“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
แย่งอำนาจ-แย่งตำแหน่ง-แย่งเป็นนายกฯ-แย่งเป็นรัฐบาล ฯลฯ เอ๊ะ!.. แย่งกันโกงชาติด้วย!
เพราะที่ผ่านมา.. “ผู้มีอำนาจ” มาจาก “เลือกตั้ง” และมาจากการทำ “รัฐประหาร” รัฐบาลทั้งสองรูปแบบนี้ ล้วนมีเรื่อง “โกงชาติ” ผุดโผล่ ให้สื่อฯได้เปิดโปง ให้ประชาชนได้รับรู้
โดยเฉพาะ “รัฐบาลเหลี่ยม” ถูกครหาเรื่อง “ตระบัดสัตย์” ที่ได้ประกาศ “ผมรวยแล้วจะไม่โกงชาติ” ทว่า..เมื่อโชคดีได้เป็น “ผู้นำชาติ” กลับใช้อำนาจอธรรม โกงชาติอย่างมโหฬาร หนำซ้ำยังบังอาจหนุนปฏิบัติการ “ล้มเจ้า” ด้วย!
ทุกวันนี้.. “สองพี่น้องอดีตนายกฯมหาภัย” ยังต้องหนีคดีความกับคุกไปอยู่ต่างแดน เพราะทำผิดกฎหมาย โกงชาติไม่รู้จักพอ
17 ปีของอดีต “นายกฯ เหลี่ยม” ต้องละจาก “ลูกเมีย” กับ “บ้านช่อง” จนล่าสุดได้ส่งเสียงโอดครวญครั้งแล้วครั้งเล่าว่า “..ผมยอมติดคุก!.. ขออนุญาต.. ขออนุญาต.. (ได้ยินไหม?).. ผมจะกลับบ้านไปเลี้ยงหลาน..” ฯลฯ
ส่วน “นายกฯ รักษาการตู่” บุคคลที่ผู้คน “โคตรเบื่อ” มีผลงานบริหารชาติแบบ “ตุ๊ดตู่อยู่ในรู” เคยมีอำนาจเผด็จการกับได้สืบทอดอำนาจมานานร่วม 9 ปี แต่ไม่ได้แก้ “ต้นเหตุปัญหาเลวร้าย” หลายมิติให้ชาติแม้แต่น้อย
“นายกฯ รักษาการตู่” ได้ “ตระบัดสัตย์” ที่ว่าจะ “ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง” โกหกคนไทยทั้งประเทศอย่างหน้าด้านๆ แบบนี้ “บิ๊กตู่”ยั งกล้าเสนอหน้าจะขอบริหารชาติต่อ ด้วยสโลแกน “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” แบบซ้ำซากจำเจน่าเบื่อ.. เอ้อ!.. ผมขอทำต่ออีก 2 ปี.. ได้โปรดกรุณาให้โอกาสด้วยนะคร้าบ..
เฮ้อ..ผลงานไม่เอาไหนเท่าที่ควร มีผลงานปกติตามระบบรัฐราชการ ไม่ปรากฎผลงานด้านการปฏิรูปชาติ ไม่แก้ต้นเหตุปัญหาเลวร้ายให้ชาติแม้แต่เรื่องเดียว..
ฉะนั้น..ผลการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 “พรรคบิ๊กตู่” จึงพ่ายต่อ “พรรคเหลี่ยม” และ “พรรคธรแอนด์ธา” อย่างยับเยิน ดับ “ฝันลุงตู่” ที่จะครองอำนาจรัฐต่อ ให้เป็น “มหาแห้ว” ไป “นอนเพ้อฝันกลางทุ่งหมามุ่ย”..
ส่วน “พิธา-ก้าวไกล”..แม้ “กกต.” ยังไม่ประกาศผลอย่างเป็นทางการให้เป็น “ส.ส.” ก็มี “นักร้องคนดัง” หลายคน บุกไปร้องที่ “กกต.” บ้าง “ป.ป.ช.” บ้าง ฯลฯ หวังให้ “พิธา” หลุดจากตำแหน่ง ทั้ง “ส.ส.”กับ “หน.พรรคก้าวไกล”
ทว่า..หลังเลือกตั้ง “พิธา” แสดงตนสำแดงฤทธิ์ ตั้งตัวเองเป็น “ว่าที่นายกฯ” ขวัญใจ “สามนิ้ว” พยายามจะก้าวไกลเลยไทยไปถึง “กรุงลงกา” โน่นเลย!
“กลุ่มสามนิ้ว” สายฮาร์ดคอร์ด้อมส้ม เมื่อไม่ได้อะไรทันใจนึก ก็เริ่มออกมาชุมนุมเคลื่อนไหว ส่วนจะอาละวาดทำผิดกฎหมายหรือไม่ ก็ต้องตามไปดู ด้วยพวกเขาหวังจะกดดันบีบคั้นให้ “แก้ไข” หรือแก้แบบ “ยกเลิก” กฎหมาย “มาตรา 112”
อืม..การ “เปลี่ยนที่ดี” จะเป็นที่ชื่นชม แต่การ “เปลี่ยนสามานย์” จะถูกประณาม และก่อเกิดความแตกแยกรุนแรงในสังคมไทย..
งานนี้.. ขอยกขี้ปาก“ลุงเหลี่ยม” มาสั่งสอน“หลานพิธา”สักหน่อยว่า
การที่ “พรรคก้าวไกล” มีแคนดิเดท “นายกฯ” คนเดียว ชื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” โดยไม่มี “ตัวสำรอง” เป็นความเสียเปรียบ ส่วน “พรรคเพื่อไทย” เรามี(ตั้ง) 3 คนเลยล่ะ!.. มีทั้ง “อิ๊ง-เศรษฐา” แถม “ลุงชัยเกษม” อีกคน..
อืม.. “บิ๊กเหลี่ยม” น่าจะสอนเรื่องของการแต่งตั้ง “นายกฯ” กับการตั้ง “รัฐบาล” ด้วยนะ ว่า “พิธา ”ต้องก้าวไกลทางความคิด ให้รู้เท่าทันเล่ห์กลการเมือง “อย่าไว้ใจทางอย่าวางใจเหลี่ยม”
การแย่งชิงอำนาจรัฐอย่างเอาเป็นเอาตาย ของบรรดานักการเมือง ก็เพราะหาก “อำนาจรัฐ” ตกอยู่ในกำมือ “นักการเมืองคนใด” ก็จะนำมาซึ่ง “เงินทอง” กับ “ผลประโยชน์” แก่นักการเมืองผู้นั้น..
ดังนั้น.. ยุคเลือกตั้ง “เหลี่ยม” ครองเมือง จึงมีการโกงชาติมโหฬารอย่างมิรู้จักพอ จนรวยยิ่งขึ้นนับแสนๆล้าน! ยุครัฐประหารกับสืบทอดอำนาจผ่านเลือกตั้งของรัฐบาล “บิ๊กตู่” ก็เต็มไปด้วยการโกงชาติไม่ต่างกัน!
หลังเลือกตั้ง 2566 ยุค “นายกฯ ใหม่-รัฐบาลใหม่” จะเป็นใครมาจากไหน? การครองเมืองจะมีสิ่งดีให้กับชาติเป็นหลักหรือไม่? หรือจะยังคงมีการโกงชาติเป็นหลัก?
“ใครคนหนึ่ง” และ“พรรคใดพรรคหนึ่ง” อาจได้เป็น “นายกฯ-ครม.” ก็ได้ “บุคคลผู้นั้น” จะถูก “บันทึกตามจริง” ไว้ในประวัติศาสตร์ด้านใดด้านหนึ่ง จะถูก “บันทึก” อย่างชื่นชมยินดี เพราะทำดีให้ชาติกับประชาชน?
หรือจะถูก “บันทึก”ไว้อย่างประณามหยามเหยียด จากการทำชั่วไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะทำชั่วโกงชาติ? เรื่องนี้..“สื่อฯ” และ “ประชาชน” จะติดตามชนิดไม่ให้คลาดสายตาอย่างแน่นอน..
ขอนำอมตะวาจาของ “ท่านพุทธทาส” มาให้ไตร่ตรอง เพื่อเดินสู่หนทางลด-ละ-เลิกการกระทำสิ่งชั่วช้าสามานย์สารพัด และการโกงชาติของบรรดา“นักการเมือง” เลือกตั้งกับรัฐประหาร ที่ดำเนินมาโดยตลอดในประเทศไทย..
ก่อนอื่น.. เราพึงต้องรู้ประวัติคร่าวๆ ของ “ท่านพุทธทาส” ท่านมีชื่อจริงว่า “เงื่อม พานิช” มาจากครอบครัวคหบดี ณ ชุมชนเก่าแก่มาตั้งแต่อาณาจักรศรีวิชัย คือบ้านพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ท่านเกิดในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2449 ตรงกับวันขึ้น 7 ค่ำ เดือน 7 ปีมะเมีย โดยเป็นคนหัวปี มีน้องร่วมสายโลหิต 2 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 1 คน
“ท่านพุทธทาส” อุปสมบทเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2469 ท่านครองผ้าเหลืองอยู่นานถึง 67 พรรษา ณ วัด “ธารน้ำไหล” หรือ “สวนโมกขพลาราม” หรือชื่อเต็มคือ วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร สังกัดมหานิกาย วุฒิศึกษา นักธรรมชั้นเอก เปรียญธรรม 3 ประโยค ตำแหน่งทางคณะสงฆ์คือ อดีตเจ้าอาวาส วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร อดีตประธานสงฆ์ สวนโมกขพลาราม
“ท่านพุทธทาส” หรือ “พระธรรมโกศาจารย์” ได้เผยแผ่ธรรมเป็นที่ยอมรับของชาวไทย และยังเป็นที่ยอมรับของชาวโลกอีกด้วย โดย “ยูเนสโก” ได้ประกาศยกย่องให้ท่านเป็น “บุคคลสำคัญของโลก ด้านการศึกษา วัฒนธรรม และสันติภาพ” เนื่องในโอกาสครบรอบชาตกาล 100 ปี เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2549
เอาล่ะ..เรามาอ่าน “คำธรรมคำคม” ของ “ท่านพุทธทาส” กันเลยนะครับ..
“ความดี ทำแค่สองเวลาคือ เวลาหายใจเข้า กับเวลาหายใจออก” และ “ธรรมะกับการเมือง เป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้ แยกกันเมื่อไร การเมืองก็กลายเป็นทำลายโลกขึ้นมาทันที”
ที่สำคัญ “ท่านพุทธทาส” ได้สอนและเตือนสติว่า “พอมีอำนาจ ราชศักดิ์ ก็มีโอกาสที่จะทุจริตได้ง่ายขึ้นอีกหลายเท่าตัว ต้องระวังให้ดี”
ใช่เลย! ทุกวงการอาชีพ โดยเฉพาะ “นักการเมือง-ข้าราชการ-นักธุรกิจ” มักจะสุมหัวกันโกงชาติด้วยสันดานมิรู้จักพอ และไม่ยอมลด-ละ-เลิกการทำชั่วเสียด้วยสิ.. เฮ้อ!..ระวัง “กรรมติดจรวดตามสนอง” ล่ะ!
“การกล่าวเท็จทางวาจา ทางตัวหนังสือ คือกิริยาท่าทาง ล้วนแต่เพื่อให้ได้ประโยชน์แก่ตัว หรือพวกของตัวทั้งนั้น โลกเราปั่นป่วนมากสมัยนี้ เนื่องจากไม่มีศีลข้อ 4 ของนักการเมืองเจ้าเล่ห์นั่นเอง!”
“พูดเท็จ คนที่ถึงกับพูดเท็จได้แล้วจะไม่ทำบาปอย่างอื่นๆ ทุกอย่างนั้น เป็นไม่มี เพราะเขาได้โกหกหลอกลวงตัวเองจนถึงที่สุด และขบถต่อตัวเองแล้วอย่างสิ้นเชิง”
อ้าว! “ท่านพุทธทาส” พูดไปตรงกับคนระดับ “ผู้นำชาติ” อย่าง “ทักษิณ-ประยุทธ์” ซึ่งชอบ “พูดเท็จ” เป็น “คนตระบัดสัตย์” ทั้งคู่
“ท่านพุทธทาส” ยังเอ่ยถึง “นักการเมือง” ไว้อีกหลายประเด็น ดังนี้
“เรื่องการปกครอง การพัฒนา อะไรก็ตาม เดี๋ยวนี้ทำไม่ได้ดี เพราะทำโดยคนไม่มีศีลธรรม ให้ทำอะไร ก็เหมือนกับ “ให้โอกาสสำหรับไปโกง” เพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพราะความไม่มีศีลธรรม”
จริงอีกแล้ว! “นักการเมืองไทย”มาจากการเลือกตั้งสกปรก จึงมักด้อยคุณภาพ-ไร้ศีลธรรม-ขาดคุณธรรมฯลฯ การเมืองไทยจึงมัก“ถอยหลังลงคลอง” มีแต่เรื่อง “โกงชาติ” เป็นที่รับรู้กันทั่วตลอดมาจนกระทั่งวันนี้
“คนสมัยนี้ “การเมืองขึ้นสมอง” ใช้การเมือง เป็นเครื่องมือกอบโกย ฟาดฟันผู้อื่น ครอบงำผู้อื่น เพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียว การเมืองเลยกลายเป็นเรื่องอัปรีย์จัญไรไปเสีย!”
“เดี๋ยวนี้ มันเต็มไปด้วยคนคดโกง คอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ ของการงานในโลกนี้..ก็เพราะว่า มันเสื่อมศีลธรรม”
“นักการเมืองบริสุทธิ์ ไม่ทำตัวเพื่อเงิน เพื่ออภิสิทธิ์ แต่เพื่อความเป็นธรรม หรือเพื่อหน้าที่ การเมืองบริสุทธิ์คือ “ศีลธรรม” การเมืองระยำ!! คือการต่อสู้แย่งชิง”
เฮ้อ!..ชาติไทยมี “นักการเมืองบริสุทธิ์” อ๊ะป่าว? ถ้ามี.. ถ้าพบ “ใครคนนั้น” ช่วยตะโกนบอกชาวไทยด้วยนะ!