ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
อาจารย์ประจำสาขาวิชา Citizen data science
และ Actuarial Science and Risk Management
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
สัปดาห์นี้มีบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขคือหมอกับพยาบาลที่มีความรู้ดีและอ่านงานวิจัยที่ค้นพบผลกระทบข้างเคียง (Side effects) ในทางไม่ดีของ mRNA วัคซีนได้ด้วยตนเองจากวารสารในต่างประเทศ ได้เขียนข้อความมาหาผมจำนวนหลายท่านมากว่าไม่สามารถหาวัคซีนเชื้อตายเพื่อกระตุ้นให้ตนเองได้ มีแต่ mRNA ซึ่งเขาเหล่านั้นไม่ต้องการฉีด mRNA ต้องการฉีดวัคซีนเชื้อตายที่ปลอดภัยกว่าและมีผลกระทบข้างเคียงน้อยกว่า
ผมสืบทราบมาว่ารัฐบาลไม่จัดหาวัคซีนเชื้อตายเข้ามาใช้ในประเทศไทยมาเกือบปีแล้ว มีแต่ Viral vector vaccine คือ Astrazeneca กับ mRNA vaccine คือ Pfizer กับ Moderna เป็นหลัก ส่วนเชื้อตายหรือ inactivated vaccine นั้นรัฐบาลเลิกสั่งซื้อเลิกนำเข้าแล้ว
เรื่องนี้ทำให้ผมเห็นใจรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขมากว่า
ตอนที่ระบาดใหม่ๆ หาได้แต่ Sinovac วัคซีนเชื้อตายก็มีกลุ่มสามกีบและกลุ่มหมอสามกีบเรียกร้องจะเอาวัคซีนหลักเป็น mRNA ซึ่งหาซื้อไม่ได้ในเวลานั้น
เกิดการด้อยค่าวัคซีนเชื้อตายอย่างมากมาย จนกลายเป็นเรื่องการเมืองไปเสียสิ้น
ยกตัวอย่างเช่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาแถลงให้ข่าวว่า “ตอนนี้ผมกำลังค้นหาที่อยู่ผู้ก่อตั้ง Pfizer และ Moderna พบว่าเป็นรุ่นพี่ที่ MIT ทั้งสองคน เราเป็นฝ่ายค้านก็จริง แต่ต้องหาทุกวิธีที่ทำให้ได้ 200,000 - 300,000 โดส ควรเป็นขั้นต่ำที่นายกฯไทยควรทำได้ เพื่อให้ด่านหน้าที่ต่อสู้กันจนเหนื่อยล้า มีขวัญกำลังใจ ทุกวันเขาต้องออกไปเสี่ยงและเขามีลูกรอที่บ้านเหมือนกับเรา วัคซีนจำนวนเท่านี้ถึงทลายคอขวดไม่ได้ก็นำพาไปสู่อนาคตได้ อยากจะฝาก ถ้าไม่ยุบ ศบค. ไม่ปรับ ครม. ก็ถึงเวลาที่ท่านต้องถอยให้คนรุ่นใหม่ที่เข้าใจและทำงานเป็นเข้ามาแทน ถ้าท่านรักครอบครัวของท่าน จงกลับไปดูแลครอบครัว กลับไปดแลลูกหลาน แล้วให้คนที่มีความพร้อมได้ทำงาน เพราะน้ำตาของคนเวลามันไหลออกมามันเป็นน้ำ แต่ถ้ามันหยดลงพื้นเมื่อไหร่ มันก็กลายเป็นไฟได้เช่นกัน”
แต่นายพิธาเองก็ฉีดวัคซีนเชื้อตายล็อตแรกๆ ที่สถาบันบำราศนราดูร ไปสองเข็ม แล้วก็มาฉีดวัคซีน Viral vector คือ Astrazeneca ที่รัฐสภาอีกหนึ่งเข็ม ไม่ได้ไปฉีด mRNA แต่ประการใด
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งออกมาวิจารณ์ไลฟ์สดกรณีวัคซีนพระราชทาน ใครได้ใครเสีย จนถูกฟ้องคดีมาตรา 112 เอง ก็รีบไปฉีด Astrazeneca ที่ตนเองวิจารณ์ว่าเป็นวัคซีนพระราชทาน ใครได้ใครเสีย ที่โรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์ ทั้งยังมีข่าวว่าไปฉีดในเวลาเย็นย่ำ ผิดแปลกจากประชาชนทั่วไปที่ไม่ค่อยมีใครโทรมาตามไปฉีดในเวลาค่ำคืน ทั้งยังต้องขับรถข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาจากแถวบางนา-ตราดมาเกือบ 30 กิโลเมตร ซึ่งก็ไม่ได้ใกล้บ้านสักเท่าไหร่ ที่สำคัญคือออกมาด้อยค่าวัคซีน Astrazeneca และ Siambioscience แต่ก็มาฉีดวัคซีนที่ผลิตโดยโรงงานพระราชทานอยู่ดี
หรือแม้แต่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ออกมาทวิตเตอร์ด้อยค่าวัคซีนเชื้อตาย แต่ก็มาฉีดวัคซีนเชื้อตายคือ Sinovac ที่โรงพยาบาลบางกรวยก่อนประชาชนสองเข็ม โดยที่ใช้สิทธิ สส. สอบตกแล้วอ้างว่าเป็นนักการเมืองต้องพบปะประชาชนมากจึงเสี่ยงมาก แต่สส. สอบตก จะใช้สิทธิเช่นนี้ก่อนประชาชนจะถือเป็นอภิสิทธิ์หรือไม่ก็น่าคิดเช่นกัน
แต่ในวันนี้พอมีงานวิจัยจำนวนมากแสดงให้เห็นว่า mRNA ก็ไม่ได้เป็นวัคซีนเทพแต่อย่างใด คือกันติดไม่ได้ กันตายได้ ทั้งยังมีผลกระทบข้างเคียงค่อนข้างมากกว่า เช่นทำให้เกิดหัวใจอักเสบ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ วันนี้เมื่อมีผลกระทบข้างเคียงจาก mRNA ชัดเจนปรากฎในเปเปอร์จำนวนมากทำให้มีคนอยากฉีดวัคซีนเชื้อตายเป็นจำนวนหนึ่ง แต่เสียงไม่ดังพอเพราะไม่ได้มีการเมืองเข้ามาแทรกแล้วดังที่เคยเกิดขึ้น
รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขอาจจะลำบากใจว่าตกลงจะให้หาวัคซีนโควิด-19 แบบไหนมาให้กันแน่ พอหา mRNA ได้มากมาย ก็ไม่อยากฉีด mRNA อยากฉีดเชื้อตาย แต่เวลาที่มีแต่เชื้อตายก็อยากได้ mRNA
ผมบันทีกไว้ว่าขณะนี้เกิดมุมกลับจากบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีความรู้ดี อ่านเปเปอร์ได้ ไม่อยากฉีด mRNA ต้องการฉีดวัคซีนเชื้อตายที่ในเวลานี้หาไม่ได้ในประเทศไทยแล้วครับ
ผศ.นพ.ไวกูณฐ์ สถาปนาวัตร แห่งคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ได้แสดงความเห็นว่า “หมอแก่ทั้งหลายบอกมาแต่แรกแล้ว เชื้อตายก่อน mRNA ต้องรอดูผลนานๆ แต่ก็มีคนที่นึกว่าตัวเองฉลาด อ่านวิจัยที่รายงานผลสั้นจุ๊ดจู๋ เอามาโจมตี คนพวกนี้ไม่เข้าใจคำว่าอดทนรอดูผลระยะยาว เป็นความโง่ทางอารมณ์อย่างหนึ่ง จนลืมมองระยะยาว”
สิ่งที่น่าคิดมากคือ รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขจะจัดการอย่างไรต่อไป มีแพทย์หลายคนเริ่มคุยกันเองว่าหรือจะไปประเทศจีนสักหน่อย เอาเรื่องเที่ยวเป็นหลักและหาวัคซีนเชื้อตายฉีดให้ได้ก่อนกลับประเทศไทย เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้แหละครับ