หลังจากรีรอดูจังหวะนานหลายเดือนในที่สุด สิงห์ชราผู้นำทำเนียบขาว โจ ไบเดน ประกาศว่าจะลงสมัครเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีก 1 สมัย อ้างว่าจะขออยู่เพื่อสานต่อภารกิจให้จบสิ้น
ผู้เฒ่า โจ ไบเดน ไม่ได้บอกว่าภารกิจที่คั่งค้างคืออะไร และคงไม่คิดว่าตัวเองจะอยู่ในวัย 81 ปีเมื่อลงชิงในปีหน้า จากนี้ไปต้องตระเวนหาเสียงอย่างหนัก
คำประกาศ คานกับกระแสของโพลหลายแห่งที่บอกว่าโจ ไบเดนไม่ควรลงสมัครอีกหนึ่งสมัยเพราะสังขารร่วงโรยความจำเลอะเลือน ปล่อยไก่กลางเวทีหลายครั้ง
สร้างความขบขันและอับอายขายหน้าให้บรรดาแฟนและพรรคเดโมแครต แต่เมื่อผู้เฒ่าอยากจะสู้ต่อก็ต้องไปชิงกับผู้สมัครรายอื่นในพรรค
จะมีปาฏิหาริย์อะไรที่ทำให้โจ ไบเดนมีโอกาสชนะคู่แข่ง เมื่อผลงานไม่เป็นที่น่าพอใจของคนอเมริกันและทำให้สูญเสียคู่ค้าในหลายทวีป
ในยุคของโจ ไบเดน อิทธิพลของเงินดอลลาร์สหรัฐลดลงเหลือเพียงประมาณ 58% ในการค้าขายทั่วโลก กลุ่มประเทศในหลายทวีปเลิกใช้เงินดอลลาร์ในการค้าขายระหว่างประเทศ
โจ ไบเดน สนับสนุนสงครามยูเครนทำให้จีนและรัสเซียกระชับความเป็นมิตรภาพหนาแน่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนกลายเป็นการสร้างขั้วอำนาจใหม่ในโลก
โจ ไบเดนต้องสู้กับคู่ชิงภายในพรรคเดโมแครตและของพรรครีพับลิกันที่ยังมี โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นหนึ่งในตัวเต็ง แต่ต้องดูว่าจะรอดจากคดีอาญาหรือไม่
ยังไม่ทันสิ้นเสียงคำประกาศก็มีเสียงเยาะเย้ยถากถางจากอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งบอกว่าเป็นยุคที่อเมริกาเผชิญกับหายนะและความตกต่ำอย่างยิ่งในช่วงกว่าสองปีที่ผ่านมา
โดนัลด์ ทรัมป์ยังบอกอีกว่าถ้าจะประเมินอดีตประธานาธิบดี ของสหรัฐฯ ที่มีผลงานห่วยที่สุดในประวัติศาสตร์ 5 คนแล้วโจ ไบเดน ก็ยังห่วยที่สุด
ถ้าโจ ไบเดนชนะและอยู่ได้นาน 4 ปีจะมีอายุ 86 ปีซึ่งถือว่ามากที่สุดในบรรดาผู้นำของสหรัฐฯ
โดนัลด์ ทรัมป์ยังบอกอีกว่าโจ ไบเดนนำพาประเทศเสี่ยงกับการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 อย่างยิ่งในปัญหายูเครนกับรัสเซียซึ่งสหรัฐฯ และนาโตสนับสนุนอยู่โดยที่ยูเครนไม่มีวี่แววว่าจะชนะ
นอกจากปัญหาการเมืองในประเทศ ความอยากเป็นเจ้าโลกบนเวทีระหว่างประเทศและวิกฤตเศรษฐกิจที่คนอเมริกันลำบากอยู่โจ ไบเดนคงคิดว่าตัวเองจะต้องอยู่เพื่อจัดการให้ได้
โจ ไบเดนพยายามกู้คะแนนและความนิยมด้วยการเบี่ยงประเด็นหาเรื่องกับจีน ทำให้ถูกมองว่าสหรัฐฯ ไม่มีขีดความสามารถในการรบสงครามเศรษฐกิจและการช่วงชิงอำนาจในการเมืองระหว่างประเทศกับรัสเซียและจีน
ซ้ำร้ายพันธมิตรหลักในยุโรปเช่นเยอรมนีและฝรั่งเศสเริ่มแสดงออกท่าทีถึงการไม่อยากเข้าไปผูกติดเกินไปกับสหรัฐฯ และการเผชิญหน้ากับจีน
มีสื่อนอกกระแสอ้างแหล่งข่าวเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ว่ายูเครนไม่มีขีดความสามารถในการจะรุกหนักช่วงฤดูใบไม้ผลิเพื่อตอบโต้รัสเซียเพราะขาดแคลนอาวุธและทรัพยากรอื่นๆ ทำให้ภาพของโจ ไบเดนแย่กว่าเดิม
ทั้งยังบอกอีกว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของโจ ไบเดนต้องเตรียมพร้อมยอมรับและทำใจว่ายูเครนจะไม่มีโอกาสชนะสงคราม
ยิ่งคำอ้างของผู้นำยูเครนว่าจะทวงคืนแหลมไครเมีย จากรัสเซียด้วยแล้ว ในความเห็นของนักการทหารอเมริกันมองว่ายิ่งเป็นไปไม่ได้ เป็นความหวังเกินเอื้อม เว้นแต่ว่าจะได้รับอาวุธมากมายและทหารยูเครนต้องตายเพิ่มขึ้น
นั่นหมายความว่าประเทศยูเครนจะต้องพินาศย่อยยับแทบสิ้นความเป็นชาตินั่นเลยเพราะไม่เหลือโครงสร้างสาธารณูปโภคอะไรอีกแล้วและต้องใช้เงินมหาศาลฟื้นฟูหลายปี
แต่ความล้มเหลวเหล่านี้ ในสงครามเศรษฐกิจกับรัสเซีย รวมถึงความพ่ายแพ้ในสมรภูมิยูเครนไม่มีการนำเสนอข่าวโดยสื่อกระแสหลักในสหรัฐฯ และโลกตะวันตกที่หนุนยูเครน
ผู้นำประเทศไม่ต้องการรับรู้ข่าวร้ายและความล้มเหลวของตัวเอง ไม่อยากให้ประชาชนรู้ด้วย
คนอเมริกันส่วนใหญ่ซึ่งไม่สนใจสงครามยูเครนอยู่แล้วก็ยิ่งไม่รับรู้ข่าวสาร และเหตุการณ์แท้จริงในยูเครนนอกจากสื่อซึ่งรับใช้การโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยังคงประโคมข่าวว่ายูเครนมีโอกาสชนะรัสเซีย
คนอเมริกันจะมีทางเลือกจากแค่ 2 คน 2 พรรคเท่านั้น และจะนำพาประเทศไปสู่อนาคตแบบไหนต้องรออีกหนึ่งปี