xs
xsm
sm
md
lg

โอกาสสุดท้ายรับอีกได้ไม่เกิน10คน!! ม.รังสิตเปิดหลักสูตรบูรณาการ น้ำมันหอมระเหย เทอร์พีน และ CBD เพื่อการบำบัดโรคไมเกรน โรคนอนไม่หลับ โรคซึมเศร้าโรควิตกกังวล และภาวะเครียด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




ณ บ้านพระอาทิตย์
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

โรคไมเกรน โรคนอนไม่หลับ โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล และภาวะเครียด เป็นโรคที่เกิดขึ้นมาในสังคมที่มีสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เกิดความเครียดในปัจจุบัน การรักษาในรูปแบบหนึ่งที่มีมานานแล้วคือการบำบัด รักษา ด้วยน้ำมันหอมระเหย ที่จะช่วยในการบำบัดทั้งสภาพจิตใจ อารมณ์ และร่างกาย


กลไกลการรับกลิ่นของร่างกายมนุษย์หลังการสูดดมนั้น ประสาทจะรับกลิ่น แปรผลไปยังก้านสมองส่งผลไปยังอวัยวะต่างๆ

น้ำมันหอมระเหย (Pure Essential Oil) เป็นน้ำมันที่สกัดได้จากส่วนต่างๆ ของพืช ได้แก่ ดอก ผล เปลือกผล เมล็ด ใบ ราก ลำต้นใต้ดิน เนื้อไม้ หรือเปลือกไม้ โดยพืชที่มีคุณสมบัติในการให้น้ำมันหอมระเหยมีหลากหลายวงศ์ โดยน้ำมันหอมระเหยส่วนใหญ่มีผลในการแต่งกลิ่นรส ฆ่าเชื้อโรค ใช้กระตุ้นหรือระงับอารมณ์และระงับการปวด

โดยน้ำมันหอมระเหยสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง ได้แก่ การสูดดม การซึมผ่านผิวหนังและการรับประทาน แต่ละชนิดมีฤทธิ์ต่อระบบต่างๆของร่างกายที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับประเภทและสรรพคุณของพืชชนิดนั้นๆ น้ำมันหอมระเหยจึงเป็นการแพทย์ทางเลือกแบบหนึ่งที่สามารถป้องกันและรักษาโรคหรืออาการเจ็บป่วยที่ไม่ร้ายแรงทั้งทางร่างกายและจิตใจได้เป็นอย่างดี

น้ำมันหอมระเหยเมื่อเข้าสู่ร่างกายให้ผล 3 ด้านคือ ในด้านผลทางเภสัชวิทยาจะมีผลต่อฮอร์โมนและเอนไซม์ อย่างไรก็ตามด้านผลทางสรีระวิทยา มีผลต่อระบบอวัยวะในร่างกาย ในขณะในด้านจิตวิทยาจะมีผลต่ออารมณ์

ตัวอย่างโมเลกุลของน้ำมันหอมระเหยบางชนิดยังสามารถกระตุ้นให้ทำให้สมองหลั่งสาร เอนดอร์ฟิน (Endorphins) ยังสามารถช่วยลดความเจ็บปวดและทำให้สบาย บางชนิดกระตุ้นทำให้สมองหลั่งสารเอนเซปฟาลีน (Encephaline)ทำให้อารมณ์ดี และเซโรโทนิน (Serotonin) ช่วยให้รู้สึกสงบ เยือกเย็น และผ่อนคลาย

ดังนั้นน้ำมันหอมระเหยจึงมีผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจด้วย

น้ำมันหอมระเหยบางชนิดมีผลต่อการกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตและหัวใจ, บางชนิดมีผลต่อการผ่อนคลายและลดการอักเสบของกล้าเนื้อ, บางชนิดเล่นการเจริญเติบโตลดการอักเสบ และลดความเจ็บปวดต่อระบบโครงสร้างและข้อต่อ, บางชนิดมีผลต่อการคลายกล้ามเนื้อเรียบ ขับลม แก้อาเจียนในระบบย่อยอหาร, บางชนิดช่วยคลายกล้ามเนื้อเรียบ ขัดเสมหะ และฆ่าเชื้อโรคในระบบทางเดินหายใจ, และบางชนิดยังกระตุ้นระบบน้ำเหลือง ภูมิคุ้มกันร่างกาย, บางชนิดมีผลต่อการหลังฮอร์โมนระบบต่อมไร้ท่อ, บางชนิดมีผลต่อการหลั่งฮอร์โมนในระบบอวัยวะสืบพันธุ์และรวมถึงกระตุ้นหรือระงับระบบประสาท

ด้วยการที่น้ำมันหอมระเหยมีผลต่อร่างกายระบบประสาท ฮอร์โมน จึงมีผลต่อโรคนอนไม่หลับ เครียด ปวดเกร็งกล้ามเนื้อ ไมเกรน และปวดประจำเดือนด้วย

อย่างไรก็ตามแม้ว่าน้ำมันหอมระเหยจะมีคุณประโยชน์มากมาย แต่หากใช้ผิดวิธีก็ย่อมก่อให้เกิดโทษได้ ดังนั้นผู้ใช้จึงควรศึกษารายละเอียดของน้ำมันหอมระเหยแต่ละชนิดก่อนนำมาใช้

ปัจจุบันองค์ความรู้การสกัดเกี่ยวกับน้ำมันหอมระเหยก็มีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับวิธีการสกัดและอุณหภูมิการสกัด มีความละเอียดของน้ำมันหอมระเหยซึ่งจะส่งผลทำให้ได้สารสำคัญที่แตกต่างกันด้วย

“กลิ่น” ในน้ำมันหอมระเหย ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในรูป “สุคนธบำบัด” หรือที่เรียกว่า “Aromatherapy” เพื่อทำให้มีผลต่อสุขภาพทั้งทางจิตใจแลอารมณ์ที่แตกต่างกัน จึงเป็นที่นิยมมาใช้ในสถานบริการที่เรียกว่า สปา (Spa)

นอกจากน้ำมันหอมระเหยแล้ว ยังมีอีกสารชนิดหนึ่งในน้ำมันหอมระเหยที่ได้รับความสนใจในวงการสุขภาพมากขึ้น คือกลุ่มสารเทอร์พีน (terpene) เป็นไขมันที่ประกอบขึ้นจากหน่วยไอโซพรีน (Isoprene) ซึ่งมีคาร์บอน 5 อะตอม พบมากในน้ำมันหอมระเหยในพืชในพืช

ที่สารกลุ่มเทอร์พีนแม้จะอยู่ในพืชหลายชนิด แต่ได้รับการกล่าวถึงมากในยุคนี้เมื่อพบว่าสารสกัดจากกัญชาหรือกัญชงเต็มส่วน ที่ทำงานร่วมกันนั้นได้ผลมากกว่าสารสกัดตัวใดตัวหนึ่งออกมาจากสารกลุ่มแคนนาบินอยด์

ยิ่งไปกว่านั้นการทำงานของกลุ่มสารเต็มส่วนของพืชกัญชาหรือกัญชงเต็มส่วนต้องทำงานร่วมกันหลายกลุ่มจึงจะเกิดประสิทธิภาพในการรักษาโรค หรือดูแลสุขภาพได้ดีขึ้น คืน กลุ่มสารแคนนาบินอยด์เต็มส่วน กลุ่มสารเทอร์พีนที่ทำให้เกิดกลิ่นเต็มส่วน และกลุ่มสารฟลาโวนอยด์ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ

แต่เนื่องจากคนจำนวนหนึ่งได้มองข้ามสารเทอร์พีนไปในการสกัดกัญชา ทำให้กลิ่นหลายชนิดสูญหายไปในระหว่างสารสกัดกัญชา กัญชง ในขณะที่สาร CBD ในกัญชา และกัญชง ซึ่งไม่ก่อให้เกิดอาการเมาซึ่งงานิวิจัยจำนวนมากได้รับการยอมรับในบทบาทในการรักษาโรคได้มากขึ้น ในขณะที่กลุ่มสารเทอร์พีนอีกหลายชนิดก็ไม่จำเป็นต้องสกัดออกมาจากกัญชา หรือกัญชงแต่เพียงอย่างเดียว

และเฉพาะเรื่อง CBD และเทอร์พีน และสารสกัดเต็มส่วนของกัญชาและกัญชง ก็ยังมีผลตามงานวิจัยในการบำบัดโรคโรคไมเกรน โรคนอนไม่หลับ โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล และภาวะเครียด อีกด้วย

อย่างไรก็ตามการทำน้ำมันหอมระเหยด้วยเทคโนโลยีการสกัดในยุคปัจจุบันไม่มีปัญหาสำหรับการสกัดทั้งเต็มส่วน สกัดบางอย่างออกมา สกัดบางอย่างทิ้งออกไปสกัดเลือกสารเทอร์พีนที่สนใจ

หรือแม้แต่สามารถหาซื้อน้ำมันหอมระเหย เทอร์พีน หรือ CBD จากผู้ที่สกัดได้แล้วทั้งสิ้น

คงเหลือแต่ศิลปะใน “ภูมิปัญญา” และองค์ความรู้ใหม่จากวิจัยทางเภสัช ว่าจะสามารถบูรณาการได้อย่างไรให้เกิดประโยชน์ทางการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ

เพราะน้ำมันหอมระเหย เทอร์พีน และสาร CBD จากกลุ่มกัญชา มีความหลากหลายชนิด อยู่ที่ว่าจะเกิดการผสมผสานด้วยภูมิปัญญาและใช้ได้ผลจริงอย่างไร

สถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต จึงจัดทำหลักสูตรเชิงปฏิบัติการ เพื่อเรียน และฝึกสร้างผลิตภัณฑ์ด้วยการลงมือปฏิบัติจริงในการบูรณาการน้ำมันหอมระเหย เทอร์พีน และ CBD ทางการแพทย์ เพื่อนำไปรักษาโรคอย่างตรงประเด็น 5 โรค ได้แก่ ภาวะเครียด โรคนอนไม่หลับ โรคไมเกรนโรคซึมเศร้า และโรควิตกกังวล

โดยสิ่งที่จะเรียนเพื่อนำไปสู่การต่อยอดทางธุรกิจ ได้แก่ “เทคนิค”ผสมผสานกัญชาเทอร์พีน และน้ำมันหอมระเหย เพื่อการบำบัดโรคจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง

เรียนเพื่อที่จะสามารถ “คิดค้นสูตร” สร้างผลิตภัณฑ์ สำหรับบำบัด กลุ่มอาการเครียด นอนไม่หลับ ไมเกรน ซึมเศร้า วิตกกังวลได้

เรียนเพื่อสามารถนำไปประกอบอาชีพและต่อยอดทางธุรกิจได้

และสามารถนำมาบูรณาการใช้ในการรักษาทางคลินิก เวลล์เนส และ สปาได้

โดยคุณสมบัติผู้สมัครเรียนนั้น เน้นไปในทางผู้ประกอบการคลินิก โรงแรม เวลล์เนสสปา หรือผู้ที่ต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ตลอดจนบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจ

โดยผู้เข้าอบรมจะได้รับ Set น้ำมันสำหรับปรุงตำรับยา (มูลค่ากว่า 15,000 บาท) ประกอบไปด้วย

1.น้ำมันหอมระเหย pure natural essential oil 100% จากทั่วโลกกว่า 15 ชนิด(sandalwood oil, Cedar wood oil, Cajuput oil , Lavender oil, Ylang ylang oil, Orange oil, Bergamot oil, Rosemary oil, Holy basil oil, Roman chamomile, Marjoram oil, Peppermint oil, Jasmine oil, Frankincense oil, Neroli oil)

2.ครีมเบส เจลเบส แอลกอฮอล์ (Food grade)

3.บรรจุภัณฑ์

โดยจะจัดฝึกอบรมที่มหาวิทยาลัยรังสิต เพียง 2 วันเท่านั้น ระหว่างวันที่ 8-9 กรกฎาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 9.00 น.-17.00 น. โดยค่าฝึกอบรมคิดราคาพิเศษในรุ่นนี้จาก 39,900 บาทต่อคน เหลือเพียง 25,900 บาทต่อคน โดยจะรับจำนวนจำกัดเท่านั้น (ใครสมัครโอนเงินก่อนได้สิทธิเรียนก่อน)

ซึ่งปัจจุบันมีผู้ให้ความสนใจหลายท่านที่สมัครมาแล้ว แต่เนื่องด้วยข้อจำกัดในหลักสูตรที่เรียนเชิงปฏิบัติการจนครบจำนวนแล้ว แต่ก็ยังมีผู้ให้ความสนใจอีกมาก จึงขอแจ้งรับผู้รับการฝึกอมรมรับได้อีกไม่เกิน 10 คนสุดท้ายเท่านั้น

สนใจติดต่อได้ที่สถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต โทรศัพท์ 0619506666 หรือ 02977222 ถึง 30 ต่อ 3205

ด้วยความปรารถนาดี
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต


กำลังโหลดความคิดเห็น