xs
xsm
sm
md
lg

BRICS กับระเบียบโลกใหม่!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


Cyril Ramaphosa ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้
เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตเปลี่ยนบรรยากาศจากการเข่นฆ่า-ล้างผลาญ โจมตี-ตอบโต้ ระหว่างยูเครน-รัสเซีย หันไปดูอะไรที่ออกไป “สร้างสรรค์”น่าจะเข้าท่ากว่า อย่างเช่นบทบาท-ความเคลื่อนไหว ของกลุ่มประเทศที่รู้จักกันในนาม “BRICS” อันประกอบไปด้วยบราซิล-รัสเซีย-อินเดีย-จีน และแอฟริกาใต้ ที่ว่ากันว่าอาจถือเป็นแกนหลัก แกนสำคัญ ต่อการนิรมิตร-สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับโลกใบนี้ในอนาคตเบื้องหน้า ไม่ว่าจะเป็นระเบียบโลกที่ไม่เหมือนเดิม หรือไม่ได้ถูกกำหนดด้วยคุณพ่ออเมริกาและชาติตะวันตกอีกต่อไป ไปจนถึงระบบการเงิน-การทอง รวมทั้งการก่อกำเนิดเงินตราสำรองสกุลใหม่ๆ ที่อาจเข้ามาแทนที่ “เผด็จการดอลลาร์”ในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล ฯลฯ ฯลฯ...

คือแม้ว่าบรรดากลุ่มประเทศเหล่านี้...เขาจะมีกำหนดการ “ประชุมสุดยอด”ครั้งใหม่ในอีก 2 เดือนข้างหน้า หรือราวๆ เดือนสิงหาคมที่จะถึง แต่ด้วยบทบาท-ความเคลื่อนไหวระดับโลก ที่ออกจะมาแรง-แซงโค้งเสียเหลือเกิน ชนิดถึงขั้นมีข่าวว่าหนึ่งในผู้นำประเทศ “G7” อย่างฝรั่งเศส ประธานาธิบดี “มาครง คนหนุ่ม” (Emmanuel Macron) ถึงกับออกปาก ขอร้อง และวิงวอน ให้เจ้าภาพการประชุม “BRICS” ครั้งนี้ หรือครั้งที่ 15 อย่างประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ “นายCyril Ramaphosa” ให้ช่วยเชิญตัวเอง ให้เข้าร่วมเวทีประชุมคราวนี้ ทั้งที่อยู่กันคนละซีก คนละโลก แบบที่เรียกๆ กันว่า “โลกเหนือ”และ “โลกใต้”อะไรประมาณนั้น จริง-ไม่จริง...อันนี้คงต้องไป “ชั่งน้ำหนัก”กันเอาเอง เพราะข่าวคราวที่ว่าดันออกมาจากสื่อฝรั่งเศสเองนั่นแหละไม่ใช่ใครอื่น!!!

คือถึงแม้ว่าประดาประเทศกลุ่ม “BRICS” ทั้งหลาย...จะถูกจัดอยู่ในประเภท “กลุ่มประเทศซีกโลกใต้” หรือประเทศจนๆ ประเทศที่กำลังพัฒนา หรือประเทศเศรษฐกิจใหม่อะไรทำนองนั้น ต่างไปจาก “กลุ่มประเทศซีกโลกเหนือ”หรือประเทศรวยๆ อย่างประเภทกลุ่มประเทศ “G7” อันประกอบไปด้วยคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรยุโรป อย่างอิตาลี เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ รวมทั้งแคนาดาและญี่ปุ่นแบบคนละเรื่อง-คนละม้วน แต่ไม่ว่าจะด้วยอาณาเขตพื้นที่ ที่กินอาณาบริเวณถึง 26.7 เปอร์เซ็นต์ของพื้นผิวโลก หรือถึง 39,746,220 ตารางกิโลเมตร (15,346,100 ตารางไมล์) ด้วยจำนวนประชากรที่ปาเข้าไปเกือบครึ่งโลกหรือ 41.5 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก แถมจำนวนจีดีพีที่นำมารวมกันยังมาแรง-แซงโค้งแถวๆ วัดเบญฯ แซงหน้ากลุ่มประเทศคนเคยรวย อย่าง “G7” ชนิดชิดซ้าย ตกคู ตกคลอง ไปเมื่อไม่นานมานี้ คือประมาณ 31.5 เปอร์เซ็นต์ต่อ 30.7 เปอร์เซ็นต์ และอาจทิ้งห่างยิ่งไปกว่านั้น โดยเฉพาะเมื่อบรรดาเศรษฐกิจยุโรป-เศรษฐกิจอเมริกา ทำท่ากำลังเข้าสู่ “ภาวะถดถอย” กันไปเป็นแถบๆ ขณะที่บรรดากลุ่มประเทศ “BRICS”ทั้งหลาย ไม่ว่าจีน อินเดีย บราซิล แอฟริกาใต้ ยังมีโอกาสเติบโต แม้ไม่ถึงขั้นโตโยต้าก็ตาม กระทั่งรัสเซียที่ถูกอเมริกา-ยุโรปรุมสหบาทา รุมเหยียบ รุมกระทืบ แต่อัตราเงินเฟ้อทำท่าว่าจะลดลงเหลือแค่ 2 เปอร์เซ็นต์อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หรือกำลังฟื้นตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติทางเศรษฐกิจ ในอีกไม่นาน-ไม่ช้า นับจากนี้...

อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้เจตนารมณ์โดยพื้นฐานของแต่ละประเทศที่ร่วมสุมหัว รวมตัว เป็นกลุ่มประเทศ “BRICS” ตั้งแต่เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว หรือตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 โดยมีแอฟริกาใต้เข้าร่วมอีก 9 ปีต่อมา หรือปี ค.ศ. 2010 จึงเป็นอะไรที่จะไป “ดูเบา”ไม่ได้เอาเลย ไม่ว่าความพยายามร่วมกันปรับปรุงแก้ไขสถานการณ์เศรษฐกิจโลกให้ดีขึ้นๆ ความคิดที่จะปฏิรูปสถาบันการเงินระหว่างประเทศ ไปจนความเห็นพ้อง ต้องกัน ที่อยากจะให้มีสกุลเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ (Global reserve currency) แบบใหม่ ที่ “สอดคล้องเหมาะสม-มั่นคง-และคาดเดาได้” ฯลฯ ซึ่งถูกหยิบยกมาพูดจาว่ากล่าวในหมู่ประเทศ “BRICS” ตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว หรือตั้งแต่เงิน “ยูเอสดอลลาร์” ชักเริ่มสร้างความปั่นป่วน รวนเร ให้กับบรรดาชาวโลกยิ่งเข้าไปทุกที หรือชักเริ่มกลายเป็น “Weaponization” ไม่ใช่ “Dollarization” อีกต่อไป...

ด้วยความพยายามที่จะทำให้บรรดาเจตนารมณ์เหล่านี้ เป็นจริง-เป็นจัง ขึ้นมาให้จงได้ แต่ละสิ่งแต่ละอย่างจึงค่อยๆ ดำเนินกันมาเป็นขั้นๆ นับเป็นสิบๆ ปีเอาเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมกันก่อตั้งสถาบันและองค์กรการเงินระหว่างประเทศ อย่าง “BRICS Bank”หรือ “The New Development Bank” ที่มีบทบาทแทบไม่ต่างอะไรไปจาก “World Bank”ซึ่งถูกควบคุมโดยโลกตะวันตกมาโดยตลอด หรือ “BRICS-CRA”(Contingent Reserve Arrangement) ที่แทบไม่ต่างไปจาก “IMF” หรือ “International Monetary Fund” ซึ่งอยู่ภายใต้อุ้งมือโลกตะวันตกอีกนั่นแหละ และตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 หรือก่อนที่หมีขาวรัสเซียคิดจะบุกยูเครนเกือบๆ สิบปีมาแล้ว ในการประชุมกลุ่มประเทศ “BRICS” ที่รัสเซีย ความคิดริเริ่มที่จะแสวงหา “ทางเลือก”ในระบบชำระหนี้ระหว่างประเทศ แทนที่ระบบ “SWIFT” (Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication) อันเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญของคุณพ่ออเมริกาและตะวันตกในการ “แซงชั่น”ใครต่อใครที่ตัวเองเหม็นขี้หน้า จึงได้เริ่มอุบัติขึ้นมาตั้งแต่นั้น เริ่มก่อให้เกิดระบบ “CIPS” (Cross-Border Inter-Bank Payment System) ขึ้นมาในเมืองจีน เกิดระบบ “SFMS” (Structured Financial Messaging System) ในอินตะระเดีย เกิดระบบ “SPFS” (System for Transfer of Financial Massages) ในรัสเซีย รวมทั้งระบบ “Pix”ในบราซิล...

ทั้งหลาย ทั้งปวง เหล่านี้...ถือเป็นภาพสะท้อนความมุ่งมั่น ความเพียรพยายาม ความเอาจริง-เอาจัง ภายใต้ความร่วมมือของบรรดากลุ่มประเทศเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ที่ใช้เวลานับเป็นสิบๆ ปีค่อยๆ ยกระดับและพัฒนาตัวเองมาตามลำดับขั้น จนกระทั่ง 5 ประเทศในกลุ่ม “BRICS”สามารถแซง 7 ประเทศในกลุ่ม “G7”กลายมาเป็นดุลอำนาจใหม่ หรือขั้วอำนาจใหม่ และทำให้การยึดมั่นในหลักการแห่ง “ระบบหลายขั้วอำนาจ” ของบรรดากลุ่มประเทศ “BRICS” ทั้งหลาย จึงเป็นสิ่งที่มิอาจปฏิเสธได้อีกต่อไป หรือเป็นสิ่งที่ “สร้างความประทับใจให้กับบรรดาประเทศเศรษฐกิจใหม่และประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย ที่จะหันมาให้ความร่วมมือ”ดังที่สื่อทางการของจีนอย่าง “Global Times” เขาได้สรุปและตั้งคำถามไว้ในข้อเขียน บทความ ว่าด้วยเรื่อง “Macron wants an invitation to BRICS Summit? This idea is bold and innovative” เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา คือไม่ว่าจริง-ไม่จริงก็ยังมิอาจสรุปได้ สำหรับความต้องการของผู้นำฝรั่งเศสที่จะให้ได้รับเชิญเข้าร่วมประชุมกลุ่มประเทศ BRICS โดยจะมองว่าเป็นความใจกล้าหน้าด้าน หรือเป็นแนวคิดระดับนวัตกรรมใหม่ ก็คงต้องขึ้นอยู่กับมุมมองของใครก็ของมัน อะไรประมาณนั้น...

โดยสิ่งที่ว่านี้...คงไม่ใช่การคุยโม้ โอ้อวด แต่อย่างใด เพราะถ้ามองถึงความปรารถนาของบรรดาประเทศเศรษฐกิจใหม่และกำลังพัฒนาทั้งหลาย ที่คิดจะเข้าร่วมกับกลุ่ม “BRICS” ถ้าว่ากันตามการเปิดเผยของ “นายSergey Ryabkov” รองรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เห็นว่าปาเข้าไปถึง 20 ประเทศเข้าไปแล้วในทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นอิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย ยูเออี อียิปต์ อัลจีเรีย อาร์เจนตินา เม็กซิโก ไนจีเรีย บาห์เรน อินโดนีเซีย บังกลาเทศ ปากีสถาน คองโก ซูดาน เซเนกัล ซีเรีย ตูนิเซีย ฯลฯ และอะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะมากมาย และยิ่งเยอะแยะมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งน่าจะทำให้ข้อสรุปของประธานบริษัท “The Netley Group” “นายMichael Goddard” ที่พูดไว้ในเวทีประชุม “SPEIF” (St. Petersburg International Economic Forum) เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา ยิ่งมี “น้ำหนัก” ยิ่งขึ้นไปใหญ่ นั่นคือคำพูดที่ว่า... “De-dollarization Could Happen Much Quicker Than Most Think!!!” หรือการละทิ้งเงินยูเอสดอลลาร์ กำลังมาเร็ว-มาแรงกว่าที่คนส่วนใหญ่คิด!!!

ดังนั้น...ไม่ว่าคุณพ่ออเมริกาและบรรดา “พรมเช็ดเท้า” ในโลกตะวันตก จะเพียรพยายามส่งเสริม สนับสนุน ให้รัฐบาลและกองทัพยูเครนสู้รบกับรัสเซียจนกว่าจะเหลือชาวยูเครนคนสุดท้าย หรือคิดจะอาศัยญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย ฯลฯ ปิดล้อมจีน ให้แห้งเหี่ยว หัวโต ให้จงได้ แต่โดยแนวโน้มความเป็นไปของโลกตามความเป็นจริง ตามข้อเท็จจริง ที่แสดงให้เห็นชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที โอกาสที่จะเกิด “ระเบียบโลก” ที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เกิดระบบการเงิน-การทองแบบใหม่ หรือเกิดเงินทุนสำรองชนิดใหม่ ฯลฯ อุบัติขึ้นมาในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกลนับจากนี้ ยิ่งน่าจะมีความเป็นไปได้ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...


กำลังโหลดความคิดเห็น