ฮื่ออ์อ์อ์...โดย “แนวโน้ม” มันก็น่าจะเป็นไปดังที่คุณพี่ “โสภณ องค์การณ์” ท่านว่าไว้ในคอลัมน์ “มองต่างแดน” ช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา (1 พ.ค.) ว่าด้วยเรื่อง “สหรัฐฯ เร่งไฟสงครามในเอเชีย” นั่นแหละทั่น!!! คือแนวโน้มที่ฉากเงาแห่ง “สงคราม” แห่งความ “ตึงเครียดทางทหาร” ของโลกใบนี้ มันกำลังเริ่มเบี่ยงๆ มาแถวๆ “แนวรบทะเลจีนใต้” ในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล ชักมีความเป็นไปได้สูงยิ่งเข้าไปทุกที...
ไม่ว่าจะมองจากท่าที ความเคลื่อนไหวบรรดาผู้นำของบางประเทศในย่านนี้ อย่างประเภทไต้หวัน เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ ฯลฯ ไปจนถึงอภิมหาอำนาจสูงสุดแห่งโลกอย่างคุณพ่ออเมริกา ที่ถึงขั้นต้องจัด “ซ้อมรบ” ประจำปี (USASOC) ขึ้นที่ฐานทัพฟอร์ต แบรกก์ รัฐแคโรไลนา ด้วยการกำหนดภาพ จำลองภาพถึง “การรบกับจีน” ไปเมื่อวัน-สองวันมานี้ ต้องงัดอาวุธทันสมัยๆ มาทดสอบ ทดลองไม่ว่าเอาไว้ใช้ทำลายอุโมงค์ใต้ดิน ใช้บังคับเครื่องบินโดรนใช้ควบคุมจรวด ขีปนาวุธ และอะไรต่อมิอะไร ฯลฯ อีกเยอะแยะมากมายในการโจมตีรับมือกับฉากสถานการณ์ที่ถูกวาดภาพ ถูกจินตนาการไว้ล่วงหน้า ไปจนข่าวคราวความเพียรพยายามที่จะขออนุญาตติดตั้งฐานจรวด ขีปนาวุธ ระบบปืนใหญ่ ฯลฯ ไว้ที่ฟิลิปปินส์ ทั้งๆ ที่เพิ่งสามารถเข้าถึงฐานทัพ 4 แห่งในอดีต โดยเพื่อหวังเอาไว้ “ช่วยไต้หวัน” ถ้าหากถูกคุณพี่จีนบุกขึ้นมาในตอนไหน? เมื่อไหร่? แม้ยังมิอาจสรุปได้ชัดเจนก็ตามที...
แต่อย่างไรก็ตาม...การเบี่ยงหัวเรือ การเตรียมมาจุดไฟสงครามใน “แนวรบทะเลจีนใต้” นับจากนี้ ที่น่าสังเกตน่าคิดสะกิดใจ ก็คือว่า ดูเหมือนว่า...บรรดาพันธมิตรของคุณพ่ออเมริกาในยุโรป ที่ต่างกำลังหมกมุ่นอยู่กับการ “รุมกระทืบ” หมีขาวรัสเซีย ดูๆ ไม่น่าจะถึงกับ “กระเหี้ยนกระหือรือ” ในการ “เดินตามก้น” หรือการเป็น “พรมเช็ดเท้า” ให้อเมริกามากมายสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำฝรั่งเศสอย่าง “มาครง คนหนุ่ม” (Emmanuel Macron) ที่ได้เคยพูดๆ เอาไว้หลังจากเดินทางไป “เซ็งลี้” อะไรต่อมิอะไรที่เมืองจีนคราวล่าสุด เมื่อต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ถึงขั้นว่า... “อียูจำเป็นต้องมีนโยบายของตนเอง ในเรื่องไต้หวันและต้องหลีกเลี่ยงการเดินตามสหรัฐฯ ในกรณีดังกล่าว” หรือแม้แต่ “คุณป้ามหาภัย” “นางUrsula von der Leyen” ประธานคณะกรรมการยุโรป ก็ดูจะเห็นพ้องต้องกันไปในแนวเดียวกัน ไม่เหมือนกับการสุมหัว รวมตัว การรุมกระทืบหมีขาวรัสเซียตามการชักจูงของคุณพ่ออเมริกาใน “แนวรบยุโรปตะวันออก” หรือในกรณี “วิกฤตยูเครน” แต่อย่างใด...
อาจด้วยเหตุเพราะการ “ทะเลาะกับจีน” ในขณะที่บรรดาชาติยุโรป ล้วนแต่ “กรอบเป็นข้าวเกรียบเมืองเพชร” ไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งพวง น่าจะเป็นสิ่งที่ชาติพันธมิตรอเมริกาอย่างพวกอียู-อีย้วยทั้งหลาย ออกจะ “ไม่เห็นควรด้วย” หรือ “ไม่อยากจะด้วน” มากมายสักเท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศสที่ไม่ใช่แค่ต้องเจอกับการประท้วงในเรื่องเงินๆ-ทองๆ เรื่อง พ.ร.บ.ปฏิรูปบำนาญจนเละตุ้มเป๊ะกันไปแทบทั้งประเทศ ต้องเจอกับภาวะเงินเฟ้อ แนวโน้มเศรษฐกิจถดถอย ชนิดบริษัทจัดอันดับเครดิตอย่าง “Fitch Agency” ต้องออกมา “ปรับลด” เครดิตจากระดับ “AA” เหลือแค่ “AA-” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ต่างไปจากเยอรมนีที่ซีอีโอของบริษัท “Mercedes Benz” อย่าง “นายOla Kaellenius” ต้องออกมาป่าวป้องร้องตะโกนไว้ล่วงหน้าเมื่อช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (30 เม.ย.) ว่าการทะเลาะกับจีน สามารถก่อให้เกิด “ความเสี่ยง” ระดับฉิบหายวายตลิ่งต่อ “อุตสาหกรรมเยอรมนี” ทั้งระบบเอาง่ายๆ หรือแค่การไม่คิดค้าๆ-ขายๆ (Decoupling) กับจีน อย่างที่คุณพ่ออเมริกาพยายามออกแรงยุ แรงเชียร์ เสียเหลือเกิน ย่อมมีสิทธิ์นำมาซึ่งการ “เจ๊ง...กับ...เจ๊ง” ไปด้วยกันทั้งแถบ หรือทั้งยุโรป เอาเลยก็ว่าได้...
เพราะไม่ว่าจะการได้มาซึ่งแร่หายาก อย่าง “Rare-Earth” ที่ยุโรปต้องพึ่งพาการส่งออกของคุณพี่จีนถึง 98 เปอร์เซ็นต์ แร่ “Lithium” ถึง 97 เปอร์เซ็นต์ การนำเข้าแผงพลังงานแสงอาทิตย์เกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ ฯลฯ เอาเลยถึงขั้นนั้น หรือไปจนถึงการส่งรถยนต์ไฟฟ้าออกไปขายในตลาดโลก ที่หนีไม่พ้นต้องพึ่งพา “ตลาดจีน” นั่นแหละเป็นสำคัญ เพราะถ้าว่ากันตามตัวเลข สถิติของ “Global EV Outlook” ช่วงล่าสุด ตลาดรถไฟฟ้าถึง 60 เปอร์เซ็นต์ของโลก ก็อยู่ที่เมืองจีนนั่นแล แม้แต่การ “เตะตัดขา” หรือการคิด “เลิกขายชิป” ให้กับจีน ตามที่คุณพ่ออเมริกากดดัน ขอร้อง “นายโอลาฟ นริพทะพันธุ์” หรือ “นายOlaf Scholz” ผู้นำหัวล้านแห่งเยอรมนี ยังต้องออกมาปฏิเสธข่าวลือ ข่าวปลอม ของสำนักข่าวบลูมเบอร์ก ไปก่อนหน้านั้น แม้แต่ผู้ที่เคยได้ชื่อว่า “สุนัขพูเดิลของอเมริกา” อย่างพวก “ผู้ดีอังกฤษ” ก็เถอะ ถึงผู้นำประเทศอย่างนายกฯ “ฤาษี สุนัข” หรือ “Rishi Sunak” จะไม่ได้ออกมาแสดงท่าทีใดๆ ที่ชัดเจน แต่ระดับรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ “นายJames Cleverly” ก็เพิ่งออกมาสรุปแบบตรงไป-ตรงมา แบบชัดถ้อย-ชัดคำ ว่าการ “โดดเดี่ยวจีน” ไม่ได้ต่างอะไรไปจาก “การทรยศต่อผลประโยชน์แห่งชาติของประชาชนชาวอังกฤษ” เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!
ด้วยเหตุนี้...การคิดที่จะเบนเข็ม เบนหัวเรือ มายัง “แนวรบทะเลจีนใต้” ของคุณพ่ออเมริกา จึงไม่น่าจะถึงกับก่อให้เกิดความหนักอก-หนักใจมากมายสักเท่าไหร่นัก เพราะแม้แต่ “แนวรบยุโรปตะวันออก” ไม่ว่า “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างประธานาธิบดี “Zelensky” ท่านจะ “Counter Offensive” หรือโจมตี ตอบโต้หมีขาวรัสเซียได้ถึงขั้นไหน? อย่างไร? แต่โดยข่าวล่า-มาเรือโอกาสที่อาจหนักไปทางถูก “ถีบทิ้ง” โดยคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรยุโรป มันชักจะเป็น “ข่าวลือ” ที่ออกจะเป็นจริง-เป็นจังยิ่งเข้าไปทุกที ขณะที่ “แนวรบตะวันออกกลาง” ก็ยิ่งเกิดความเปลี่ยนแปลงจาก “หลังตีนเป็นหน้ามือ” อย่างถนัดชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อช่วงวัน-สองวันหลังการประชุมกลุ่มประเทศ “Arab League” ที่ประเทศจอร์แดน หรือเมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมานี่เอง (1 พ.ค.) โดย “แถลงการณ์ร่วม” ของตัวแทนผู้เข้าร่วมประชุม 5 ประเทศ อันได้แก่ซาอุดีอาระเบีย อียิปต์ จอร์แดน อิรัก และซีเรีย ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ถึงเวลาแล้ว...ที่ “ทหารอเมริกัน” ทั้งมวลต้องถอนตัวออกจากพื้นที่ประเทศซีเรีย เพื่อเปิดโอกาสให้รัฐบาล “Al-Assad” สามารถควบคุมดินแดนของตัวเองได้ทุกตารางนิ้ว...
แม้แต่ “ทหารอเมริกัน” ในประเทศอิรักก็เถอะ!!!...โอกาสที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปดังที่ผู้นำสูงสุดด้านจิตวิญญาณอิหร่านท่าน “Ayatollah Ali Khamenei” ท่านป่าวประกาศเอาไว้เมื่อวัน-สองวันมานี้ว่า “Even one American in Iraq is too many” หรือแม้แต่ทหารอเมริกันเพียงคนเดียว ก็ยังถือมากไปสำหรับประเทศอิรัก เรียกว่า...กะจะให้ไม่เหลือทหารอเมริกันแม้แต่รายเดียวในภูมิภาคตะวันออกกลางทั้งแถบ ดังคำสัตย์-คำปฏิญาณ เพื่อแก้แค้น-เอาคืนให้กับ “วีรบุรุษของชาติ” อย่างนายพล “Qasem Soleimani” ที่ถูกกองทัพอเมริกันลอบสังหารไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ย่อมมีสิทธิ์เป็นไปในวันใด-วันหนึ่งเอาเลยก็เป็นได้!!!
ดังนั้น...การเบนเข็ม เบนหัวเรือ มายัง “แนวรบทะเลจีนใต้” ของคุณพ่ออเมริกานับจากนี้ เอาเข้าจริงๆ แล้ว...จึงน่าจะขึ้นอยู่กับบรรดา “ผู้เล่น” ภายในภูมิภาคเอเชียนั่นแหละเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นผู้นำเกาหลีใต้อย่างประธานาธิบดี “Yoon Suk-yeol” ที่จะด้วยอาการเมาไวน์ หรือเมาเหล้า ก็แล้วแต่ ถึงขั้นโหยหวน ครวญคราง บทเพลง “American Pie” ให้ผู้คนในทำเนียบขาวได้รับฟังอย่างเป็นที่ครื้นเครง หรือประธานาธิบดี “Bongbong Marcos” แห่งฟิลิปปินส์ ที่มีกำหนดการเดิน|
ทางไปเยือนอเมริกาตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย.นี้ โดยจะยอมร้องเพลง เต้นรำตามจังหวะเพลงอเมริกัน หรือไม่? อย่างไร? คงต้องคอยจับตากันดูอีกที หรือประธานาธิบดี “Tsai Ing-wen” แห่งไต้หวัน ที่ยังไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอด-เอาตัวไม่รอด ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปีหน้า (2024) โดยอาจไม่จำเป็นต้องรอให้ “จีนบุกไต้หวัน” เอาเลยก็ไม่แน่!!!
หรือแม้แต่ “ผู้นำไทย” ที่ไม่ว่าจะเป็น “ลุง-ไม่ลุง” หรือเป็นใคร? ก็แล้วแต่ แม้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาบรรดาทูตานุทูตในเมืองไทยต่างมีโอกาสได้รับเชิญให้ไปดู “โครงการพระราชดำริ” จนน่าจะดื่มด่ำ ประทับใจ กันไปมิใช่น้อย แต่ถ้าหาก “ผลเลือกตั้ง” ในอีกไม่กี่วันนับจากนี้ มันอาจเป็นไปในแนวแบบที่ใครต่อใครกำลังฮือๆ ฮาๆ หรือแบบที่ก่อให้เกิดการแลนด์สไลด์-แลนด์ไถลของพวก “ก้าวสะเปะสะปะ” (ก้าวไกล) หรือพวก “เผาไทย” ขึ้นมาแบบจริงๆ-จังๆ แล้วล่ะก็ โอกาสที่จะเกิดอาการยุ่งฉิบหาย ยุ่งตายห่า ขึ้นมาในบ้านนี้-เมืองนี้ ภายใต้ช่วงจังหวะเวลาที่ “สหรัฐฯ เร่งไฟสงครามในเอเชีย” ย่อมอาจมีความเป็นไปได้ไม่มาก-ก็น้อย นั่นแล...