"โสภณ องค์การณ์"
อีกไม่ถึง 10 วัน ผู้มีสิทธิ์กาเบอร์จะมีโอกาสไปเลือกผู้แทนเข้าสู่สภา ในระบบเขตและปาร์ตี้ลิสต์ เป็นศึกเดิมพันสูง ใครอยู่ใครไป เป็นประเด็นตัดสินอนาคตตัวเอง
จะเป็นตัวชี้นำทิศทางอนาคตของประเทศ หลังจาก 9 ปี ภายไต้อำนาจทหารที่หนุนรัฐบาลท่านห้าวเป้ง ให้บ้านเมืองเสื่อมโทรมด้านศีลธรรม คุณธรรม จรรยา มาตรฐานชีวิต การทุจริต คอร์รัปชั่น ความชั่วร้ายในโลกอาชญากรรมขยายตัว
เป็นผลงานการบริหารบ้านเมืองอย่างไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ เป็นยุคของการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนใหญ่กินรวบธุรกิจหลายอย่าง ประชาชนเดือดร้อน ทุกข์หนัก
จึงเป็นศึกเดิมพันสูงของคนกระหายอำนาจ การต่อสู้ในต่างมิติของคนระหว่างวัย รุ่นเก่า รุ่นใหม่ มีคำอ้างว่าเป็นศึกของฝ่ายอนุรักษ์นิยม และฝ่ายประชาธิปไตย
เป็นคำอ้างไร้สาระ พูดเอาเท่ การเมืองไทยมี 2 อย่าง โกงมาก หรือโกงน้อย เรื่องจะไม่โกง แสวงหาผลประโยชน์นั้น ใครกล้าอ้าง แสดงว่าหน้าด้าน ตอแหลสุดๆ
ตัวหลักในศึกนี้คือ ท่านห้าวเป้งผู้กุมอำนาจและดิ้นอย่างหนักเพื่อไปต่อ ถ้าพ่ายแพ้อนาคตมีความเสี่ยงสูงว่าจะโดนสารพัดโจทย์ขอเช็คบิลย้อนหลัง
ท่านห้าวเป้งต้องหาตัวช่วยทุกวิธี ตัวช่วยอาจต้องใช้วิชามารอีกด้วย กระแสปัจจุบันไม่แรง อยู่มา 9 ปี ผลงานไม่เข้าท่า ต้องตระเวนหาเสียง ทำตัวเป็นนักเลือกตั้ง
ผลงานอย่างนี้ทำให้คู่แข่งมองว่า “ถ้าคนนั้นทำได้ ชั้นก็เป็นนายกฯ ได้”
เป็นวาระที่ท่านห้าวเป้งจะอยู่ให้ได้ แม้จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย มี สว. ตั้งเองเป็นตัวช่วยกว่า 240 เสียง ขอให้ได้เป็นนายกฯ จากนั้นจะมีนายทุนกว้านซื้องูเห่า
ประเทศไทยซื้อได้ไม่แพง ลงทุน 1.5 หมื่นล้านบาท เสนอซื้องูเห่าตัวละ 100 ล้านบาท จะมีหน้าไหนไม่เอา จะหาเงินได้ง่ายขนาดนี้หรือ ถ้าไม่โกง ปกปิดรายได้
นายทุนลง 1.5 หมื่นล้านบาท ถ้าอยู่ครบ 4 ปี ตกปีจะไม่ถึง 4 พันล้านเกินคุ้มจากการได้โครงการสารพัด ราคาหุ้นปั่นขึ้น รวมทั้งโครงการปัจจุบันที่ได้กินยาว
ดังนั้น หางูเห่าขายตัวอีก 150 ตัว หรือน้อยกว่านั้นก็ได้ ก็มีเสียงข้างมากได้ พรรคการเมืองต่างตัวสั่นอยากเข้าร่วมแบ่งผลประโยชน์อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา
“ลุงป้อม” ถือว่าเป็นโอกาสสุดท้ายเช่นกันที่จะต้องได้เก้าอี้ผู้นำ อายุมากแล้ว สังขารก็ไม่อำนวย เดินกระย่องกระแย่ง ป้อแป้ ต้องมีคนประคองบางช่วง
พลาดครั้งนี้ ไม่มีอีกแล้ว จะตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยก็ได้ มีนายทุนพร้อมเช่นกัน แม้จะต้องซื้องูเห่าในบางช่วง เช่นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ด้วยเหตุที่งูเห่าไม่เชื่อง
งูเห่าไม่เชื่องกับคน เชื่องกับเงินที่รีดพิษได้ ยิ่งมากยิ่งเชื่อง ซื้อวิญญาณก็ได้
นายห้างดูไบก็ใช้เป็นโอกาสสำคัญที่จะได้กลับบ้าน ไม่มีช่วงไหนที่จะให้พรรคชนะอย่างถล่มทลายอย่างคำคุยฟุ้งมาตลอด จะสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าจะชนะเกิน 200 หรือต่ำกว่า 200 เสียง ความหวังที่จะได้เกิน 300 ยิ่งกว่าเลือนราง
ตัวชิงเก้าอี้นายกฯ ไม่แน่ชัดว่าจะเป็นใคร มีอยู่ 3 คนก็ไม่ใช่ตัวจริงๆ!
ดังนั้น ศึกครั้งนี้จะยังมีมิติที่ว่า สุดท้ายจะต้องมีเหตุพิสดารทำให้ต้องแสวงหา “นายกฯ คนนอก” หรือไม่ หรือมีเหตุให้ท่านห้าวเป้งรักษาการไปเรื่อยๆ ไม่มีกำหนด
ดังนั้น 3 ตัวเต็ง เดิมพันชีวิตอนาคตสูง จึงต้องสู้สุดเหวี่ยง ส่วนพรรคใดจะไม่จับมือกับพรรคนั้น อย่างโน้นอย่างนี้ ชาวบ้านต้องมองว่านั่นเป็นลิเกการเมือง
เงินเท่านั้นที่จะตัดสิน ในระบบ “เงินไม่มา กาไม่เป็น” อย่างที่เป็นมา
ในบ้านเรา “เสียงประชาชน ไม่ใช่เสียงสวรรค์” แต่เป็นมือกาเบอร์ที่จูงมือพวกกังฉินกินเมืองให้เข้าไปนั่งในสภา มือในสภาจะเป็นฝักถั่วยกเพื่อผลประโยชน์
หลังวันที่ 14 จะมีตัวแทนพรรควิ่งตีนขวิดหาพวกตั้งรัฐบาล คำประกาศที่ว่าใครมาอันดับ 1 มีสิทธิขอจัดตั้งรัฐบาลก่อนนั้นไม่มีใครปฏิบัติ มันต้องแบบ “ใครดี ใครได้”
ศึก 3 ตัวหลักต่างมีทุนสนับสนุน ทางด้าน “พรรคเสี่ยหนู” มากับกัญชาเพียงขอเป็นตัวแปร พร้อมจับมือกับทุกฝ่าย มีคำอ้างว่าสถานการณ์เปลี่ยนไป ข้อมูลใหม่
การกระทำใดๆ ค้านกับคำพูดหาเสียง จะมีคำแก้ตัวว่า “บ้านเมืองต้องไปต่อ” แต่ละพรรคเปิดศึกไว้รอบทิศ มีโจมตีกล่าวหา ใช้ปัจจัยดูด ตกปลาในบ่อเพื่อน
ผลประโยชน์ร่วมกันคือตัวประสาน จัดสรรให้ลงตัวในการถอนทุน บวกกำไร
พรรคอื่นๆ เป็นตัวประกอบ รอเสียบ แลกกับเก้าอี้ในคณะรัฐมนตรี ประธานกรรมาธิการ เลขารัฐมนตรี หรือตำแหน่งอื่นๆ ที่มีช่องทางทำมาหากินได้
พรรคก้าวกระโดดหวังอย่างมากเช่นกัน ด้วยเสียงคนรุ่นใหม่ หัวหน้าหนุ่มมาเป็นอันดับ 1 ในการทำโพล แซงหน้าทุกคน แต่ไม่ได้หมายความว่าพรรคจะได้ที่ 1
พรรคนี้รอได้ รอให้พลังตกผลึก ขยายฐาน อีก 4 ปีก็ยังไม่สายเกินไป เพียงแต่ว่าสนามเลือกตั้งนั้นเป็นเพียงด่านแรก สำคัญที่สุดคือพลังของ “Deep State” ที่เร้นลับ ไม่มีตัวตนให้เห็นชัด จะสำแดงฤทธิ์ก็ต่อเมื่อมีการก้าวกระโดดสุดโต่งจนเป็นภัย
การปฏิรูปสถาบันในกลุ่มก้าวกระโดดจึงเปิดช่องให้มีการหาเสียงโดย “กลุ่มอนุรักษ์นิยม “ หรือ “ขบวนการขวาจัด” อย่างที่ถูกตราหน้า ปลุกกระแสรักชาติ ชังชาติ
บ้านเมืองจึงอยู่ในห้วงอันตรายระดับหนึ่งหลังจากเลือกตั้ง ถ้ามีเหตุวุ่นวายจะเปิดช่องให้ชาติมหาอำนาจฉวยโอกาสเข้าแทรกแซง เหมือนในฮ่องกง ยูเครนปี 2014
เรายังไม่เคยมีสงครามกลางเมืองเหมือนประเทศอื่น มีความคิดแตกแยกในระดับต่างๆ หวังว่าคนไทยจะขี้เกียจเพียงพอที่จะไม่สู้รบกันด้วยความแค้นฝังหุ่น
ประวัติศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าคนไทยขี้เกียจเกินไปที่จะยอมเป็นคนขยันในระบบคอมมิวนิสต์ตามคำบังคับ บางโอกาส “ทำอะไรตามใจคือไทยแท้ ไม่มีระเบียบก็ดี”
ฝรั่งมังค่าถึงไม่ประสบความสำเร็จในความพยายามให้ไทยเป็นอาณานิคม ความสามารถของพระมหากษัตริย์ไทยหลายยุคทำให้ประเทศรอดมาได้
“Deep State” ก็มีหลายมิติ รวมทั้งความคิดแบบไทยๆ พลังคนไทยๆ ด้วย!สุดท้าย “พระสยามเทวาธิราช” จะเป็นที่พึ่ง มาช้าหรือเร็ว ก็สุดแล้วแต่
ครั้งนี้ใช้เวลา 9 ปี กว่าจะมาได้ จะปิดจ็อบได้หรือไม่ หลังวันที่ 14 ก็รู้!