เปิดชื่อ “เสี่ย ส.” คนสนิทบิ๊กการเมือง ตัวการสำคัญแก๊งสวมสิทธิ์ส่งออกชิ้นส่วนไก่ แฉสั่งการ ขรก.ได้ทุกขั้นตอน วอน บช.ก.-บช.ภ.2 โชว์ฝีมือล้างบางทั้งขบวนการ พร้อมฝาก รบ.ใหม่เข้ามารื้อขยะบางกรมใน ก.เกษตรฯ
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร จ.ชลบุรี จับกุมรถบรรทุกพ่วงขนตู้คอนเทนเนอร์บรรจุชิ้นส่วนไก่แช่แข็ง 1 คัน ได้บริเวณถนนสายบายพาสขาเข้าท่าเรือแหลมฉบัง โดยมีเหตุต้องสงสัยว่า เป็นขบวนการลักลอบส่งออกขาไก่แช่แข็ง ด้วยการสวมสิทธิ์ของบริษัทอื่นโดยไม่ถูกกฎหมาย นั้น
วันนี้ (26 มิ.ย.66) ผู้สื่อข่าวได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าววงการส่งออกชิ้นส่วนไก่ไปต่างประเทศเพิ่มเติมว่า ขบวนการดังกล่าวเป็นความร่วมมือหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายการเมือง, ข้าราชการประจำ, เอกชนไทย และเอกชนจีน โดยมี “เสี่ย ส.” คนใกล้ชิดนักการเมืองที่มีอิทธิพลในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้ไฟเขียวจากฝ่ายการเมือง เป็นตัวกลางดำเนินการ สามารถสั่งการข้าราชการการประจำให้ออกใบอนุญาตต่างๆ ได้แม้ข้อมูลจะไม่ตรงตามข้อเท็จจริงก็ตาม เข่นกรณีที่จับกุมได้ ก็ระบุต้นทาง-ปลายทาง รวมไปถึงชื่อบริษัทเจ้าของสินค้าไม่ตรงข้อเท็จจริง แต่ก็สามารถผ่านด่านตรวจปศุสัตว์ได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระทั่งมาถูกตำรวจจับกุม พร้อมหลักฐานที่มีการกระทำผิดกฎหมายชัดเจน
“เสี่ย ส.ทรงอิทธิพลมาก สามารถสั่งข้าราชการได้ทั้งหมด โดยจะให้ออกใบอนุญาตให้กับกลุ่มทุนที่ตัวเองสั่งการเท่านั้น ชาวบ้านทั่วไปทำไม่ได้จนทำให้มีเหตุในการรักลูกไม่เท่ากัน ข้อมูลต่างๆนี้คนในวงการพร้อมนำเสนอให้กับ ผบช.ภ. 2 (ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค2) เพื่อกวาดล้างขบวนการนี้ให้สิ้รซาก ไม่ว่าจะเป็น ตีนไก่ หรือกระเทียมสวม” แหล่งข่าว ระบุ
แหล่งข่าวได้อธิบายประกอบกับเอกสารที่สามารถตรวจยึดได้จากกรณีจับกุมรถพ่วงขนชิ้นส่วนไก่ที่ จ.ชลบุรี ด้วยว่า มีหลายจุดที่เป็นจุดสังเกตว่าใบอนุญาตขนส่งไม่ถูกต้อง อย่างชื่อนาน พทย์ปศุสัตว์ที่เซ็นรับรอง ก็ทราบกันในวงการว่า แพทย์ท่านนี้จะอยู่ต่างจังหวัด และไม่เข้ามาเซ็นในห้องควบคุมที่ไว้สำหรับการออกใบรับรองสุขอนามัย (Health Certificate) อย่างแน่นอน จึงเชื่อว่า กระบวนการในห้อง HC น่าจะมีการปลอมลายเซ็นของหมอท่านนี้
“เหตุที่ทำเช่นนี้ เพราะหมอที่มีอำนาจเซ็นคงจะกลัวความผิด ถ้าเรื่องแตก คราวนี้โดน 2 กระทง ปลอมลายเซ็นเพื่อให้พวกพ้อง กับสมคบคิดปกปิดอำพราง เอกสารทางราชการเพื่อเอื้อประโยชน์เฉพาะกลุ่ม” แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าวยังได้ฝากไปถึง ผบช.ภ.2 รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องด้วยว่า อยากให้ติดตามตู้คอนเทนเนอร์ที่ขนส่งในวันเดียวกับตู้ที่ถูกจับกุม แต่หลุดเข้าไปในท่าเรือแหลมฉบังแล้ว ไม่ว่า กรมปศุสัตว์ ในฐานะผู้รับผิดชอบโดยตรงจะจัดการตรวจยึดเอง หรือจะประสานให้ตำรวจเศรษฐกิจเข้าไปก็ตา รวมทั้ง ผบช.ภ.2 ที่สามารถส่งคดีไปให้ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ให้ลงมาร่วมบูรณาการกวาดล้างขบวนการนี้ให้หมดไป เพราะเรื่องเกี่ยวกับการเสียภาษีทั้งเข้าและออก ทำให้ประเทศสูญเสียรายได้ อีกทั้งยังเสียภาพลักษณ์กับคู่ค้าต่างประเทศ เนื่องจากมีการนำรูปอบบขบวนการเหล่านี้ไปหลอกลวงเงินจากนายทุนชาวจีน ซึ่งบางรายได้เข้ามาติดต่มเรื่อง และยื่นหนังสือให้ บช.ก.ช่วยสืบสวนสอบสวน
“งานนี้ไม่ทราบว่า กรมปศุสัตว์ จะโยนเผือกร้อนไปให้กรมศุลกากร เรื่อง ใบเอกสารต่างๆหรือป่าว เห็นได้ข่าวแว่วๆว่ามีสายตรงจากนายใหญ่ ไม่ให้ลูกน้องร่วมไปตรวจโรงผลิตตัดแต่งเถื่อนที่ทำขาไก่ล็อตนี้ออกมา งานนี้คงต้องพึ่งทางตำรวจ ทั้ง บช.ก. และ ปอศ. ล้วงลูกมาจัดการเอาผู้ที่กระทำความผิด” แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าวระบุ อีกว่า รัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศ ควรพิจารณาข้าราชการระดับสูงในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบส่งออกสินค้าทางการการเกษตร โดยเฉพาะ ชิ้นส่วนไก่ ที่ว่ากันว่าผู้เกี่ยวข้องเป็นถึงระดับ อธิบดี ด้วย ใน กรม… ทุกคนที่ทำงานแบบนี้ รู้ดีว่าหัวหน้าคนสั่งการคือใคร
แหล่งข่าว กล่าวต่อไปว่า อีกทั้งต้องตามไปที่บริษัทเอกชน ซึ่งเผ็นผู้ค้าชั้นส่วนไก่ระดับประเทศ ที่มีชื่อบนฉลากของสินค้าที่ตรงจยึดได้ด้วยว่า รู้เห็นเป็นใจให้สวมสิทธิ์หรือไม่ แต่หากไม่รู้เห็น ก็ต้องฟ้องร้องบริษัทที่นำชื่อตัวเองไปสวม มิเช่นนั้นก็หนีไม่พ้นถูกมองว่าเป็นขบวนการเดียวกัน
แหล่งข่าวยังได้ให้ข้อมูลกรณีลักลอบส่งออกกระเทียมด้วยว่า การขนส่ง กระเทียม จะขนส่งครั้งละหลายตู้ แต่เสียภาษีเพียงตู้เดียว เช่น ขนส่ง 10 ตู้ เสียภาษี 1ตู้ อีก 9 ตู้ เอาใบภาษีใบแรกมาวนสวม ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบก็ย่อมต้องรู้เห็นด้วย.