ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งชิงอำนาจรัฐเข้าไปเท่าไหร่การหาเสียงของนักเลือกตั้งยิ่งเข้มข้นเน้นหนักโครงการประชานิยมถมไม่เต็ม หวังจูงใจชาวบ้านให้เลือก
มีเสียงร่ำลือเรื่องการยิงกระสุนในพื้นที่ต่างจังหวัดอย่างหนัก บางครอบครัวอ้างว่าได้เกิน 1 หมื่นบาทแล้วจากหลายพรรค สะท้อนให้เห็นถึงการสู้ศึกเดิมพันสูงจริง
การเลือกตั้งกำหนดไว้วันที่ 14 พฤษภาฯ เหลืออีกไม่ถึงเดือนก็จะพิสูจน์ว่าใครจะได้เป็นผู้นำประเทศ ถ้าอยู่รอดปลอดภัย ก็กุมอำนาจได้นาน 4 ปี ว่ากันได้เต็มที่
บ้านเมืองจะดีขึ้น ชาวบ้านจะมีรายได้ อนาคตดูสดใสหรือไม่ เป็นอีกเรื่อง
แต่กลับมีสัญญาณไม่สู้ดีบางอย่างว่าจะมีเหตุไม่ราบรื่น มีข่าวว่านักเลือกตั้งกว่า 130 รายอาจเข้าข่ายขาดคุณสมบัติซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งต้องพิจารณา
ทั้งมีเสียงร่ำลือว่าอาจมีการยุบพรรคการเมืองอย่างน่าสงสัย กี่พรรคก็ยังไม่มีใครรู้ และถ้ามี จะยุบก่อนหรือหลังเลือกตั้ง พรรคที่จะยุบจะนำไปสู่ความวุ่นวายหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่ายุบก่อนหรือยุบหลัง และจำนวนพรรคที่ตั้งธงเป้าหมายมั้ย
ถ้ามีเหตุวุ่นวาย จะมีใครอาสามาเป็นผู้รักษาความสงบให้จบที่ลุงตู่อีกมั้ย
หากเกิดเหตุเช่นนั้นจริง บ้านเมืองจะถอยหลังไปอีกหลายปี ความสงบที่ว่านั้นไม่น่าจะอยู่ได้นาน อาการแทรกซ้อนต่างๆ คงต้องทำให้บางพวกย้ายที่อยู่
ถ้าทุกอย่างโอเค มีเลือกแล้วจะสามารถประกาศผลการเลือกตั้งภายในเวลาที่กำหนดหรือไม่ และ กกต.จะยังอยู่ครบเพื่อทำหน้าที่ประกาศผลได้หรือไม่
ถ้ามีใครน้อยใจ หมดกำลังใจแบบน่าสงสัย ขอลาออก ก็จบเห่!
ทำไมถึงมีเรื่องที่ดูไม่เป็นมงคลกับการเลือกตั้งที่ประชาชนทั่วประเทศรอคอยการไปใช้สิทธิ์ ว่าจะเลือกผู้นำคนปัจจุบันหรือหน้าใหม่
คำตอบก็คือตัวแปรผันสำคัญที่ท่านห้าวเป้งมีความตั้งใจและพยายามทุกวิถีทางที่จะอยู่ต่อในอำนาจให้ได้ทั้งที่อยู่มานานกว่า 8 ปีเกินข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญ ดังนั้นต้องแสวงหาช่องทางผ่านเครือข่ายให้อยู่ได้รอดจากภัยทั้งปวง
การไม่ยอมเคารพกติกา 8 ปี ทำให้คนทั่วไปคิดได้ว่า การเมืองย่อมมีการใช้เล่ห์กลทุกทางรวมทั้งอำนาจรัฐเพื่อให้อยู่ในอำนาจที่คนมักเสพติดเลิกไม่ได้
ความมุ่งมั่นเต็มบ้องของท่านห้าวเป้งจากการเดินสายยอมตากหน้า ฝ่าแดดร้อนระอุ ออดอ้อนชาวบ้านขอโอกาสเป็นผู้นำประเทศต่อไปจึงเป็นสิ่งที่น่ากลัว
อย่างที่รู้กัน ท่านห้าวเป้งดิ้นรนหาที่ยืนใหม่สู้ศึกเลือกตั้งหลังจากรู้ว่าการเสนอชื่อเป็นนายกฯ ภายใต้ธงพรรคลุงป้อมนั้น จะต้องมาเบอร์ 2 ทำใจไม่ได้
จึงให้รุ่นน้องติดต่อเครือข่าย หาทุนจัดตั้งพรรค ดูดดึงพวกไร้ที่ไปมาร่วมกัน ทำให้ไม่ได้ว่าที่ ส.ส.เกรดเอมา จึงต้อนดิ้นรน มีโพลช่วยปั่น ท่านห้าวเป้งเร่งขายตัวเอง
ดังนั้น ทั้งพรรคจึงมีดาวเด่นคนเดียว เพื่อคนเดียว โพลปั่นตัวเลขว่าจะได้กว่า 50 เสียงซึ่งเป็นเรื่องต้องลุ้นตัวโก่ง อาศัยความมหัศจรรย์เป็นตัวช่วย
ที่น่ากังวล คือมีกระแสข่าวว่าพรรคของท่านห้าวเป้งจะไม่ได้ ส.ส.มากพอที่จะเป็นข้ออ้างขอจัดตั้งรัฐบาลได้ ยิ่งทำให้พรรคคู่แข่งหวาดวิตกว่าจะถูกกำจัด
การยุบพรรค หรือวิธีการอื่นใดจึงอาจเป็นทางเลือกเพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจนไม่สามารถตั้งรัฐบาลใหม่ได้ จะทำให้ท่านห้าวเป้งอยู่ในตำแหน่งรักษาการต่อไป
ถ้าเป็นอย่างนั้น อนาคต ทิศทางของประเทศยากที่จะประเมินได้
ยิ่งมีเครือข่ายผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศเป็นเดิมพันของพวกกลุ่มทุนใหญ่อยู่แล้ว ก็ทำให้เกิดความไม่แน่นอนว่าความเชื่อมั่นในระบบธรรมาภิบาล ความน่าเชื่อถือของประเทศจะเป็นอย่างไร เมื่อต้องกู้และกู้เพื่อประชานิยมต่อเนื่อง
คุณภาพและประเภทของนักเลือกตั้งตามสภาพที่เป็นอยู่ไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นสำหรับผู้ห่วงใยสถานการณ์บ้านเมือง สำหรับชาวบ้านทั่วไปที่ได้ปัจจัยคงจะพอใจ หวังว่านโยบายประชานิยมจะช่วยให้ชีวิตดีขึ้น ถ้าทำได้จริง
ก็ประชานิยมต่างๆ นี่แหละจะถูกใช้เป็นเครื่องมือสำหรับร้องเรียนให้ยุบพรรค
ถ้าจะเล่นตามกติกาจริงๆ หลายพรรคเข้าเค้าอยู่หลังจากหาเสียงแบบเกทับบลัฟแหลก ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของกรรมการคุมเกมว่าจะเป็นอย่างไร
แนวโน้มจึงเปลี่ยนแบบวันต่อวัน มีสื่อกระพือ ชอบใครก็ว่าตามนั้น เอาผลจากโพลมาเทียบกัน ยากที่จะบอกได้ว่าใครน่าเชื่อถือกว่ากัน
ผลของการเลือกตั้งวันที่ 14 เดือนหน้าจะเป็นตัวตัดสินอนาคตของประเทศ ถ้ามีการเลือกตั้งและผลที่ตามมาว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างที่ว่าไว้ข้างต้น
ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ แต่ขาดการจัดการที่เหมาะสม นักการเมือง ข้าราชการ พ่อค้า ในกลุ่มกุมอำนาจมีผลประโยชน์ร่วมกันประสานการทุจริต คอร์รัปชัน ทำให้บ้านเมืองอยู่ในสภาพเช่นนี้
ประเทศไทยน่าอยู่ เป็นที่อิจฉาของคนทั้งโลก ไม่มีภัยธรรมชาติร้ายแรง แต่การทำลายสิ่งแวดล้อม ป่าไม้ต้นน้ำอย่างไร้จิตสำนึกเพราะการทุจริต ทุนนิยมล้างผลาญ คนไทยภาคเกษตรจึงต้องรับผลกระทบจากการผลักดันนโยบายอุตสาหกรรม
ค่าไฟฟ้าแพงทุกวันนี้เป็นผลของการทุจริตเชิงนโยบายบนพื้นฐานของอำนาจฉ้อฉล ยังไม่มีใครแก้ไขได้ เมื่อกลุ่มกุมอำนาจรัฐเป็นทาสอำนาจเงินของพ่อค้า
พระสยามเทวาธิราชคงเหนื่อยล้ากับพวกกังฉินกินเมือง ปล่อยให้เป็นชะตากรรมของแผ่นดิน ชาวบ้านโทษใครก็ไม่ได้ ต้องโทษตัวเอง ที่เลือกคนโกงเข้ามา
เป็นอย่างคำพูดที่ว่า ถ้าคนดีไม่สนใจการเมือง จะถูกปกครองโดยคนชั่ว