“กรณิศ” ย้ำจุดยืน “ภูมิใจไทย” ไม่หนุนกัญชาเสรี
หนุนประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น โอดพรรคโดนบิดเบือนถล่ม ลั่นพร้อมไปเร่งออก กม.ควบคุมในสภาฯ หวังสกัดใช้ผิดเจตนาามณ์เหมือนทุกวันนี้
วันนี้ (8 พ.ค.66) นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ผู้สมัคร ส.ส.กทม. (คลองเตย-วัฒนา) เบอร์ 1 พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ตอนนี้ประชาชนบางส่วนสงสัย และสอบถามว่า พรรคภูมิใจไทย และตนสนับสนุนกัญชาเสรีหรือไม่ เพราะบางพรรคหาเสียงโจมตีนโยบายกัญชาเพื่อการแพทย์ของพรรค จนประชาชนสับสน ขอเรียนและย้ำกับทุกฝ่ายว่า ตนและพรรคไม่สนับสนุนกัญชาเสรี เพราะผู้บริหารพรรค สมาชิกพรรค และตนมีจุดยืนคือ สนับสนุนกัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้น สำหรับการดูแลรักษาสุขภาพของประชาชน
“ที่ผ่านมาพรรคได้แสดงจุดยืนด้วยการเสนอร่างพระบัญญัติกัญชา-กัญชง เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เพราะประเทศไทยจะต้องมีกฎหมายควบคุมการใช้กัญชาจึงจะทำให้การใช้และการคุ้มครองผู้บริโภคเกิดความสมดุล แม้ว่าร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับการขัดขวางจากกลเกมทางการเมือง และต้องตกไป กรณีนี้คิดว่าสังคมน่าจะเข้าใจได้กับเกมการเมืองในบางช่วงที่เกิดขึ้นเพื่อไม่ให้พรรคได้คะแนนนิยมในเรื่องร่างกฎหมายดังกล่าว” นางกรณิศกล่าว
นางกรณิศ กล่าวต่อว่า ซึ่งตอนปลดล็อคกัญชาเพื่อการแพทย์ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากทุกพรรค แต่พอจะออกกฏหมายควบคุมการใช้กัญชากลับถูกเกมการเมืองเล่นสกัดเสียก่อน ซึ่งกรณีนี้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายและรัฐสภา แต่ยืนยันว่าหากได้รับโอกาสกลับไปทำหน้าที่ส.ส.อีกครั้ง ตนจะเสนอร่างกฎหมายกัญชา- กัญชง และจะติดตามอย่างต่อเนื่อง เพราะตนไม่เห็นด้วยกับกัญชาเสรีเช่นเดียวกับทุกฝ่าย ที่ผ่านมาเมื่อจะมีร่างกฎหมายฉบับนี้มาบังคับใช้ กลับโดนเตะสกัดจากฝ่ายต่างๆ จนวันนี้เกิดกระแสลบกับพรรคภูมิใจไทย เพราะมีการบิดเบือนให้สังคมเข้าใจไขว้เขว้ในเรื่องกัญชาเพื่อการแพทย์กับกัญชาเสรี ขอย้ำว่าตนสนับสนุนกัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้น
นางกรณิศ กล่าวยืนยันอีกว่า ประเทศไทยต้องมีกฎหมายควบคุมกัญชา โดยจะต้องผลักดันกฎหมายพระราชบัญญัติกัญชา-กัญชง ให้มีการพิจารณาร่างกฎหมายให้แล้วเสร็จเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไปในสมัยการประชุมสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ เพราะผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน และโรคอื่นๆ ที่กำลังได้รับการบำบัดรักษาด้วยกัญชาอีกจำนวน 3 ล้านคน จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยกัญชาทางการแพทย์ ดังนั้นตนขอโอกาสชาว กทม. เขตวัฒนา และคลองเตย กลับไปทำหน้าที่ออกกฎหมายฉบับนี้เพื่อให้สังคมและผู้ป่วยที่ต้องใช้กัญชาเพื่อการรักษาตัวได้ปลดความทรมานของร่างกาย รวมทั้งป้องกัน และสกัดกันไม่ให้นำกัญชาไปใช้อย่างผิดเจตนารมณ์เหมือนทุกวันนี้.