xs
xsm
sm
md
lg

โอกาสที่ไปไม่ถึงของพิธา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ



ผลิตผลของ “หยก” และการเคลื่อนไหวทำประชามติใน 3 จังหวัดใต้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นผลผลิตจากนโยบายของพรรคก้าวไกลทั้งสิ้น สิ่งเหล่านี้เป็น “เป้าหมาย” หนึ่งของประเทศไทยไม่เหมือนเดิมในความมุ่งหมายของพรรคก้าวไกลที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปตามอุดมการณ์ของพวกเขา

“หยก” บอกว่า เรื่องการแต่งกายและทรงผมนั้นเธอทำตามนโยบายของพรรคก้าวไกล หยกยังบอกด้วยว่า เธอไม่ร่วมพิธีไหว้ครู เพราะเธอจ่ายค่าหน่วยกิตมาเรียนซึ่งหมายถึงเธอใช้เงินจ้างครูมาสอนนั่นเอง

ส่วนความเคลื่อนไหวเพื่อเอกราชของรัฐปัตตานีนั้น พรรคก้าวไกลมีความคิดที่โอนเอนไปตามข้อเรียกร้องมาตลอดครั้งหนึ่งธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เจ้าของพรรคตัวจริงถึงกับเคยพูดว่า ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยจะสามารถพูดเรื่อง “เอกราช” ได้อย่างเป็นปกติไม่ผิดกฎหมายไม่สร้างความหวาดกลัวจำเป็นต้องสร้างพื้นที่ปลอดภัยเพื่อให้เกิดการพูดคุยเรื่องเอกราชได้อย่างเป็นปกติปลอดภัย เมื่อพรรคก้าวไกลได้ชัยชนะพวกเขาจึงออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ทันที

อนาคตของสังคมไทยนั้นยากจะต้านทานกับการเปลี่ยนแปลงแน่ๆ โดยห้วงเวลาที่เหลืออยู่หากพวกเขาสามารถโน้มนำความคิดของคนรุ่นใหม่ให้คล้อยตามพวกเขาได้ ครูไม่มีบุญคุณกับนักเรียน พ่อแม่ไม่มีบุญคุณกับลูก ไม่ต้องนับถือศาสนาหรือพระเจ้าองค์ไหน ไม่ต้องเข้าวัด โบสถ์ หรือมัสยิด ความผูกพันต่อชาติบ้านเมืองไม่ใช่สิ่งที่จำเป็น ความเป็นไทยเป็นเรื่องล้าหลังคลั่งชาติ อธิปไตยของชาติและเส้นพรมแดนนั้นไม่ใช่สิ่งที่ควรหวงแหน

ความคิดของคนรุ่นใหม่ถูกปลุกปั่นให้คิดเหมือนกัน เชื่อเหมือนกันคล้ายกับเด็กที่เกิดพร้อมกันที่หมู่บ้านบางเพลง แล้วถูกอำนาจลึกลับครอบงำ ในนิยายของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช หรือเหมือนกับพวกเรดการ์ดยุวชนแดงที่เป็นเรื่องเศร้าในประวัติศาสตร์ที่ไม่อยากจำของคนจีน

วันนี้พวกเขากำลังเริงร่ากับชัยชนะจากการเลือกตั้ง แม้จะไม่ใช่ชัยชนะที่เด็ดขาดยังห่างไกลกับเสียงข้างมากในสภาฯ แต่ก็พยายามโหมประโคมว่า นี่เป็นเสียงของความต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฝ่ามือ พวกเขาบอกว่านี่เป็นฉันทมติของประชาชน ทั้งๆ ที่หากพิธาจะไปถึงเป้าหมายนายกรัฐมนตรีนั้น เขาต้องได้เสียงจากรัฐสภาถึง 376 เสียงขึ้นไป ซึ่งเป็นกติกาที่รัฐธรรมนูญเขียนไว้และรับรู้กันอยู่ก่อนแล้ว

ศิริกัญญา ตันสกุล แกนนำของพรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงการรวบรวมเสียง ส.ว.ว่ามีความคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจได้เสียง ส.ว.เพิ่มมาเรื่อยๆ และอีกนิดเดียวจะถึงเป้าที่ต้องการ 376 เสียงแต่อาจจะต้องมีการทำเป้าเพิ่มหากประธานสภาฯ ต้องงดออกเสียงและหาเสียงสำรองไว้เพื่อป้องกัน ส.ว.บางคนเปลี่ยนใจในอนาคตยืนยันว่าจะต้องทำให้เสียงสนับสนุนในอนาคตเกินเป้า

ส.ว.หลายคนเล่าให้ฟังว่า แกนนำของพรรคก้าวไกลพยายามโทร.ไปเพื่อขอคะแนนเสียงจาก ส.ว.โดยตัวหลักของพวกเขาที่เคลื่อนไหวเรื่องนี้คือชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการของพรรคก้าวไกล แต่ความจริงแล้ว ส.ว.ทุกคนยังคงมีจุดยืนที่เหนียวแน่นว่า จะไม่สนับสนุนพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะประเด็นที่อ่อนไหวเป็นเรื่องหลักคือ นโยบายแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกลที่จะทำให้โทษดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ต่ำกว่ากฎหมายหมิ่นประมาทคนธรรมดาในปัจจุบัน

ดังนั้น ไม่มีทางเลยที่พิธาจะสามารถได้เสียง 376 เสียงเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ดูเหมือนว่า พวกเขาพยายามสร้างความเชื่อว่าจะสามารถรวบรวมเสียงเพื่อพาพิธาก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ได้แน่ๆ ซึ่งเป็นเพราะพวกเขาต้องการทำให้มวลชนของพวกเขาเชื่อมั่นเช่นนั้นและเอามาใช้เป็นเครื่องมือในการปลุกมวลชนหากว่าพิธาไม่สามารถขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีได้

ความจริงพรรคก้าวไกลเองก็รู้ว่า ขวากหนามที่ทำให้พิธาไม่สามารถไปสู่เป้าหมายได้ก็คือ จุดยืนในการแก้ไขมาตรา 112 ของพรรค แต่พวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดนี้ทิ้งไปได้ เพราะคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่พวกเขาปลุกปั่นให้มาท้าทายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเปิดเผยไม่หวั่นเกรงต่อกฎหมายหลายคนกำลังถูกดำเนินคดี และพฤติกรรมที่แสดงออกอย่างท้าทายนั้นล้วนแล้วแต่ยากที่จะรอดพ้นเงื้อมมือของกฎหมายในปัจจุบันได้

ที่ผ่านมาเราจะเห็นว่าพวกเขาออกมาด่าทอวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ในทางสถานะบนท้องถนนอย่างที่พวกเขาเชื่อกันว่านี่เป็นการทลายเพดานของสังคมไทยอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ด้วยการดันหลังให้คนรุ่นใหม่ออกมาท้าทายอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายเพราะยิ่งรัฐใช้อำนาจทางกฎหมายมากขึ้นเท่าใดพวกเขาก็ยิ่งโจมตีว่ากฎหมายที่รัฐใช้นั้นไม่สอดคล้องกับหลักสากลหรือใช้ความเป็นเด็กและผู้เยาว์เหล่านั้นเป็นเครื่องมือในการโจมตีว่ารัฐปิดกั้นเสรีภาพและความคิดของคนรุ่นใหม่

เด็กหยกจึงกลายเป็นเครื่องมืออย่างดีที่พวกเขาใช้ปลุกปั่น

ลองดูสิว่า ถ้าพวกเขาสามารถแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ให้เหลือโทษน้อยลงสำเร็จ จะมีคนอีกจำนวนมากที่ลุกขึ้นมาท้าทายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะขนาดปัจจุบันที่มีโทษสูงพวกเขายังไม่หวั่นเกรงเลย ที่เป็นเช่นนั้นเพราะพวกเขาเชื่อว่ามีพรรคการเมืองและนักการเมืองของพวกเขาคอยให้ท้ายนั่นเอง และพวกเขามีนักกฎหมายที่คอยช่วยเหลือในทางคดีโดยมีเงินสนับสนุนจากต่างประเทศ

ตอนนี้คนรุ่นใหม่คิดว่าเวลาเป็นของพวกเขาและในอนาคตพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ไปตามแนวทางที่พวกเขาต้องการอำนาจเก่าความเชื่อเก่าศรัทธาเก่าไม่อาจขวางสายน้ำที่เชี่ยวกรากที่กำลังสาดซัดมาได้ พวกเขาไม่เชื่อความคิดว่าสังคมต้องมีความหลากหลายและวันหนึ่งถ้าพวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมไปตามความคิดของพวกเขาได้ในอนาคต ก็จะต้องมีความเชื่อที่แตกต่างขึ้นมาท้าทายพวกเขาแล้ววันนั้นพวกเขาจะรู้ว่าโลกทั้งโลกนั้นไม่ใช่แค่เรื่องความปรารถนาจะเอาให้ได้แต่ฝ่ายเดียวของพวกเขา

การเติบโตอย่างรวดเร็วเหนือความคาดคิดของพรรคก้าวไกลนั้น อาจทำให้ผู้ใหญ่หลายคนหวาดกลัวกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต หวั่นเกรงกันว่าหากพวกเขาไม่สามารถขึ้นมามีอำนาจรัฐได้แม้จะได้เสียงมาอันดับ 1 จะทำให้กลายเป็นเครื่องมือปลุกปั่นให้พวกเขายิ่งได้รับการเลือกตั้งมากยิ่งขึ้นในการเลือกตั้งครั้งหน้า และถึงตอนนั้นอาจจะไม่มีอะไรสามารถทัดทานพวกเขาให้เข้าสู่อำนาจรัฐได้ แต่หากให้พวกเขาเข้ามาบริหารประเทศได้สำเร็จก็กลัวว่าจะเหมือนกับเด็กที่เล่นไม้ขีดไฟ

ต้องยอมรับว่าวันนี้ประเทศไทยอยู่ในท่ามกลางเขาควายอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งที่ยากจะหาทางออก อนาคตอาจจะต้องเป็นไปตามความต้องการของเสียงส่วนใหญ่ และแน่นอนว่า เวลาที่เดินไปข้างหน้าไม่เคยหยุดนิ่งนั้นมันทำให้คนรุ่นเก่าที่เชื่อมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์นั้นเหลือน้อยลง แต่ถ้าพวกเขาเร่งเร้าและรุกเร้าเอาแต่ได้เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมไปตามปรารถนาและทำลายรากเหง้าของความเป็นไทยไปจากที่เคยเป็น ในวันที่คนรุ่นเก่ายังมีชีวิตอยู่สิ่งที่ตามมาก็คือความรุนแรง

ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าพิธาไปไม่ถึงฝันเก้าอี้นายกรัฐมนตรีทุกอย่างมันจะถูกเร่งให้เร็วขึ้นหรือไม่

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น