"โสภณ องค์การณ์"
อย่างที่เค้าว่า “ถ้าอยากได้ลูกเสือ ต้องเข้าถ้ำเสือ” แต่อยากรู้จักนักการเมืองให้ดี ต้องเป็นนักการเมืองเอง และจะได้รู้จักตัวเองดีด้วย จะมีคนขุดคุ้ยว่ามีเบื้องหลังเป็นมาอย่างไร บางเรื่องเจ้าตัวลืมไปแล้วก็มี หรือไม่รู้ว่ามีหลักฐานอยู่
ท่านห้าวเป้งทำรัฐประหารวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นผู้นำประเทศมีกฎหมายเด็ดขาดมาตรา 44 จากนั้นผันตัวมาเป็นนักการเมืองครึ่งร่าง มีพรรคลุงป้อมส่งชื่อให้เป็นคู่ชิงนายกฯ ไม่ต้องหาเสียง ลงทุนอะไร มีคนจัดการให้เสร็จ
พรรคที่ท่านห้าวเป้งลงไม่ได้มาที่ 1 แต่ก็มีขบวนการจัดสรรให้ได้เป็นนายกฯ มาอีกกว่า 4 ปี จากนั้นลากยาวมานานกว่า 8 ปีด้วยอภินิหารทางกฎหมาย เสริมด้วยข้ออ้างมีปัญหา ความสามารถในการนับเลข นับอย่างไรก็ไม่ถึง 8 ปี
ก่อนนั้นด้อยค่านักการเมืองเยอะ ไม่คิดว่าสักวันจะต้องมาคลุกคลีตีโมงกับนักการเมือง ต้องมาแก้ตัวในสภาเมื่อนักการเมืองรุมยำในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ รอดมาได้ทุกครั้งเพราะเสียงข้างมากและปัจจัยหนุนพิเศษเมื่อมีกลุ่ม ส.ส. วางแผนเลื่อยขาเก้าอี้ ต้องมีบริวารขนกระเป๋าดำหลายใบมากู้สภาพร่อแร่
มาถึงยุคที่ลุงป้อมอยากขอเป็นบ้าง เลยให้จัดท่านห้าวเป้งอยู่ในลำดับที่ 2 ของปาร์ตี้ลิสต์ ทำให้รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง ไม่ใช่ เมื่อเป็นอย่างนั้นต้องให้ขบวนการจัดการ
ระดมทุน หาคนมาอยู่ในพรรค มีสารพัดคนและมนุษย์ ความหลากหลายทางชีวภาพและเบื้องหน้าเบื้องหลัง มีโหงวเฮ้งโจร ประวัติมัวหมองก็ไม่ว่า ขอให้ใช้งานได้
ตั้งพวกบ่าว บริวารทั้งหลายในพรรคให้กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน
นี่เป็นช่วงที่ต้องพึ่งพานักเลือกตั้งเมื่อตัวเองต้องการอยู่ต่อเป็นนายกฯ ต่อไป อย่างที่ว่า อำนาจนั้นถ้าใครมีแล้วจะเสพติด ถอนตัวยาก ยิ่งมีอะไรซุกไว้ ยิ่งต้องอยู่ต่อ
ความมุ่งมั่นของท่านห้าวเป้งน่ากลัว คนที่ระดมมาไม่ต้องคำนึงถึงคุณภาพ ความเป็นมาดีงามอย่างไร ลืมคำพูดที่เคยปรามาสหมิ่นแคลนนักเลือกตั้งไว้
ขอให้ได้อยู่ต่อในอำนาจต่อไป ไม่ต้องคำนึงถึงวิธีการ อย่างที่ว่า The end justifies the means นั่ นแหละ ซ้ำร้าย ความอยากอยู่ในอำนาจต้องทำสิ่งที่ไม่เคยทำ
เดินตากหน้า ตากแดด หาเสียง ยกมือไหว้ประหลกๆ กับคนที่ไม่เคยรู้จักมักจี่ เป็นพวกที่อาจเคยไปยืนร้องทุกข์หน้าทำเนียบ แต่ไม่เคยลงมาพบ
เป็นนักการเมือง ย่อมทำให้ทุกอย่าง ปั้นหน้ายิ้ม ต้องพูดในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยเชื่อ ไม่ได้ทำ ให้คำมั่นสัญญาลมๆ แล้งๆ ทั้งที่สัญญาก่อนหน้านั้นไม่ได้ทำตาม
มาเป็นนักการเมืองก็ยังไม่เต็มตัว ไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์ ไม่ลง ส.ส. เขต ขอลอยตัวรอเป็นนายกฯ อย่างเดียว ถ้าพรรคไม่ได้คะแนนอันดับ 1 ก็จะหาทางเอาให้ได้
เข้าอีหรอบ “ไม่ได้เล่ห์ ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ ก็เอาด้วยคาถา” แต่นั่นล้าสมัย ยุคนี้ต้องใช้ปัจจัยและนโยบายเชิง “ตกเขียว” เช่นขึ้นเงินเดือนให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและเจ้าหน้าที่องค์กรส่วนท้องถิ่น อบต. อบจ. หรือหน่วยงานอื่นๆ
ซื้อไฟฟ้าเพิ่ม ลดภาษีที่ดิน วันทิ้งทวนก่อนยุบสภา โดนกล่าวหาว่าอวยเจ้าสัว
เรื่องค่าไฟฟ้าแพง โดนคนแช่งด่าทั้งแผ่นดินนี่แหละ ทำให้รู้ว่าธาตุแท้ของนักการเมืองเป็นอย่างไร “เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น” อย่างที่ว่ากันไว้เป๊ะ
ท่านห้าวเป้งถึงรู้ฤทธิ์เดชนักเลือกตั้งขนานแท้ในช่วงหาเสียง ทุกพรรคโจมตีรัฐบาลว่าเป็นตัวการทำให้ค่าไฟฟ้าแพง อวยเศรษฐีพลังงาน โรงงานผลิตไฟฟ้า
วันก่อนต้องร้องโอดโอย โอดครวญว่าพวกที่อยู่ในรัฐบาลเดียวกันนี่แหละต้องร่วมกันรับผิดชอบ ไม่ใช่มาโจมตีตนเองคนเดียว ต้องรับด้วยกันทั้งคณะ
นี่แหละธรรมชาติ ธาตุแท้ของนักเลือกตั้ง ร้อยลิ้นกะลาวน ลิ้นตระหวัดถึงใบหู ปากพูดอย่างทำอย่าง คนโกหกไม่ทำบาปย่อมไม่มี
นักเลือกตั้งพรรคร่วมรัฐบาลตัวแสบจริงๆ หาเสียงอ้างว่าถ้าได้เป็นรัฐบาลสมัยหน้าจะแก้ปัญหาค่าไฟฟ้าแพง ก๊าซแพง น้ำมันแพง โกหกปลิ้นปล้อนไปตามเรื่อง
ท่านห้าวเป้งจึงรู้สึกเหมือนนั่งบนเก้าอี้ไฟฟ้า เป็นเป้าอยู่คนเดียว
นักเลือกตั้งพรรคอื่นๆ ร่วมรัฐบาลคงอ้างได้ว่า “ที่ผ่านมา ใครได้รับผลประโยชน์จากพ่อค้าไฟฟ้า พวกข้าไม่ได้ร่วมรับอะไรด้วย ไม่ได้คุมพลังงาน”
นี่เป็นเพราะระบบแบ่งกันทำมาหากิน ไม่ก้าวก่ายกัน ใครได้มากได้น้อยขึ้นอยู่กับช่องทางที่เสาะหาและความชำนาญ บางกระทรวงชาวบ้านมองว่าแทบไม่มีอะไร แต่นักเลือกตั้งเจ้ากระทรวงสามารถสร้างโอกาสจากความไม่มี ให้กลายเป็นมีได้
ประชาชนควรพิจารณาว่าไม่ใช่เฉพาะท่านห้าวเป้งที่ต้องรับผิดชอบ พวกที่อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันด้วย ที่มีส่วนสนับสนุนให้ท่านห้าวเป้งอยู่ยั้งยืนยง
พวกนี้อยู่ในขบวนการนักทำความสะอาดทอปบูต เพื่อผลประโยชน์ ไม่สนใจประชาชน ช่วงนี้ต้องเป็นช่างทาสี นักสร้างภาพ ดิ้นหนีจากการเน่าทั้งโขยง
เชื่อเถอะ ถ้าท่านห้าวเป้งจะได้อยู่ต่อ พวกนี้แหละพร้อมจะพลิกลิ้น ทำความสะอาดทอปบูตต่อไป อ้างว่าที่ผ่านมาเป็นเรื่องการหาเสียง กลอนพาไป นั่นเลย
ท่านห้าวเป้งรู้ชัดว่านักเลือกตั้งประเภทเขี้ยวลากดินนั้นเป็นอย่างไร และตัวเองต้องให้อยู่รอด ต้องมีชั้นเชิงเหนือกว่านักเลือกตั้งทั่วไป อันนี้แหละน่ากลัวกว่า ถ้าไม่แน่จริง คงไม่อยู่รอดมาได้นานกว่า 8 ปี เกินกำหนดไว้โดยกฎหมายรัฐธรรมนูญ และยังมีคนเชื่อว่าจะมีปาฏิหาริย์ทางกฎหมาย หรืออะไรช่วยได้
พลังของการเสพติดอำนาจ และความจำเป็นบังคับให้ต้องอยู่ต่อ ตกเก้าอี้ไม่ได้นี้แหละคือเหตุของการที่อาจนำไปสู่ความไม่สงบ ความวุ่นวายในเกมชิงอำนาจ
โพลชี้ว่าพรรคท่านห้าวเป้งไม่มา ก็ไม่สนใจ ตากหน้าสู้ มีกองเชียร์ ติ่งหนุน กลไกของรัฐจะถูกเฝ้ามอง “นักร้อง” มีงานเยอะ ทั้งประเด็นเหตุให้มีการยุบพรรค
ทั้งคนเชียร์และไม่เชียร์ลุงตู่ อยากรู้ว่าจะอยู่ต่อหรือไม่ เดิมพันสูงจริง