเคยต้องเจอกับ “กบฏเมษาฮาวาย” แต่ยังสามารถอยู่รอดปลอดภัย รอดปากเหยี่ยว ปากกามาได้ถึง 8 ปีเต็มๆ อะไรทำนองนั้น ด้วยเหตุนี้ “ขีดความสามารถ” ในการคลี่คลายสิ่งที่เป็น “ปัญหา” ในระดับหนักหนา-สาหัสเช่นนี้ จึงเป็นสิ่งที่มิอาจ “ดูเบา” ได้เลย...
และอีกข้อสังเกต...ที่ศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแห่ง “Renmin University” “นายWang Yiwei” สรุปไว้กับสื่อทางการของจีนยิ่งน่าสนใจยิ่งขึ้นไปใหญ่ นั่นคือข้อสรุปที่ว่า “เหตุการณ์ครั้งนี้...ทำให้ปูตินและผู้บริหารในรัสเซีย เห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า...ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ไม่อาจปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไปได้อีกแล้ว เพราะยิ่งปล่อยให้นานเท่าไหร่ ย่อมก่อให้เกิดปัญหาสั่งสมภายในยิ่งขึ้นเท่านั้น และนั่นอาจเป็นแรงผลักดันให้ผู้นำรัสเซียต้องร่นระยะเวลาการยุติความขัดแย้งให้เร็วขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในลักษณะดังกล่าว” ด้วยเหตุนี้...แนวโน้มที่อาจนำไปสู่การปิดฉาก ปิดกล่อง “สงครามยูเครน” เผลอๆ...อาจเร็วกว่าที่ใครต่อใครคาดๆ เอาไว้ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย ไม่ว่าด้วย “กรรมวิธี” ใดๆ ก็แล้วแต่!!!