xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองโลกเสมือนจริงใกล้จุดเปลี่ยน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"โสภณ องค์การณ์"

เมื่อผู้คุมเกมเลือกตั้งใช้วิธีสุกเอาเผากินผสมกับลวกๆ ทำให้การเมืองต้องหยุดลุ้นว่าใครจะได้ใบเหลือง ใบแดง ต้องรอให้ท่านผู้มีอำนาจตรวจสอบว่าจะสอยใคร

ดูประสิทธิภาพในการทำงาน ประเมินแล้ว ต้องบอกว่าอย่าหวัง ชาวบ้านมีแต่เสียกับเสีย เมื่อคนที่ไม่ควรเข้าสภาก็ไปนั่งกินเงินเดือนในสภาพผู้ทรงเกียรติ ถ้าจะมีใครโชคร้ายโดนใบแดง ชาวบ้านต้องจ่ายเงินค่าเลือกตั้งใหม่ เงินเดือนจะทวงคืนจากท่านผู้เป็นโมฆะก็ไม่ได้ เพราะกกต. ท่านคงไม่ยุ่งทวงเงิน

ที่ผ่านมายังไม่มีข่าวว่า กกต. ชุดไหนทวงอะไรคืนจากใครได้

เอาเถอะ เมื่อการเมืองน้ำเน่าไม่มีมาตรฐานชาวบ้านก็ทำใจยอมรับเมื่อตัวเองก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบยุคที่มีแบ่งฝ่ายว่าเป็น “อนุรักษ์นิยม” และ “ประชาธิปไตย”

 เดี๋ยวนี้ไม่มีการแบ่งว่าเป็น “พรรคเทพ” และ “พรรคมาร” อีกแล้ว มีแต่ “มารเล็ก” หรือ “มารใหญ่” “โกงมาก” หรือ “โกงน้อย” หนักกว่านั้นก็เป็น “อภิมหา” นั่นเลย

จากนี้ไป ก็จะถึงวาระเลือกประธานสภา ดาบที่ซ่อนไว้ในรอยยิ้มหรือเหน็บไว้ด้านหลังก็ถูกควักออกมาเตรียมห้ำหั่นกันแล้ว หลังจากเชือดเฉือนกันด้วยวาจาเข้มข้น

 การเมืองคือเกมชิงอำนาจเพื่อผลประโยชน์ ไม่ใช่งานการกุศลของมูลนิธิ การลงนาม “เอ็มโอยู” มีความหมายแค่ “อย่าเพิ่งหักดิบกันตอนนี้ อยู่ร่วมกันไปก่อน”

พรรคคนรุ่นใหม่ยังขยันประชุมแบ่งงาน ร่างนโยบายเพื่อพัฒนาบ้านเมืองต่อไป อยู่ในโลกเสมือนจริง ทั้งๆ ที่น่าจะรู้อยู่แก่ใจแล้วว่า สวรรค์นั้นไม่มีจริงในโลกการเมือง

มีแต่ความเป็นจริงอันโหดร้าย เหมาะกับคนเลือดเย็น ไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร

ฝันได้ หวังได้ แต่จะให้สมหวังเมื่อองค์ประกอบไม่เอื้อนั้น ก็เหมือนหลอกตัวเอง จากการเชือดเฉือนด้วยคำพูดประเด็นเก้าอี้ประธานสภานั้น ป่านนี้ทั้งพรรคคนรุ่นใหม่และพรรคนายห้างดูไบน่าจะรู้แล้วว่าเรื่องอย่างนี้ไม่มีใครยอมง่ายๆ

ถือว่าเป็นสภาวะค่อนข้างแน่แล้วว่าเก้าอี้ประธานสภาจะเป็นเดิมพันแรกระหว่างพรรคคนรุ่นใหม่และพรรคนายห้างดูไบ ทั้ง 2 ฝ่ายต่างอ้างสิทธิ ห้ามกินรวบ

 ถ้าเก้าอี้ประธานสภาไม่เป็นของพรรคคนรุ่นใหม่ จากนั้นอ่านเกมออกได้เลยว่า “ว่าที่นายกฯ” ที่กระแสกระหึ่มในอาณาจักรด้อมส้มนั้น ก็คงเป็นแค่ “ว่าที่”

ลงคะแนนกันอย่างไร ก็ไม่มีโอกาสผ่าน สว. ถ้าโชคดีพอ ขอไม่ต้องโดนเช็กบิลประเด็นคุณสมบัติและคดีอาญาที่อาจตามมา ความจริงที่แฝงเร้นเรื่องความสามารถในการจัดการบริหารบริษัทครอบครัว สภาพหนี้สิน คดีล้มละลาย จะหลอนอีกนาน

ความเป็นตัวตนของ “ว่าที่นายกฯ” กำลังถูกตรวจสอบ พิสูจน์แทบทุกขุมขน ทั้งด้านความซื่อตรง ความเปิดเผย ความน่าเชื่อถือ ความน่าไว้ใจ

ถ้าบริษัทของครอบครัวอยู่ในภาวะต้องยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายขอเวลาฟื้นฟูกิจการ มีหนี้สินล้นพ้นตัวอย่างนั้น จะได้ความไว้วางใจให้บริหารรัฐบาลได้หรือ

สถานการณ์เร่าร้อนจากความผิดหวังจากคำประกาศ  “ครั้งนี้กูไม่ยอม” น่าจะทำให้ด้อมส้มแสดงออกบนถนน เรียกร้องความเป็นธรรม จะจริงอย่างคำขู่หรือไม่ ต้องรอดูเพราะกระแสไม่แรงเหมือนช่วงหลังเลือกตั้งหมาดๆ คำมั่นสัญญาลอยลมไปแล้ว

ถ้าจะมี ก็จะเป็นพวกทะลุนั่นนี่โน่น ไม่เอาสถาบัน เปลือยธาตุแท้ให้เห็น อย่างนี้จะเข้าทางท่านห้าวเป้งเพื่อคุมเกมรักษาความสงบ แม้จะเก็บของส่วนตัวไปแล้ว

การเมืองติดอยู่ในกับดักทางตันอย่างนี้ ต้องประเมินวันต่อวัน เมื่อ 8 พรรคในพันธะหลวมๆ เอ็มโอยู”“ ยังจะต้องพิสูจน์ความจริงใจต่อกันวันเลือกประธานสภา

  เสียงร่ำลือเรื่อง “งูเห่า” พวกอยากได้เงินก้อนไว้สำหรับเกษียณ ไม่หวังว่าจะชนะเลือกตั้งครั้งหน้า ย่อมทำให้เกิดการตื่นตัวอยากรู้ว่าใครจะเป็นสปอนเซอร์

อัตราต่อหัวเท่าไหร่ งานอย่างนี้จับมือใครดมไม่ได้ เป็นการลงคะแนนลับ การทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่มีน้ำหนักปัจจัยอยู่ในกระเป๋านั้น ต่อให้ฟ้าถล่ม ดินทลายก็ไม่กลัว

ถึงวาระเลือกนายกรัฐมนตรี ถ้ามีเพียง 312 เสียง ต่อให้ลงคะแนนกี่ครั้งตัวแทนพรรคคนรุ่นใหม่หรือพรรคนายห้างดูไบก็ไม่ได้ใจพวก สว. ถ้ายังอยู่กลุ่ม 8 พรรค

ต้องมีทางเลือก จะเอา “ลุงป้อม” อย่างร่ำลือกัน หรือ “คนนอก” แต่ยังมีประเด็นว่ากลุ่มด้อมส้ม เด็กเจี๊ยว จะออกมาสำแดงพลังจนไปต่อไม่ได้หรือไม่

ก่อนหน้านี้กระพ้มเคยเตือนแล้วว่า ไม่ว่าใครจะมา ขอให้บ้านเมืองไม่เลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็บุญแล้ว ถึงขั้นที่ว่าจะเลือกอะไรระหว่างปีศาจร้ายกับทะเลลึก

 “หนีเสือปะจระเข้” หรือ “ตกจากกระทะลงเข้ากองไฟ” ล้วนแต่ไม่สวย

ดัชนีราคาหุ้นตกกว่า 12 จุดวันพฤหัสที่ผ่านมา หมายถึงอะไร การเมืองไม่นิ่ง ไม่มีแววของเสถียรภาพใช่หรือไม่ นักธุรกิจ นักลงทุนได้แสดงความกังวลก่อนหน้านี้

รัฐบาลใหม่ ดูแล้วมีความน่าไว้วางใจในประสิทธิภาพ เป็นงานหรือไม่ เรื่องในประเทศ ความน่าห่วงกังวลว่าจะมีภัยแทรกแซงโดยชาติมหาอำนาจ ก็ยังแรง

เสียงของประชาชนไม่ใช่เสียงสวรรค์เสมอไปในการเมืองน้ำเน่า เป็นมือที่เปิดประตูนรกให้ผีร้ายเข้ามาทำความชั่วร้ายให้บ้านเมืองก็เป็นไปได้เช่นกัน

 คนรุ่นใหม่ ไม่มีคำว่าบุญคุณ ความเคารพบิดา มารดา ธรรมเนียมประเพณี ความสำนึกถึงความเป็นชาติ ความเป็นมาด้านประวัติศาสตร์

 คิดแต่เพียงว่า “พ่อแม่กูให้กูเกิดมา กูจะทำอะไรก็ได้ กูคนรุ่นใหม่”

 งั้นก็เตรียมใจเป็นผู้ผิดหวังอีกรอบก็แล้วกัน ยอมหรือไม่ยอมก็สุดแล้วแต่!


กำลังโหลดความคิดเห็น